บทที่3.3

1480 คำ
“หนู...” ฉันอ้าปากพะงาบ อยากปฏิเสธแทบตาย แต่เพราะเสียงโวยวายของพี่ชายจากหน้าประตูห้องในตอนนั้น ทำให้ฉันต้องรีบตัดสินใจอย่างด่วนจี๋ “ถ้าพี่ยอมเข้าไปหลบดีๆ หนูจะเชื่อที่พี่บอกทุกอย่างเลยค่ะ” ร้ายกาจจริงๆ เลย... “ดีมาก” สิ้นคำตอบรับสั้นๆ ที่แสดงออกถึงความพออกพอใจ ร่างฉันก็ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ เพียงไม่นานพี่คิมก็เข้าไปหลบในตู้เสื้อผ้าอย่างว่าง่าย ฉันว่านะ ใจจริงพี่คิมคงอยากเผชิญหน้ากับพี่แอลตรงๆ มากกว่าจะเข้าไปหลบอยู่ข้างในอย่างเสียศักดิ์ศรี เพราะในขณะที่ฉันกลัวจนหัวแทบหดเข้ากระดอง แต่เขาดันตรงข้ามกับฉันอย่างสิ้นเชิง เสี้ยววินาทีหนึ่งฉันรู้สึกว่าโชคยังเข้าข้างที่เขาไม่นึกพิเรนทร์เดินไปประตูเอง แต่ในเวลาต่อมาก็เหมือนโลกจะถล่มลงตรงหน้าเพราะสิ่งที่เพิ่งรับปากไปหยกๆ นั้นไม่ต่างอะไรกับการพาตัวเองเข้าถ้ำเสือสักนิด ผู้ชายคนนั้น...หาเวลาต่อรองได้เหมาะเจาะจริงๆ เขาทำให้ฉันได้สัมผัสกับคนประเภท ‘ฉลาดแกมโกง’ ซึ่งมันก็คือตัวของเขาเองนั่นแหละ พอพี่คิมเข้าไปหลบในตู้เรียบร้อยแล้ว ฉันก็ตั้งสติ ทำตัวเป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นค่อยวิ่งไปเปิดประตูให้พี่แอลทันที “ไอ้เด็กเวร ทำไมเพิ่งมาเปิดประตู!” แล้วเมื่อฉันเปิดประตูให้เท่านั้นล่ะ พี่แอลที่หน้าดำคร่ำเครียดก็สาดคำถามใส่อย่างไม่รีรอ น้ำเสียงของมันดุดันและเกรี้ยวกราดมาก เหมือนพร้อมจับฉันเฆี่ยนตีด้วยไม้หวายได้ทุกเมื่อ “หนูเข้าห้องน้ำ! ทำไมต้องโวยวายด้วยอ่ะ” ฉันให้คำตอบที่น่าเชื่อถือที่สุด และมันเป็นเวลาเดียวกันที่พี่แอลก้าวเท้าเข้ามาด้านในพร้อมกวาดสายตาไปรอบห้องอย่างนึกสงสัย หัวใจฉันเต้นระทึกทันที ลำคอที่แห้งผากมากอยู่แล้วในตอนแรก ขณะนี้สภาพมันคงแห้งเหือดไม่ต่างจากท้องนายามหน้าแล้งแน่ๆ... “โกหกหรือเปล่า เมื่อกี้พี่ได้ยินเสียงแกเหมือนคุยอยู่กับใคร” พี่แอลหันขวับกลับมา ส่งสายตาคมกริบเหมือนใบมีดเป็นการกดดันฉันซึ่งได้แต่กลืนน้ำลายลงคอซ้ำแล้วซ้ำเล่า เย็นเข้าไว้ไอ้อาย ไม่มีอะไรน่ากลัว... ซะเมื่อไหร่ล่ะ! ขืนมันจับได้ขึ้นมาว่าเมื่อกี้ฉันคุยกับพี่คิมศัตรูตัวฉกาจของตัวเอง ฉันคงโดนมันตีจนหลังลายแน่ๆ “หนูเปล่าคุยกับใครนะ ร้องเพลงเฉยๆ” ฉันอธิบายอีกครั้ง จนกระทั่งร่างสูงโปร่งของพี่ชายก้าวเท้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า แน่นอนว่าฉันเองก็ต้องแหงนหน้าขึ้นไป แล้วพออยู่ใกล้ๆ กันแบบนี้ ฉันเพิ่งสังเกตเห็นรอยแดงบนแก้มซีกขวาของมัน คล้ายว่าถูกใครสักคนตบมาเลย “แกไม่ได้ซุกผัวไว้ใช่ไหม?” น้ำเสียงที่เคยเกรี้ยวกราดเปลี่ยนมาเย็นเยียบจนฉันขนลุกซู่ ผัวเผออะไร ไม่มี... “พี่คิดว่าอย่างหนูจะมีผัวกับเขาเหรอ?” ฉันกะพริบตาปริบๆ ขณะมองหน้ามัน ใสซื่อขนาดนี้...พี่แอลต้องเชื่อแล้วนะว่าหนูบริสุทธิ์ใจมากแค่ไหน “มันก็ไม่แน่หรอก” ไอ้พี่ชายตัวยักษ์ยกมือขึ้นผลักศีรษะฉันหนึ่งที “...แต่ถ้าแกยืนยันว่าไม่มีอะไรพี่ก็จะไม่เซ้าซี้” “...” “แกรู้ใช่ป่ะ ถ้าเกิดพี่มารู้ทีหลังว่าแกโกหก จะเกิดอะไรขึ้น?” ต่อให้ไม่มีกระจกส่อง แต่ฉันโคตรมั่นใจเลยว่าตอนนี้ตัวเองต้องหน้าซีดเป็นไก่ต้มสุกแล้วแน่ๆ “เออน่า ก็บอกว่าไม่มีไรไง แก่แล้วคิดมากเหรอเรา” แต่เพื่อความแนบเนียน ฉันจึงกลบเกลื่อนความกลัวที่ก่อตัวขึ้นอยู่ภายในใจด้วยการพูดจาติดตลก ทำให้บรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่นี้จางหายไป “แล้วมาหามีไรอ่ะ” ฉันถามต่อ “ทะเลาะกับพลัม” นั่นคือคำตอบของพี่ชาย เป็นไปได้ว่ารอยบนแก้มคือรอยตบของพี่ลูกพลัม บางทีฉันก็สงสัยนะว่าสองคนนี้เนี่ย...มีเดือนไหนไม่ทะเลาะกันบ้าง “คืนนี้พี่นอนกับแกนะไอ้ดื้อ” อ้าว แล้วพี่คิมในตู้เสื้อผ้าล่ะจะทำยังไง? ฉันคิดไม่ตกและเริ่มกลับมามีอาการลนลานอย่างควบคุมไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าพี่แอลแค่แวะมาถามไถ่หรือซื้อของกินมาฝากเลยให้พี่คิมเข้าไปหลบในตู้ก่อน แต่ท้ายที่สุดแล้วเรื่องมันดันมาจบลงตรงที่พี่ชายหัวแดงขอนอนค้างที่นี่ซะได้! ใจหนึ่งก็กังวลว่าพี่คิมจะอยู่ในนั้นได้ยังไงเป็นเวลานานๆ ทั้งร้อน ทั้งมืด ลองเทียบตัวเขากับขนาดตู้ดูแล้ว คิดว่าพี่คิมต้องอึดอัดมากแน่ๆ แต่ที่กลัวมากกว่าอะไรทั้งหมดคงหนีไม่พ้นนิสัยที่ดูแล้วน่าจะชอบความท้าทายของเขา กลัวเหลือเกินว่าเขาจะออกมาประจันหน้ากับพี่ชาย พอถึงเวลานั้นการปั้นน้ำเป็นตัวของฉันก่อนหน้านี้ก็ไม่มีความหมาย “แกยังไม่หายไข้เหรอ หน้าซีดอีกละ” เสียงทุ้มแหบติดกวนประสาทของพี่แอลดึงฉันออกจากภวังค์ความคิด ครั้นเมื่อหันกลับไปยังต้นตอของเสียงก็พบว่ามันที่เดินไปนั่งบนโซฟาได้ถอดเสื้อตัวนอกออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเสื้อกล้ามสีดำสนิทแบบที่ชอบใส่กับกางเกงยีนขายาวตัวโปรดเท่านั้น ความจริงมันจะขึ้นไปนอนในห้องเก่าของตัวเองก็ได้นะ แต่คงเหงาล่ะมั้ง “อือ แต่ก็ดีขึ้นแล้วแหละ” ฉันตอบก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ พี่ชาย ไม่ลืมยกมือขึ้นแตะเบาๆ บริเวณรอยแดงข้างแก้มมันด้วย “ฉิบ! เจ็บ...” การกระทำของฉันทำให้พี่แอลสะดุ้งอย่างห้ามไม่ได้ “พลัมแม่งตบพี่หน้าหันเลย พี่คิดว่าคอจะหลุดออกจากบ่าซะอีก” ว่าแล้วก็บ่นเรื่องพี่ลูกพลัมให้ฉันฟังด้วยใบหน้าหงอยๆ เหมือนลูกหมาถูกทิ้ง ความเกรี้ยวกราดไม่หลงเหลืออยู่แล้วในตอนนี้ เหลือแต่นายอนาวิลตัวน้อยๆ แก้มกลมๆ ของลูกพี่ไอรีน “ไปแกล้งอะไรพี่ลูกพลัมอีกอ่ะดิ” ฉันถาม...ทำตัวเป็นปกติเหมือนไม่มีเรื่องให้ต้องกังวล “แกล้งอะไรวะ ก็แค่ขอ...” ท้ายประโยคนั้นขาดหายไปเหมือนมันไม่อยากพูดออกมา พอฉันทำหน้าอยากรู้อยากเห็น มันก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “เป็นเด็กเป็นเล็ก พี่ไม่พูดดีกว่า” “แน่ะ” ฉันหรี่ตามองพี่ชายอย่างรู้ทัน ถึงไม่พูดออกมาตรงๆ แต่ฉันก็พอจะเดาได้อยู่นะ พี่แอลน่ะหื่นตัวพ่อ ยิ่งกับแฟนสวยๆ อย่างพี่ลูกพลัม ไม่ให้คิดลามกเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะถ้าฉันเป็นพี่แอลแล้วมีแฟนแซ่บขนาดนั้น...ก็คงมีโมเม้นต์อยากฟัดให้จมเขี้ยวบ้างแหละ “เออน่า ไม่ต้องมามอง เดี๋ยวโบกคว่ำ” ไอ้พี่แอลคนหื่นทำเสียงโหดจนฉันต้องหยุดหรี่ตาเพื่อไม่ให้โดนโบกจนหัวหลุด ไม่นานมันก็หยัดตัวขึ้นจากโซฟา “เดี๋ยวอาบน้ำแป๊บนะ ร้อน” ดีเลยแบบนี้!! “เคๆ อาบเลย ตามสบาย” ฉันพยักหน้าให้อย่างกระตือรือร้น จนกระทั่งมันหายเข้าไปในห้องน้ำนั่นแหละ ฉันจึงกระเด้งตัวขึ้นจากโซฟา ก่อนก้าวเท้าอย่างรีบร้อนไปที่ตู้เสื้อผ้า นี่ถือเป็นโอกาสทอง ในระยะเวลาห้านาทีทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย แอ้ด... ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วพ่นมันออกมาเพื่อลดอาการประหม่า แต่ก่อนที่ปลายนิ้วจะสัมผัสโดนตู้เสื้อผ้านั้น มันก็ถูกเปิดออกมาด้วยพี่คิมซะเอง ฉันผงะและเผลอก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว แน่นอนสองตายังคงจับจ้องเขาไม่ห่าง แม้จะอยู่ข้างในแค่ไม่นาน แต่ดูจากหยาดเหงื่อตามกรอบหน้าคิดว่าเขาคงร้อนและอึดอัดมากน่าดู หากเป็นคนอื่นคงแสนจะน่าสงสารที่ปล่อยให้นั่งเหงื่อแตกพลั่กอยู่ในนั้นเพียงลำพัง แต่เมื่อทั้งหมดเกิดขึ้นกับพี่คิม เหงื่อชุ่มๆ พวกนั้นกลับทำให้เขาดูเซ็กซี่เฉยเลย... “พะ พี่คิมรีบออกไปเร็วๆ” หลังแอบมองหยาดเหงื่อบนใบหน้าและลำคอหนา ในที่สุดฉันก็กระชากสติกลับมาแล้วรีบบอกให้เขาไปจากที่นี่โดยด่วน พี่แอลเป็นคนอาบน้ำเร็วมาก แค่หนึ่งหรือสองนาทีก็ประมาทไม่ได้เด็ดขาด!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม