บทที่5
กักขัง
ไร่วัฒนา
ใบผักเคยมาที่นี่ครั้งหนึ่งตอนที่ขวัญฤดีแต่งงานกับพลวัฒน์ใหม่ ๆ แต่ครั้งนั้นสถานที่ยังไม่สวยเท่าตอนนี้เธอมองไปรอบ ๆ เห็นคนงานกำลังช่วยกันตัดแต่งกิ่งส้มรวมถึงมีนักท่องเที่ยวบางส่วนเข้ามาศึกษาเกี่ยวกับไร่ส้ม
"พ่อเลี้ยงจะให้ผมเอาตัวเด็กคนนี้ไปไว้ที่ไหนครับพวกคนงานในไร่จะได้ช่วยกันต้อนรับ"
"อะไรที่กูไม่ได้สั่งก็อย่าเสือก มึงเอาตัวใบผักไปไว้ในบ้านพักเสร็จงานตรงนี้กูจะตามไป อย่าลืมล่ามโซ่ไว้ด้วยข้าวน้ำถ้ากูไม่ได้สั่งอย่าเสือกเอาไปให้เด็ดขาด!"
ใบผักกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเธอเดินมาถึงบ้านพักที่เป็นเพียงบ้าน หลังเล็ก ๆ 2 ชั้นมี 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องครัวที่ผ่านมาพลวัฒน์พักอยู่ที่นี่ตลอด เธอถูกคนงานล่ามโซ่เอาไว้จากนั้นคนงานในไร่ก็เดินออกไปอย่างไม่ไยดีเหลือเพียงเธอที่นั่งร้องไห้กอดเข่าอยู่บนพื้นทำไมชีวิตของเธอต้องมาจบลงตรงนี้ญาติพี่น้องก็ไม่มีจะหันหน้าไปพึ่งใครก็ไม่ได้
เธอร้องไห้จนหลับไปตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่พลวัฒน์เดินเข้ามาแล้วปิดประตูดัง ปึ้ง! ใบผักสะดุ้งตื่นเมื่อเธอเห็นเขาย่างก้าวเข้ามาหาเธอ คนกลัวตายรีบลุกขึ้นถอยหลังจนติดมุมห้อง
"คุณอาจะทำอะไร ใบผักกลัวแล้วค่ะ"
พลวัฒน์เห็นเด็กที่เขาเลี้ยงมาแม้จะผ่านมาไม่กี่ปีแต่เธอในตอนนี้โตเป็นสาวจนหนุ่ม ๆ ในไร่เอาแต่พูดถึงกันไม่หยุด เธอกำลังตัวสั่นเทาไปด้วยความกลัวเขาจึงวางกล่องข้าวไว้บนโต๊ะ
"ฉันให้คนสืบมาจนรู้ว่าขวัญฤดียังคงส่งคนตามดูฉันบ่อย ๆ รู้สึกว่าตอนนี้จะมีปัญหากับไอ้เด็กเวรนั่น" พลวัฒน์พูดในมือเทของเหลวสีอำพันใส่แก้วสายตายังจดจ้องคนตรงหน้าอย่างจับผิด
"เรื่องนี้ใบผักไม่รู้จริง ๆ ค่ะ อาขวัญไม่ได้ส่งใบผักมาสืบเรื่องของคุณอาแน่นอน"
"เอาเป็นว่าครั้งนี้ฉันจะเชื่อเธอแต่เธอต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนเพราะบ้านหลังนั้นอาทิตย์หน้าจะเป็นของคนอื่นแล้วหรือว่าเธอจะออกไปอยู่ข้างนอกฉันก็ไม่ติดขัดอะไร"
"ใบผักคิดว่าอยู่ที่นี่คงจะไม่เหมาะค่ะเอาแบบนี้ไหมคะอาทิตย์หน้าใบผักไปเรียนจะไปคุยกับอาจารย์เรื่องหอพักใบผักพอมีเงินเก็บอยู่บ้างไม่รบกวนคุณอาหรอกค่ะ"
"เงินจากการรับงานมาเหรอ?"
"ไม่ใช่ค่ะใบผักไม่เคยคิดทำงานแบบนั้นตอนใบผักเรียนอยู่มัธยมใบผักชอบอ่านหนังสือนิยายอาจารย์ที่ปรึกษาของใบผักท่านเป็นนักเขียนนิยายท่านแนะนำให้ไปพักลองหัดเขียนเผื่อว่าใบผักจะมีรายได้เสริมที่เป็นของตนเอง หลังจากนั้นใบผักก็เริ่มเขียนนิยายช่วงแรกๆ ขายไม่ได้เลยค่ะเงินเดือนแรกที่ออกคือ 376 บาทจากนั้นก็ขยับขึ้นมาเรื่อย ๆ ตอนนี้ก็หลักหมื่นช่วงก่อนหน้านี้ใบผักขายได้เป็นแสนแต่ว่าใบผักก็ช่วยป้าแจ่มเรื่องผ่าตัดลูกป้าแจ่มไปบ้างเงินเก็บใบผักตอนนี้มีไม่เยอะเท่าไหร่เพราะนิยายขายได้ก็มีค่าใช้จ่ายเหมือนกันไหนจะค่าปก ค่าการตลาด ค่ากินในแต่ละวัน"
พลวัฒน์นั่งฟังเพลิน ๆ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาดื่มน้ำสีอำพันจนหมดขวดไปแล้วเขาจับใจความได้ว่าเธอเป็นนักเขียนนิยายที่หาเลี้ยงชีพตนเองเพราะตลอดระยะเวลาตั้งแต่เขาหย่าร้างกับขวัญฤดีเธอก็ไม่เคยได้รับเงินส่งเสียจากขวัญฤดีหรือเงินเดือนจากเขาเลยเพราะเขาคิดว่าขวัญฤดีพาเธอออกไปจากเรือนหอหลังนั้น
"คุณอาจะเข้าใจใบผักผิดก็ไม่แปลกค่ะแต่ใบผักอยากให้คุณอาเข้าใจใบผักบ้าง ใบผักเป็นลูกติดแม่คุณแม่แต่งงานกับพี่ชายของอาขวัญได้ไม่ถึงสองปีก็เสียชีวิตกะทันหันแม้ว่าใบผักจะบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอยากให้ชันสูตรศพของคุณแม่ใหม่แต่ก็ไม่มีใครฟังเสียงของใบผักเลย"
พลวัฒน์นึกย้อนไปในอดีตช่วงเวลานั้นเขากับขวัญฤดีคบหากันแล้ว เอกราชพี่ชายของขวัญฤดีเป็นคนมีหน้ามีตาทางสังคมอีกทั้งยังรู้จักกับนักการเมืองนายตำรวจยศใหญ่เขากับขวัญฤดีคบกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย จนกระทั่งเอกราชแต่งงานใหม่เขาเองก็ได้ไปร่วมงานจนได้เจอกับใบผักตอนนั้นเธอยังเรียนอยู่มัธยมหลังจากเอกราชและแม่ของใบผักแต่งงานได้ไม่ถึงสองปีแม่ของใบผักก็เสียกะทันหัน
หลังจากที่แม่ของใบผักเสียไปได้สองปีเขากับขวัญฤดีก็แต่งงานกันจากนั้นใบผักก็ได้มาอยู่ในเรือนหอและอยู่ในการดูแลขอขวัญฤดีมาตลอด เขารู้ว่าใบผักชอบทำอาหารเก่งงานบ้านจึงได้ให้เงินเดือนเธอเหมือนกับแม่บ้านคนอื่น ๆ จนขวัญฤดีออกไปจากบ้านเขาก็ไม่ได้ให้เงินเดือนเธออีกเลย ไม่แปลกถ้าเธอจะต้องหารายได้ด้วยตัวของเธอเอง
"ฉันได้ข่าวมาว่าเธอกำลังสงสัยเรื่องการตายของแม่เธอ?"
คนถูกถามรีบพยักหน้ารับในที่สุดก็มีคนรับฟังเรื่องราวที่เธอเก็บซ่อนเอาไว้มานานหลายปีเสียทีเธอพยายามมาหมดทุกทางแล้วแต่เธอเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรเลย
"ใช่ค่ะ แต่คุณอาสัญญาได้ไหมว่าจะช่วยใบผัก"
"ฉันไม่ได้บอกว่าจะช่วยแต่พูดมาก็ดีเผื่อมันจะมีประโยชน์กับฉันในอนาคต"
----------------------------
แกคิดจะหลอกใช้น้องหรือเปล่าบักพล