ครั้นร่างในชุดสีม่วงกลับมาถึงที่พัก ไป๋หนิงเทียนก็ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง
เดิมทีคิดว่าพอจัดของเสร็จก็จะออกเดินทางต่อ แต่ครั้นกลับมาถึงห้องก็เพิ่งรู้ตัวว่ายังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า!
“โอย...คิดถึงอาหารที่ศิษย์พี่รองเคยทำให้กินบ่อยๆ จังเลย” หญิงสาวโอดครวญพลางถอนหายใจ ดวงตากวาดมองเครื่องเรือนอยู่น้อยชิ้นดูจืดชืดไร้สีสัน รู้อยู่แก่ใจว่าหลังจากนี้คงจะไม่มีโอกาสได้กลับไปเจอเขาอีกแล้ว
นางจากบ้านมากว่าหนึ่งเดือนแล้ว แม้จะไม่พูดมันออกมา แต่ในใจลึกๆ มีหรือที่จะไม่รู้สึก ‘เหงา’
คิดพลางยกมือก่ายหน้าผาก หรือว่านางควรจะแวะออกนอกเส้นทางเพื่อไปยัง ‘ที่นั่น’ ดีเล่า...
โคร่ก...
เสียงร้องโครกครากภายในกระเพาะอาหารประหนึ่งฟ้าร้อง เล่นเอาเจ้าตัวถึงกับนอนนิ่งมิขยับเขยื้อน เวลานางหิวแล้วก็มักไม่มีแรงอยากจะคิดหรือทำสิ่งใดทั้งนั้น
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง...โชคยังดีที่อยู่โรงเตี๊ยม ด้านล่างน่าจะมีอะไรให้กินอยู่บ้าง
นางใช้แรงที่น้อยนิดยันตัวลุกขึ้นจากเตียงอย่างเชื้องช้า หากยังไม่ทันได้เท้าจะก้าวไปถึงบานประตูก็ต้องชะงักลงกลางคันเมื่อสัญชาตญาณบางอย่างพุ่งพรวดขึ้นมา
ห้องพักของนางอยู่บนชั้นสอง ทว่ากลับรู้สึกถึงสายตาคู่หนึ่งที่จ้องตรงมาจากตรงหน้าต่าง...
บรรยากาศรอบกายราวกับถูกบางสิ่งกดทับจนรู้สึกอึดอัด อาการอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรงหายเป็นปลิดทิ้ง
หนิงเทียนเหลือบสายตาเล็กน้อย ครั้นพบเห็นใบหน้าอันคุ้นเคยของใครบางคนเข้าก็ดีดกายลุกออกจากเตียงทันที!
มีหรือที่นางจะจำคนผู้นี้ไม่ได้...บุรุษที่ยืนมองนางอยู่นอกหน้าต่างคือหม่าจิวหู!
ครั้นโฉมสะคราญยันกายลุกขึ้นเต็มความสูง ผู้ที่ยืนรออยู่ด้านนอกก็ผลักบานหน้าต่างให้เปิดออก แล้วใช้วิชาตัวเบาเหาะเหินเข้ามาทางด้านใน ร่างสูงใหญ่กำยำยืนประจันหน้ากับหนิงเทียนข่มให้หญิงสาวดูตัวเล็กลงไปถนัดตา
แม้ว่าสถานการณ์ที่นางกำลังเผชิญอยู่จะเรียกได้ว่าอันตรายมากเพียงไร ทว่าผู้ที่เผชิญกับสถานการณ์เลวร้ายมามากกว่านี้ไม่รู้กี่ครั้งกี่หนกลับสีหน้าชื่นมื่น
รอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้า หากบุรุษนามหม่าจิวหูผู้ใบหน้าเรียบเฉยติดจะตายด้านอยู่ในทีหาได้สนใจไม่
คนทั้งสองไม่ค่อยได้พูดจาเสวนากันมาก ด้วยการงานที่มีความสัมพันธ์กันจึงทำให้พอรู้จักและได้ยินข่าวคราวของอีกฝ่ายมาบ้างเท่านั้น
เพราะฉะนั้นต่อให้นางจะยิ้มหวานให้อีกฝ่ายมากเพียงใด ผู้ที่ส่งชายหนุ่มวัยยี่สิบหกปีมาคงจะมั่นใจแล้วว่าเขาย่อมได้ตัวนางกลับไปโดยไม่หลงคารมใดๆ เข้าเสียก่อน
หนิงเทียนคงท่าทีสนุกสนานซุกซนอยู่เช่นเคย เสียงหวานใสเอ่ยถาม “ท่านมาทำอะไรที่นี่หรือ”
“ข้าควรจะถามท่านมากกว่า” น้ำเสียงดุดันตอบกลับ ในใจอดที่จะรู้สึกหงุดหงิดอีกฝ่ายไม่ได้
เป็นเพราะดรุณีน้อยผู้นี้แท้ๆ ที่ทำให้เขาต้องออกตามหาอย่างยากลำบาก ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่หน้าที่ของเขาเสียด้วยซ้ำ!
เพียงครุ่นคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของหม่าจิวหูก็แข็งกระด้างขึ้นอีกหลายเท่าตัว
“โธ่ ท่านหม่าอย่าทำหน้าน่ากลัวเช่นนั้นสิเจ้าคะ ข้าเพียงแค่เบื่อสิ่งที่เป็นอยู่จึงได้แวะออกมาพักร้อนก็เท่านั้น”
เจ้าตัวกล่าวเสียงหวานอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน ฝ่ายผู้ฟังเค้นเสียงหัวเราะ
ปากอ้างว่ามาพักร้อนแต่กลับหายออกมาโดยไม่แจ้งใครเลยสักคำ หากเขาเชื่อก็โง่เต็มทีแล้ว!
คิดพลางเตรียมจะเอื้อมมือออกไปคว้าหญิงสาวเพื่อจะได้เสร็จสิ้นภารกิจที่ได้รับมอบหมายโดยเร็ว แต่มือก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายกลับก้าวถอยไปทางด้านหลังพร้อมกับ...ลงมือถอดเสื้อ!
ต่อให้เขาจะไม่ยินดียินร้ายกับใบหน้างดงามของนางมากเพียงใด แต่ครั้นหนิงเทียนเหลือเพียงเสื้อตัวบางซึ่งอวดให้เห็นสวนเว้าส่วนโค้งอันไร้ที่ตินั่นแล้ว บุรุษที่ยังมิได้แต่งหญิงใดเข้าเรือนก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาชั่วขณะ
เขาเบือนสายตาหนี ตวาดเสียงดังลั่น “จะ...เจ้าทำอะไร! ”
หากเจ้านายรู้ว่าเขาได้เห็นสตรีเบื้องหน้าในเสื้อหน้าน้อยชิ้นล่ะก็ เห็นทีว่าคงได้ถูกควักลูกตาออกมาแน่!
ซ้ำร้ายกว่านั้น...หากผู้ที่รู้คือบุคคลที่อยู่สูงขึ้นไปล่ะก็...มีหวังชีวิตของเขาและบุพการีทั้งสองคงจะรักษาไว้ไม่อยู่!
“ก็อากาศมันร้อน และนี่ก็เป็นห้องส่วนตัวของข้าด้วย” เสียงเอ้อระเหยตอบกลับ ขณะที่เจ้าตัวกลับขยับฝีเท้าเข้าไปใกล้บานประตูมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแนบเนียน “ข้าว่าจะเปลี่ยนชุดเป็นตัวที่บางกว่านี้เสียหน่อย ท่านหม่า ท่านช่วยหยิบชุดในหอบผ้าข้างเตียงมาให้ข้าสักชุดจะได้หรือไม่”
“ทำไมเจ้าไม่มาหยิบเอง!” ใบหน้านิ่งเฉยเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ
“อ้อ...เช่นนั้นก็ได้” ผู้ฟังพยักหน้า จุดที่หม่าจิวหูยืนอยู่คือข้างเตียง ส่วนนางขยับไปยืนริมประตูห้องอยู่นานแล้ว
หนิงเทียนลอบถอนหายใจก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปใกล้หอบผ้า แต่ชายหนุ่มก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอพร้อมกับยกมือห้ามขึ้นมาห้ามเสียเอง “ไม่ต้องเข้ามา ข้าจะหยิบให้เอง”
ขืนเข้ามาใกล้มากกว่านี้มีหวังคงได้เห็นรูปร่างเย้ายวนอย่างชัดเจนจนไม่ต้องจินตนาการต่อให้เสียเวลา
ช่างน่าตายนัก! สตรีผู้นี้ไม่มียางอายเลยสักนิด!
ชายหนุ่มก่นด่าอยู่ในใจก่อนจะหันหลังกลับไปหยิบหอบผ้าตามที่นางต้องการ
ปึง!
เสียงบานประตูที่ปิดลงอย่างแรงส่งผลให้ผู้ที่จะหยิบชุดออกจากหอบผ้าเบือนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว ครั้นไม่พบวี่แววของดรุณีวัยสิบเจ็ดปี ใบหน้าเรียบเฉยก็ดำเข้มขึ้นอีกหลายเท่าตัว
นางหลอกเขา!
เขาขบกรามแน่น โทสะที่พุ่งสูงส่งผลให้ปาชุดในมือทิ้งอย่างไม่ใยดี ร่างใหญ่กำยำย่างสามขุมตรงไปยังประตูห้องที่อีกฝ่ายชิ้งหนีไปอย่างเดือดดาล
ทว่าเมื่อเขากระชากประตูให้เปิดออก บานประตูกลับมิอาจขยับเขยื้อนราวกับถูกลงกลอนไว้อย่างแน่นหนา!
ฝ่ายหนิงเทียนที่อยู่นอกห้องก็ใช้เสื้อตัวนอกที่ถอดออกมาก่อนหน้านี้ ผูกระหว่างมือจับที่ยื่นออกมา ทบซ้ำไปมาอยู่หลายที ขณะที่ในใจก็เริ่มครุ่นคิดหาทางหนีทีไล่
นางจะหนีออกไปจากโรงเตี๊ยมไม่ได้ หากออกไปย่อมต้องเจออีกฝ่ายรอดักอยู่เป็นแน่!
ดวงตาสีน้ำตาลอมเขียวกวาดมองรอบๆ ภายในโถงทางเดินชั้นสองว่างเปล่าปราศจากผู้คน ตามกำแพงมีห้องพักจำนวนสิบห้องที่บานประตูปิดสนิท
ในเมื่ออยู่ห้องเดิมก็ไม่ได้... ออกไปจากที่นี่ก็ไม่ได้ ทางเลือกที่หลงเหลืออยู่คือต้องแฝงตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้จนกว่าอีกฝ่ายจะยอมจากไปเองเท่านั้น
บัดนี้ใกล้เย็นแล้ว เสียงฝีเท้าจากภายในห้องนางดังเข้ามาใกล้ขึ้นมากขึ้นทุกที ความเคร่งเครียดที่เพิ่มพูนทำให้คนยิ้มเก่งเริ่มยิ้มไม่ออก
ไม่ว่าอย่างไรจะปล่อยให้ถูกจับกลับไปไม่ได้เป็นอันขาด! หากถูกจับได้ก็เท่ากับว่าความพยายามที่แล้วมาล้วนสูญเปล่า และหลังจากนี้นางคงไม่มีโอกาสได้ออกมาจาก ‘ที่นั่น’ อีกต่อไป!
ด้วยเหตุนี้หนิงเทียนจึงวิ่งผ่านห้องต่างๆ แล้วลงมือผลักบานประตูอย่างเร่งรีบ
บานแรกลงกลอนอย่างแน่นหนา บานที่สอง...บานที่สามก็เหมือนกัน!
ทว่าในจังหวะที่บานประตูห้องของนางจะถูกผู้ที่อยู่ด้านในใส่ฝ่ามือซัดโครมจนพังยับเยิน หญิงสาวก็ผลักบานประตูห้องที่สี่ได้สำเร็จ รีบใช้วิชาตัวเบาพุ่งผ่านเข้าไปอย่างรวดเร็ว!
ความมืดสนิทภายในห้องทำให้ร่างบางมองเห็นไม่ถนัดเท่าไรนัก แต่ในความสลัวก็ทำให้เห็นว่าห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่าที่นางพักอยู่พอสมควร
ยามนี้นางมิอาจขบคิดอะไรให้เสียเวลา เมื่อกวาดตามองผ่านๆ แล้วไม่เห็นใครก็พยายามมองหาที่ซ่อนตัว
ฉับพลัน! ดวงตากลมโตก็เหลือบไปเห็นถังน้ำขนาดใหญ่ซึ่งปล่อยไอร้อนคุกกรุ่นออกมา ครั้นได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านนอก จึงพุ่งตัวกระโดดลงไปในถังน้ำอย่างรวดเร็ว!
ซ่า!
เสียงน้ำแตกกระเซ็นเป็นจังหวะเดียวกับที่บานประตูหน้าห้องถูกเปิดออก เผยให้เห็นเงามืดและแสงสว่างที่ลอดเข้ามาในห้องพักแห่งนี้
ร่างที่เปียกชุ่มซ่อนตัวอยู่ในถังน้ำ ไอร้อนส่งผลให้ผิวกายแดงระเรื่อ เสื้อผ้าที่บางอยู่แล้วแนบชิดผิวเนื้อมากยิ่งขึ้นแต่เจ้าตัวกลับไม่คิดจะสนใจ
ครั้นเหลือบสายตามองพ้นถังไม้ออกไปก็แน่ใจว่าอีกฝ่ายคือหม่าจิวหู ความลุ้นระลึกส่งผลให้นางเผลอกลั้นหายใจ
มุกเดิมที่ใช้ไปแล้วคงไม่สามารถใช้ได้อีกเป็นคราที่สอง ต่อให้เวลานี้นางจะมีสภาพเปียกชุ่ม เสื้อผ้าแนบผิวกายจนสามารถมองเห็นทุกสิ่งอย่างได้อย่าง แต่เขาก็คงจะหลับหูหลับตาแล้วจับตัวนางกลับไปอยู่ดี!
หนิงเทียนเม้มริมฝีปากแน่น หยุดทุกการเคลื่อนไหวของตนขณะที่หรี่ตามองผู้มาใหม่อย่างมิให้คลาดสายตา
ทว่าจู่ๆ ถังน้ำที่นางหลบซ่อนตัวอยู่กลับมีความเคลื่อนไหวเสียอย่างนั้น!
ผิวน้ำที่สั่นสะเทือนเกิดเป็นเกลียวคลื่นขนาดย่อม ส่งผลให้หัวใจของหญิงสาวเต้นถี่รวนอย่างบ้าคลั่ง
มีคนอยู่ในถังน้ำเดียวกับนาง!
ลอบกลืนน้ำลายลงคอขณะที่พยายามควบคุมสติให้เข้าที่ จนกระทั่งลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดอยู่ตามลำคอและใบหู
หนิงเทียนเกร็งตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าแม้จะหันกลับไปมองด้านหลัง
เกรงว่าหากว่าอีกฝ่ายร้องโวยวายพร้อมกับชี้ว่านางเป็นผู้บุกรุกล่ะก็...หนทางหนีจากหม่าจิวหูก็หดแคบลงไปทุกที
ทว่าความคิดทุกอย่างก็ต้องสะดุดลง สมองของเจ้าตัวขาวโพลนขึ้นมาชั่วขณะ เมื่อจู่ๆ ความอบอุ่นก็เคลื่อนเข้ามาใกล้แผ่นหลังบาง อุณหภูมิจากผู้ที่อยู่ด้านหลังกลับให้ความรู้สึกที่ร้อนแรงยิ่งกว่าความร้อนของน้ำในถังเสียอีก!
หากเวลานางนี้ถูกจับไปแล้ว นางจะทำอย่างไร?
ต่อให้หนทางข้างหน้าอาจมีลู่ทางที่จะหลบหนี แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมามิเคยสอนให้หญิงสาวหวังพึ่งน้ำบ่อหน้า!
ท่ามกลางการตัดสินใจที่ต้องกระทำอย่างกระชั้นชิด หัวใจของนางก็เต้นถี่รวนจนแทบไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของหม่าจิวหูที่สาวเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ
บุรุษผู้มาใหม่ได้ยินการเคลื่อนไหวภายในถังน้ำ สัญชาตญาณที่ฉับไวส่งผลให้เขาจ้องถังไม้ที่ส่งควันลอยคลุ้งเขม็ง
มือเรียวบางที่อยู่ในน้ำกำแน่น ก่อนที่เสียงน้ำกระเฉาะออกมาจากถังน้ำจะทำให้หัวใจของผู้ที่ซ่อนตัวแทบหยุดเต้น!
หนิงเทียนถูกอ้อมแขนแข็งแกร่งรวบเข้าไปกอดเข้าจากด้านหลัง สัญชาตญาณร้องบอกนางอย่างฉับว่าเจ้าของห้องพักแห่งนี้เป็นบุรุษ!
หายนะ...นี่มันหายนะชัดๆ !
ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งอายุสิบเจ็ดปี ไป๋หนิงเทียนไม่เคยรู้สึกว่าหัวสมองของตนเองว่างเปล่าถึงขั้นนี้มาก่อน!