“เฮ้อ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมถึงหายไปแบบนี้...”
ทางด้านคามินทร์ที่พยายามติดต่อหาเวฬาเท่าไหร่ก็ติดต่อไม่ได้ เขามาเฝ้าอยู่ที่หน้าคอนโดทุกวันจนดึกดื่นก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้เจอเธอเขาเลยตัดสินใจมาที่หน้าบ้านของเธอแทน คามินทร์พยายามมองเข้าไปด้านในเผื่อว่าเธอจะอยู่ที่นี่
“นั่นใครกัน...คามินทร์นี่...”
คุณเวหาที่พึ่งกลับมาจากบริษัทมองไปที่คามินทร์อย่างแปลกใจที่เห็นเขามายืนด้อมๆมองๆอยู่ที่หน้าบ้านแบบนี้ เขาบอกให้คนขับรถจอดรถ ก่อนจะเดินลงไปหาคามินทร์
“มาทำอะไรตรงนี้ล่ะ ทำไมไม่เข้าไปในบ้าน หืม?”
“คุณลุง เอ่อ พอดี...ผมมาหาเวฬาครับ เธออยู่ที่นี่รึเปล่าครับ”
คามินทร์ถามขึ้นอย่างเริ่มมีความหวัง
“อืม เข้าไปข้างในสิ”
และคามินทร์ก็เดินตามคุณเวหาเข้ามาในบ้าน
“นั่งก่อนสิ เดี๋ยวลุงให้คนเอาน้ำมาให้”
“ไม่เป็นไรครับ...ว่าแต่ทำไมเวฬาถึงกลับมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ”
คุณเวหามองคามินทร์อย่างชั่งใจ เมื่อเขาเองก็ไม่ได้รู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองเหมือนกัน แต่ที่เขาเริ่มแน่ใจคือคนที่มีปัญหานั้นคือลูกสาวของเขาไม่ใช่ชายหนุ่มตรงหน้า
“ไม่รู้สิ เวฬาไม่ได้พูดอะไรให้ฟัง ว่าแต่เรามีปัญหาอะไรกันรึเปล่าล่ะ”
“เปล่าครับ...ผมแน่ใจว่าเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกันแน่นอนครับ”
“อืมมมม เรื่องนี้ลุงก็ไม่รู้นะ เดี๋ยวให้คนไปตามเวฬามาให้แล้วกัน ลุงคงต้องขอตัวก่อนล่ะ อยากอาบน้ำเต็มทน”
“ขอบคุณครับ”
พูดจบ คุณเวหาก็ลุกเดินออกจากห้องรับแขกไปทันที ปล่อยให้คามินทร์ได้แต่นั่งคิดสับสนอยู่คนเดียวเมื่อเวฬามาซ่อนตัวอยู่ที่นี่จริงๆ
“คะ? พี่คามินทร์มาเหรอ”
“ค่ะ คุณท่านให้เจียมมาบอกคุณหนูให้ลงไปพบคุณคามินทร์ที่ห้องรับแขกน่ะค่ะ”
ทางด้านเวฬาที่เอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในห้องถึงกับตกใจที่คามินทร์มาหาเธอถึงที่นี่ หญิงสาวเริ่มกระวนกระวายใจเมื่อตลอด 2 วันที่ผ่านมาเธอเอาแต่คิดหาทางออกเรื่องระหว่างเธอกับคามินทร์ ครั้นจะโกหกเขาแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็คงไม่ได้เพราะสักวันเขาก็จะได้รู้ว่าเธอไม่ได้เป็นสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างที่เคยบอกเขาไปแน่นอน
“เอาไงเอากัน คงมีแค่ทางนี้เท่านั้น...”
และเวฬาก็ตัดสินใจเลือกอีกทาง เมื่อมันอาจทำร้ายทั้งเขาและเธอให้เสียใจ แต่เธอก็ไม่อยากตะขิดตะขวงใจและเป็นคนบาปตลอดไปอย่างแน่นอน
“เวฬา...มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเราถึงหนีมาอยู่ที่นี่...”
พอเห็นเวฬาเดินเข้ามา คามินทร์รีบลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเธอทันทีพร้อมกับสายตาแปลกใจระคนสงสัย
“พี่คามินทร์...เวฬาขอโทษนะคะที่ไม่ได้ติดต่อไป...”
“ขอโทษเรื่องอะไรกันเวฬา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หือ?”
คามินทร์เริ่มสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อความผิดเดียวก่อนที่เธอจะหายตัวไปคือเขาแอบดูดบุหรี่ หรือบางทีเธออาจล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเดซี่ที่มีมาก่อนหน้านั้นแล้ว
ส่วนเวฬา ตอนนี้เธอเริ่มลังเลเมื่อมองหน้าคามินทร์แล้วดันคิดสงสาร เพราะเขาเป็นแฟนที่ดีของเธอมาโดยตลอด เขายอมที่จะรอไม่รบเร้าขอนอนกับเธอทั้งๆที่คบกันมาตั้งนานแล้ว
“พี่คามินทร์...ฮึก...เวฬา...เวฬา...”
“อะไรกัน เป็นอะไรกันแน่ หืม บอกพี่มาสิ พี่จะได้แก้ไข”
“ไม่ใช่ ฮึก ไม่ใช่เพราะพี่คามินทร์หรอกค่ะฮื่อๆๆ เวฬาผิดเอง ฮื่อๆๆ เป็นเวฬาที่ผิดทุกอย่าง ฮื่อๆๆๆ”
และเวฬาก็ปล่อยน้ำตาออกมาเมื่อมันไม่ใช่แค่การที่เธอถูกผู้ชายลากไปนอนด้วย แต่เธอดันมีความรู้สึกดีๆให้กับผู้ชายคนนั้นนี่สิที่มันผิด
ส่วนคามินทร์ที่ถึงจะไม่เข้าใจแต่ก็ดึงร่างบางสั่นเทาเข้ามากอด เขาไม่รู้ว่าอะไรที่เธอทำผิด แต่เขาเองก็ทำเรื่องผิดบาปเอาไว้กับเธอเหมือนกัน
“อย่าร้องสิ มีเรื่องอะไรก็เล่าให้พี่ฟังได้ พี่พร้อมรับฟังเราเสมอนะ”
และยิ่งเขาพูดแบบนั้น เวฬายิ่งร้องไห้หนักขึ้นไปอีก เธอรู้สึกผิดกับเขาเหลือเกิน ก่อนจะเริ่มตั้งสติแล้วดันเขาออก
“ฮึก...เวฬา...เวฬาคิดว่า ฮึก เวฬาอยากยุติความสัมพันธ์ของเรา ฮื่อๆ อย่ามาเสียเวลากับเวฬาอีกเลยนะคะพี่คามินทร์”
พูดจบ เวฬาก็หันหลังวิ่งกลับขึ้นไปชั้นบนทันที ปล่อยให้คามินทร์ได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ดีๆก็ถูกบอกเลิกกะทันหันแบบนี้
“ฮื่อๆๆๆๆ เวฬาขอโทษ ฮื่อๆๆ เวฬาขอโทษจริงๆ ฮื่อๆๆๆ”
พอขึ้นมาถึงห้องนอนของเธอแล้ว เวฬาก็ปลดปล่อยเสียงขอโทษและน้ำตาออกมาอย่างไม่คิดอดทนเอาไว้อีก ภายในใจของเธอตอนนี้มีแต่ความรู้สึกผิดเต็มไปหมด
ส่วนคามินทร์ หลังจากที่ยืนนิ่งอยู่พักใหญ่ๆก็ค่อยๆเดินกลับออกไปจากบ้านหลังใหญ่โดยมีคุณเวหามองตามลงมาจากบนห้อง
“เกิดอะไรขึ้นคะคุณ ทำไมลูกถึงบอกเลิกคามินทร์ไปแบบนั้นคะ?”
คุณอารียา มารดาของเวฬาถามผู้เป็นสามีอย่างรู้สึกเป็นกังวล
“ก็คงต้องไปถามลูกของเรา คามินทร์เองก็เหมือนจะไม่รู้เรื่องเหมือนกัน”
คุณเวหาบอกขึ้น ถึงจะรู้สึกเสียดายคามินทร์แต่จะให้ทำยังไงได้เมื่อเวฬาตัดสินใจด้วยตัวเองได้แล้ว
“ของลงเรือหมดแล้วใช่ไหม?”
“ครับ เรือออกจากท่าไปแล้ว”
“อืม กำชับพวกบนเรือ อย่าให้ของเสียหายหรือถูกจับได้เด็ดขาด”
“ครับ”
ฮาเดสมองไกลออกไปในท้องทะเลกว้าง ที่มีเรือขนส่งลำเล็กลำใหญ่แล่นไปมาเต็มไปหมด ก่อนจะมีเรือยอร์ชสุดหรูหราวิ่งตรงเข้ามายังท่าเรือที่เขายืนอยู่
“นาซีฟมาด้วยใช่ไหม?”
“ครับ คนของเราบอกว่าหมอนั่นอยู่บนเรือแล้วครับ”
ฮาเดสมองตรงไปที่เรือสุดหรูที่ค่อยๆจอดเทียบท่า ก่อนจะมีชายชาวตะวันออกกลางเดินยิ้มร่าออกมาต้อนรับเขา
“ยินดีต้อนรับสู่โลกของนาซีฟ เชิญขึ้นมาๆ”
นาซีฟ นายหน้าค้าอาวุธเถื่อนผู้ที่ทั้งโลกกำลังต้องการตัวและเลือกที่จะมากบดานที่ประเทศไทยเมื่อเงินของเขาสามารถทำให้เขาอยู่ที่นี่ได้อย่างสุขสบายไร้กังวลได้
ฮาเดสเดินขึ้นไปตามคำเชิญของเจ้าของเรือ ก่อนจะจับมือทักทายอย่างเป็นมิตรเมื่อนาซีฟนั้นเป็นนายหน้าขายอาวุธให้กับเขามานานหลายปีแล้ว แต่นานๆทีจะได้เจอหน้ากันตรงๆแบบนี้ เพราะวันนี้นาซีฟขอเจอเขาเพื่อพูดคุยเรื่องการค้าขายอาวุธเถื่อน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เพื่อนรัก”
พอเดินเข้ามาด้านใน ฮาเดสก็ต้องชะงักไปทันทีกับเสียงทักทายที่เขาไม่เคยคิดอยากได้ยินมันอีก ก่อนร่างใหญ่ของ เจค อดีตเพื่อนสนิทของฮาเดสจะเดินเข้ามาหา
“คุณสองคนคงรู้จักกันแล้ว พอดีเจคขอมาด้วยน่ะผมเลยไม่ปฏิเสธ มานั่งกันก่อนๆ ดื่มไปคุยธุรกิจไปจะได้คุยกันรู้เรื่อง”
นาซีฟรีบบอกเมื่อรู้สึกถึงอารมณ์คุกกรุ่นของแขกทั้งสองคนของเขา ก่อนสองหนุ่มจะเดินไปนั่งคนละฝั่ง อีกคนสีหน้าบึ้งตึงแต่อีกคนกลับยิ้มร่าอย่างรู้สึกเป็นต่อ
“ผมคิดว่าเราควรคุยกันสองคนเพราะมันเป็นเรื่องธุรกิจ ไม่คิดว่าคุณจะเอาคนอื่นมาด้วย”
ฮาเดสพูดขึ้นอย่างไม่พอใจที่นาซีฟไม่บอกเขาก่อนว่าจะมีคนอื่นมาด้วย
“ผมต้องขอโทษ ก็เจคบอกว่าอยากคุยกับผมด้วย ผมเลยนัดมาพร้อมกันเลยจะได้ไม่เสียเวลา อีกอย่าง เราก็เพื่อนๆกันทั้งนั้นน่า เอานี่ดื่มกันก่อน”
นาซีฟรีบแก้สถานการณ์พร้อมกับกวักมือให้สาวๆนุ่งน้อยห่มน้อยเข้ามาเสิร์ฟและบริการให้หนุ่มๆใจเย็นขึ้น
“ผมมีเวลาไม่มาก เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”
ฮาเดสที่อยากออกไปจากเรือนี่เต็มทนบอกขึ้น
“คืออย่างนี้ ตอนนี้ผมหาลูกค้าให้เพิ่มได้เยอะมาก ทั้งโซนยุโรป ทั้งโซนตะวันออกกลาง และตอนนี้โซนเอเชียก็มีมาด้วย ส่วนของที่หามาได้ก็เยอะพอสมควร ผมเลยอยากให้คุณขยายฐานธุรกิจไปยังโซนเอเชียด้วย”
นาซีฟอธิบายออกมาพร้อมกับบอกความต้องการของเขา
“แต่ผมไม่สนใจโซนเอเชียคุณก็รู้นี่”
ฮาเดสบอกขึ้น เพราะเขาปฏิเสธมาหลายครั้งแล้วเรื่องการค้าขายอาวุธให้กับคนในแถบเอเชียเพราะเขาไม่อยากมีปัญหากับพวกเจ้าถิ่น
“ผมรู้ ก็เลยพาเจคมาด้วยไง เจคจะรับของไปส่งโซนเอเชียทั้งหมดเอง แต่ของจะเป็นของที่มาจากแหล่งผลิตเดียวกันกับคุณ ผมเลยต้องบอกคุณก่อนเพราะกลัวจะมีปัญหากันทีหลัง”
พอได้ยินแบบนั้นฮาเดสถึงกับคิดหนัก ต่างจากเจคที่นั่งดื่มพร้อมกับลูบไล้ร่างกายสาวสวยที่คอยปรนนิบัติเขาอย่างสบายอารมณ์ เพราะแค่การมาของเขาทำให้ฮาเดสไม่พอใจได้เขาก็รู้สึกสนุกแล้ว
“ผมไม่ตกลง ถ้าจะขายของก็หาบริษัทใหม่ หรือคุณจะหยุดซื้อขายกับผมก็คงช่วยไม่ได้”
“เดี๋ยวก่อนๆๆๆ ใจเย็นๆก่อนสิฮาเดส ยังไงเราก็ทำธุรกิจด้วยกันมานาน จะมาจบกันง่ายๆแบบนี้ก็จะไม่เกินไปหน่อยรึไง”
นาซีฟรีบเอ่ยขัดเมื่อฮาเดสเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของเขา เขาไม่อยากเสียฮาเดสไปแต่ก็อยากได้ลูกค้าใหม่อย่างเจคด้วยเช่นกัน
“หึหึ จะไม่ใจดำเกินไปหน่อยเหรอ ฉันไม่ได้ต้องการขายของทับเส้นของนายสักหน่อย ก็แค่เอาของส่วนเกินไปขายให้กับคนที่ต้องการก็เท่านั้น”
เจคที่นั่งฟังอยู่นานพูดขึ้น ทำเอาฮาเดสยิ่งโมโหเข้าไปอีก
“ยังไงผมก็ไม่ตกลง เหลือเวลาอีกครึ่งเดือน ถ้าคุณยังอยากร่วมธุรกิจกับผมก็เลือกมาแค่คนเดียว ผมขอตัว”
ฮาเดสไม่คิดจะทนนั่งอยู่อีกต่อไป เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากเรือที่ยังจอดเทียบท่าอยู่ทันที
“เฮ้อ ยังหัวแข็งเหมือนเดิมสินะ”
เจคมองตามหลังอดีตเพื่อนสนิทอย่างฮาเดสไป เมื่อเขาเองก็คิดเอาไว้แล้วว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายแน่นอนที่ฮาเดสจะยอมยุ่งเกี่ยวกับเขา
“แล้วเราจะเอายังไง ผมไม่ยอมเสียฮาเดสไปหรอกนะคุณคงเข้าใจ”
นาซีฟบอกขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ก็ไม่ต้องเสียสิ มีทางอื่นอีกตั้งมากมาย ในเมื่อใช้วิธีปกติธรรมดาไม่ได้ ก็คงต้องใช้วิธีอื่น”
เจคบอกขึ้น เพราะเขาคิดมาแล้วว่าอาจเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“ยังไงเหรอ นายพูดมาซิ”
“ก็แค่เปลี่ยนโลโก้สินค้า หมอนั่นมันไม่รู้หรอกว่าคุณสั่งของมาเท่าไหร่ หึหึ”
“อืม...ก็จริง...”
และนาซีฟก็เห็นด้วยกับวิธีการของเจค เขาแค่อยากหาเงินให้ได้เยอะกว่าเดิมโดยไม่สนใจวิธีการเมื่อยังไงเขามันก็พวกนอกกฎหมายอยู่แล้ว