2.2 หนีเสือปะจระเข้

2532 คำ
ในระหว่างที่สองนายบ่าวแจ้งข่าวสารให้กันภายในห้องพัก ไป๋หนิงเทียนซึ่งหนีออกมาจากห้องพักก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดจากระเบียงชั้นสองลงไปยังชั้นล่าง สร้างความตกใจให้กับเสี่ยวเอ้อร์และแขกผู้ที่กำลังกินข้าวเป็นอย่างยิ่ง บรรยากาศครื้นเครงสนุกสนานกลายเป็นความตื่นเต้นระคนตกใจ ผู้คนพากันส่งเสียงร้อง ทว่านางก็มีสมาธิมากพอที่จะวิเคราะห์บางสิ่ง ความจริงนางไม่ถนัดเรื่องการใช้แรงเอาเสียเลย แต่พอถึงสถานการณ์คับขันก็พอตัวรอดได้ในระดับนึง... นางมิได้กลับเข้าไปในห้อง หรือวิ่งหนีออกไปทางประตูหน้าโรงเตี๊ยมเพราะมีความเป็นไปได้สูงที่จะถูกดักไว้ ด้วยเหตุนี้ ร่างสะคราญที่เปียกชุ่มล่อสายตาหื่นกระหายจากเหล่าบุรุษทั้งหลายจึงวิ่งตรงออกไปยังประตูทางด้านหลังแทน ไม่พลาดที่จะดึงผ้าเช็ดเท้าผืนใหญ่ทางด้านหลังติดมือไปด้วย... ครั้นหานลู่ออกมาจากห้องก็ก้มมองพื้นที่เปียกชุ่มอยู่ครู่หนึ่ง หากตามรอยหยดน้ำไปก็คงตามตัวอีกฝ่ายได้ไม่ยาก ‘ก็แค่สตรีคนเดียว...’ สิ้นความคิด ร่างสูงก็ใช้วิชาตัวเบามุ่งหน้าตามทิศทางของหยดน้ำด้วยความเร็วดุจสายลม! ความโกลาหนวุ่นวายเกิดขึ้นเป็นระลอกสอง เมื่อกระแสลมแรงดุจพายุพุ่งตัวจากระเบียงทางเดินชั้นสองมายังชั้นล่าง เล่นเอาคนทั้งหลายต่างพากันยกจานอาหารของตนหนีแทบไม่ทัน การต่อสู้กันในยุทธภพถือเป็นเรื่องปกติ ชาวหมู่บ้านตงเจียงพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มานับไม่ถ้วนจนชินตาเสียแล้ว จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หากต่อสู้กันภายในโรงเตี๊ยม พวกเขาก็ควรจะหาทางหลบเลี่ยงออกไปให้ไกลที่สุด แต่ถ้าหากพวกเขาออกไปสู้กันด้านนอกก็ไม่ควรตามออกไปดู ประเดี๋ยวจะพลอยโดนลูกหลงเสียเปล่าๆ แต่อันที่จริง... หากมาสู้กันในโรงเตี๊ยมล่ะก็ พวกเขาอาจจะเนียนตาม ไม่ต้องจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ก็เป็นได้! ชาวบ้านทั้งหลายครุ่นคิดอย่างเสียดาย จึงได้แต่ก้มหน้าก้มตากินอาหารต่อไป ขณะที่เถ้าแก่รู้สึกใจชื้น หานลู่ติดตามหยดน้ำมาจนกระทั่งมันหยุดลงที่หน้าประตูบานเล็กหลังโรงเตี๊ยม เขาจึงไม่ลังเลที่จะผลักบานประตูไม้พร้อมกับก้าวเดินออกไปด้านนอก พื้นที่ควรจะมีร่องลอยความเปียกชื้นกลับแห้งสนิท ชายหนุ่มจึงเบือนสายตามองทางซ้ายและขวา ผลปรากฏว่าบริเวณนี้เป็นตรอกซอยแคบ ไม่มีพื้นที่ให้หลบซ่อนตัวนอกเสียจากจะมีปีกบินหนีไปได้ ทว่าเขากลับไม่เห็นหญิงสาวที่นายสั่งให้จับกุมตัวมาแม้แต่เงา คิ้วเรียวขมวดแน่นขึ้น ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยทำงานพลาด... แต่ในจังหวะที่หานลู่กำลังใคร่ครวญอยู่ว่าหญิงสาวน่าจะหลบหนีไปยังเส้นทางใด ความเปียกเย็นก็หยดลงบนเรือนผม ส่งผลให้สัญชาตญาณของเขาทำงานอย่างฉับไวยิ่ง! แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อร่างสูงโย่งแหงนหน้าไปแล้วพบกับผืนผ้าสกปรกที่ทิ้งตัวลงมา ปกคลุมใบหน้าเขาอย่างมิดชิดประหนึ่งรอโอกาสอยู่ก่อนแล้ว! เมื่อหนิงเทียนผู้ซ่อนตัวอยู่บนระเบียงเหนือบานประตูเล็กเห็นว่าอีกฝ่ายตกอยู่ในสภาวะมืดบอดไปชั่วขณะ ก็ประกบมือเข้าด้วยกันแล้วลงมือเป่ามืออย่างคล่องแคล่ว ท่วงทำนองแปลกประหลาดดั่งมวลวิหคกำลังร้องประสานเสียงดังก้องขึ้นในตรอกแคบ หานลู่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สลัดผ้าผืนใหญ่ทิ้งไปอย่างไม่ไยดี กลิ่นเหม็นและความสกปรกของมันส่งผลให้ไม่สบอารมณ์อย่างที่สุด แต่ยามที่มองเห็นทัศนียภาพรอบกายได้อย่างชัดเจนอีกครา หานลู่ก็ต้องพบกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอีกระลอก! นัยน์ตาของเขาหดแคบลงเมื่อพบว่าบนผืนฟ้าที่พระอาทิตยืใกล้ตกดิน กลับมีฝูงนกพิราบบินโฉบมาจากทุกทิศทาง! และที่สำคัญ...เป้าหมายของพวกมันก็คือเขา! ฝูงนกจำนวนหลายร้อยตัวกู่ร้องอย่างโกรธเกรี้ยว รุมจิกใส่บุรุษร่างสูงโดยปราศจากความหวาดกลัวต่างจากนกพิราบทั่วไป สายตาของพวกมันจ้องมองเขาราวกับโกรธแค้นกันมาร้อยชาติ ความเจ็บปวดที่เล่นงานส่งผลให้ราชองครักษ์หนุ่มตอบโต้อย่างไม่ปราณี ขนนกสีดำ เทาและขาวปลิวว่อนประกอบกับเสียงกระพือปีกที่ดังอื้ออึง ตรอกซอยแคบปรากฏภาพของบุรุษในชุดสีน้ำเงินกำลังต่อสู้กับฝูงนกพิราบจำนวนมาก เขาใช้ทั้งฝ่ามือและกระบวนหมัดมากมาย แต่เนื่องจากนกทุกตัวสามารถบินหนีและโฉบตัวเข้ามารุมจิกเขาใหม่อย่างบ้าคลั่ง หานลู่จึงตกอยู่ในสถานการณ์ที่สร้างความรำคาญใจให้กับเจ้าตัวเป็นอย่างมาก หนิงเทียนลดมือที่จรดริมฝีปากออก ครั้นแน่ใจแล้วว่าบุรุษผู้นี้คงวุ่นวายกับฝูงนักไปอีกสักพักใหญ่ จึงใช้วิชาตัวเบาพาร่างของตนเองหนีไปอีกทางโดยไม่หันกลับมามองอีกเป็นครั้งที่สอง หากเลือกได้ นางก็ไม่อยากใช้วิธีนี้ ด้วยฝูงนกจำนวนมากอาจทำให้ชาวบ้านทั้งหลายแตกตื่น แต่หากมิเรียกพวกมันมา...ก็เป็นการยากเหลือเกินที่หนิงเทียนจะหนีพ้นเงื้อมือของราชองครักษ์ของท่านอ๋องห้าแห่งแคว้นอู๋ไปได้ แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของนางก็ทำให้หานลู่ได้สติ แต่เมื่อพยายามจะใช้วิชาตัวเบาเหาะตามร่างงามไปก็ถูกกำแพงนกพิราบขวางทางไว้ราวกับรู้งาน ดวงตาของหานลู่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย ประกายอึ้งทึ่งวาดผ่านอยู่ในดวงตา สตรีผู้นี้สามารถสั่งการปักษาได้! ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะสร้างความประหลาดใจให้กับเขามากเพียงใด ทว่าความหงุดหงิดที่เพิ่มพูนจากการระรานของฝูงนกก็ทำให้ความอดทนของเขาหมดลง มีดสั้นขนาดเล็กถูกดึงออกมาจากอกเสื้อ กรีดผ่านลำตัวของบรรดาวิหคอย่างเฉียบขาด เสียงร้องของนกพิราบดังประกอบกับเสียงเชือดเฉือน โลหิตมากมายเจิ่งนองไปทั่วอย่างน่าสะพรึงกลัว แต่กว่าหานลู่จะสามารถกำจัดสิ่งกวนใจไปจนหมดสิ้น เขาก็รู้ตัวว่าคงไม่สามารถตามตัวนางได้ทัน ภายในระยะเวลากว่าสองเค่อ[1]ก็ถือว่ามากพอที่จะทำให้นางหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย... พระอาทิตย์ยามเย็นตกดินไปนานแล้ว ภาพในซอยแคบจึงถูกล้อมไปด้วยความมืดสลัวของรัตติกาลที่มาเยือน เขาแพ้ให้กับหญิงสาวคนหนึ่งเพราะความประมาทของตน... ความคับแค้นใจส่งผลให้ร่างสูงกำหมัดแน่น รอบกายเต็มไปด้วยซากนกพิราบนอนจมกองเลือด ผ้าเช็ดเท้าที่หญิงสาวใช้กับเขาถูกทิ้งอยู่บนพื้น ซับของเหลวสีแดงสดเอาไว้จนเปียกชุ่ม โลหิตย้อมรองเท้าของเขาจนกลายเป็นสีแดงฉาน ใบหน้าของผู้ที่ลงมือเรียบเฉย ขณะที่กลิ่นอายแห่งความตายและกลิ่นคาวเลือดลอยคลุ้งจนน่าสะอิดสะเอียน สภาพของผู้ที่กลับมา ส่งผลให้ซือเหยายกมือกุมท้องที่เกร็งแน่น ส่งเสียงหัวเราะออกอย่างสุดจะกลั้นไหว ใครเล่าจะคิดว่าราชองครักษ์ผู้เงียบขรึมจะเกิดอารมณ์อยากน่ารักขึ้นมา โดยเอาขนนกมาประดับตกแต่งเสียเต็มตัว! ตั้งแต่เรือนผมยันเสื้อผ้าที่สวมใส่ล้วนมีขนนกหลากสีเกาะติดอยู่แทบทั้งสิ้น ดูท่าหานลู่คงอยากจะแปลงร่างกลายเป็นพ่อไก่เสียกระมัง! ทว่าเสียงหัวเราะของชายหนุ่มอารมณ์ดีก็ต้องหยุดลงเมื่อแววตาเย็นยะเยือกของหานลู่ปรายมามอง ความเข้มลึกในดวงตาบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง ซือเหยาเลิกคิ้วสูง นอกจากราชองครักษ์หนุ่มแล้วกลับไร้วี่แววของโฉมสะคราญ อย่าบอกนะว่าหานลู่ทำงานพลาด! ชายหนุ่มผิวสีแทนเผลอครางเสียสูงอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แต่ก็มิอาจสาวเรื่องได้มากกว่านี้เมื่อผู้เป็นนายซึ่งนั่งเท้าคางอยู่บนตั่งสูงเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง ถึงแม้ว่าท่านอ๋องห้าจะยังมิตรัสสิ่งใด พระพักตร์คมคายเรียบสนิท แต่กลิ่นอายกดดันที่แผ่ออกมาจากพระวรกายหนา กลับให้ความรู้สึกไม่ต่างจากถูกอุ้งมือที่มองไม่เห็นบีบรัดเข้าที่คอจนหายใจได้ไม่ทั่วท้อง พยัคฆ์เงินแห่งสนามรบในเสื้อคลุมอาบน้ำสีดำทมิฬกำลังไม่พอใจ เพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชายชาติทหารรู้สึกหวั่นใจจนไม่กล้าเอ่ยเสียง หากฮั่วหลิงหวางบันดาลโทสะขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้เป็นถึงองค์ฮ่องเต้เองก็ยังต้องเกรงพระทัย ด้วยเหตุนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งสองจึงต้องตั้งสติให้ดี... ภายในห้องใหญ่ตกอยู่ในความเงียบสงัดจนน่าวังเวง กระทั่งเสียงทุ้มเข้มทรงอำนาจดังขึ้น “เจ้าบอกว่า นางเรียกฝูงนกพิราบมาเช่นนั้นหรือ” ประกายตาเย็นเฉียบราวกับดวงตาพยัคฆ์เวลาออกล่าเหยื่อจ้องตรงไปยังองครักษ์อย่างต้องการคำยืนยัน หากผู้ที่กำลังเผชิญหน้ากับท่านอ๋องมิใช่หานลู่ ป่านนี้คงยืนไม่ไหวไปแล้ว ก่อนหน้านี้มีถึงขั้นหมดสติไปเลยก็มี “ขอรับ” ผู้ถูกถามเอ่ยตอบก่อนจะทรุดเข่าลงบนพื้น ประสานมือไว้เบื้องหน้า “ขอนายท่านโปรดลงอาญา!” ฮั่วหลิงหวางจ้องมองการกระทำของหานลู่อย่างเฉยเมย นัยน์ตาเฉียบคมเกิดประกายครุ่นคิดบางอย่าง รองแม่ทัพจากแคว้นหยาง สตรีผู้นั้นสามารถเรียกวิหคได้...ชักจะประจวบเหมาะเกินไปเสียแล้ว คิดพลางเบือนสายตาจากผู้ที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ไปยังผู้ที่ยืนนิ่งอยู่ที่มุมห้องแทน “ซือเหยา” ผู้ที่ถูกเรียกปรับท่าทีของตนให้จริงจังขึ้น เวลานี้เลือดกำเดาแห้งสนิทดีแล้ว เขาจึงไม่มีเศษผ้าอุดจมูกอีก “ขอรับ” “เจ้าเคยได้ยินเรื่องศึกเมืองฉางหลิวบ้างหรือไม่” ครานี้พลทหารคนสนิทนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง ศึกเมืองฉางหลิวคือศึกระหว่างแคว้นหยางและแคว้นเว่ยเมื่อสองปีก่อน ทั้งสองแคว้นต่างก็ต้องการแย่งเมืองฉางหลิวที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยแร่เหล็กเพื่อใช้สำหรับสร้างอาวุธให้กับกองทัพ แม้เขาอาจจะจำรายละเอียดไม่ได้ทั้งหมด แต่ความทรงจำของชายหนุ่มก็จัดอยู่ในขั้นที่ดี หน้าที่ของทหารระดับสูง นอกจากต้องเก่งกาจทางด้านต่อสู้และบัญชาการรบแล้ว การเรียนรู้และจดจำข้อมูลของศึกสงครามต่างๆ เพื่อศึกษาและพัฒนากองทัพก็เป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ เช่นเดียวกัน “จำได้ขอรับ” ซือเยาตอบผู้เป็นนาย ศึกครานั้นถือเป็นศึกที่สร้างชื่อเสียงให้กับแม่ทัพกู่จิ้นกว่าง แม่ทัพหนุ่มผู้มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์แคว้นหยาง ด้วยกำลังพลเพียงหกพันแต่กลับเอาชนะกองกำลังของแคว้นเว่ยกว่าหนึ่งหมื่นนาย นับว่ามีฝีมือน่ากลัวพอสมควร หลังจากที่จบศึกเมืองฉางหลิวในครานั้น ชื่อของกู่จิ้นกว่างจึงถูกบันทึกลงในรายชื่อบุคคลที่พวกเขาต้องกำจัด! ...มิเช่นนั้นในอีกสามปีข้างหน้า เมื่อสัญญาสงบศึกระหว่างสองแว่นแคว้นหมดลง คนผู้นั้นคงจะกลายเป็นเสี้ยนหนามสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน! “ที่แม่ทัพกู่สามารถเอาชนะแคว้นเว่ยได้เป็นเพราะความสามารถของเขาก็จริงอยู่ แต่ข่าวลือก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรมองข้าม” ร่างสูงใหญ่กำยำก้าวตรงไปหยุดยืนอยู่หน้าบานหน้าต่างใหญ่ ดวงตาจับจ้องไปยังภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ไกลออกไป รังสีที่คุกคามออกจากร่างเจือจางลงเล็กน้อยจนซือเหยารู้สึกว่าตนเองกลับมาหายใจได้ทั่วท้อง “ข่าวลือที่นายท่านหมายถึง คือฝูงนกอินทรีที่ไล่จิกดวงตาทหารแคว้นเว่ยหลายพันนายจนมืดบอด จนถึงขั้นไม่สามารถจับอาวุธสู้รบได้ใช่หรือไม่” ผู้ฟังยกยิ้มน้อยๆ อย่างน้อยซือเหยาก็มิความจำดีอยู่บ้าง “ศึกครานั้นนอกจากแม่ทัพกู่จะสร้างชื่อให้กับตนเองแล้ว ชื่อเสียงของกุนซือปริศนาผู้สวมใส่หน้ากากนกเค้าแมวแห่งแคว้นหยางก็โหมกระพือไปทั่วยุทธภพเช่นเดียวกัน” ครั้นเอ่ยมาถึงตรงหน้า เจ้าของเสียงทุ้มทรงอำนาจก็เบือนใบหน้ากลับมา ทหารคนสนิทที่เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ก็เผยสีหน้าประหลาดใจ “นายท่าน เช่นนั้นก็หมายความว่าแม่นางผู้นั้น...” ประกายในดวงตาพยัคฆ์เฉียบคมมากขึ้น กระตุกยิ้มที่มุมปาก “นางต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างกับ ‘เมาโถวอิง’ อย่างแน่นอน” แต่น่าเสียดายยิ่งนัก ที่ต่อให้ข้อมูลนี้ได้จะน่าสนใจมากเพียงใด ทว่าข่าวสารที่แจ้งมาจากวังหลวงก็ทำให้พวกเขาต้องรีบเดินทางกลับไปยังเมืองหลวง ร่างในเสื้อคลุมคิดพลางเบือนสายตากลับไปยังผู้ที่คุกเข่านิ่งอยู่กลางห้อง หานลู่ยังคงอยู่ในอิริยาบถเดิมราวกับรูปปั้นหินไร้ชีวิต “หานลู่ ไปเตรียมตัวให้พร้อม คืนนี้เราต้องออกเดินทาง” น้ำเสียงเรียบเฉยปราศจากความขุ่นเคือง แสดงให้เห็นว่าผู้เป็นนายมิติดใจเอาความเรื่องหญิงสาวผู้นั้นอีกต่อไป ในเมื่อผู้ใหญ่เลือกที่จะไม่เอาผิด ผู้น้อยซึ่งทำงานให้อีกฝ่ายมานานจึงลุกขึ้นยืน การตัดสินใจและคำสั่งของผู้เป็นนายคือสิ่งที่เขาต้องก้มหน้าทำตามโดยห้ามตั้งข้อสงสัยใดๆ เป็นอันขาด ซือเหยามองคนทั้งสองสลับกันไปมาก่อนจะได้ข้อสรุปกับตนเองในใจ ทาสรับใช้ผู้ซื่อสัตย์... เขาเพิ่งมาทำงานกับฮั่วหลิงหวางได้เพียงสองปีเท่านั้น ผิดกับหานลู่ที่คอยรับใช้บุรุษผู้มีสายเลือดเดียวกับพญามังกรมาตั้งแต่จำความได้ ความสนิทสนมและความเชื่อใจที่คนทั้งสองมีให้แก่กันคงลึกซึ้งจนยากที่จะเข้าใจ แต่จะว่าไปแล้ว ทหารหนุ่มเจ้าของผิวสีแทนก็รู้สึกคุ้นหน้าแม่นางปริศนาผู้นั้นยิ่งนัก ราวกับว่ามันคล้ายคลึงกับคนบางคนที่เขาเคยพบมาก่อน หากแต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก... ฝ่ายฮั่วหลิงหวางที่แม้จะไม่แสดงท่าทีสนใจต่อหญิงสาวผู้นั้นออกมาให้ทหารทั้งสองได้เห็น แต่บุรุษผู้องอาจกลับมีให้คำมั่นสัญญากับตนเองในใจ ‘หากได้พบกันอีกครั้ง ข้า...ฮั่วหลิงหวางจะไม่ปล่อยให้เจ้าหลุดมือไปอีกเป็นครั้งที่สอง!’ [1] ระยะเวลาหนึ่งเค่อ เท่ากับ สิบห้านาที ในปัจจุบัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม