บทที่ 2

937 คำ
ยามนี้เข้าสู่ช่วงกลางฤดูเหมันต์ อากาศจึงค่อนข้างเหน็บหนาวเป็นอย่างยิ่ง จ้าวไป๋ลู่กำลังนั่งอยู่ในรถม้า มือทั้งสองข้างของนางกอดเตาผิงเอาไว้เพื่อช่วยให้ความอบอุ่น ชุดคลุมขนจิ้งจอกที่มารดาสั่งตัดให้นาง ยังช่วยเพิ่มความอบอุ่นได้เป็นอย่างดี ฮูหยินหลิวอิ๋งยื่นมือไปเปิดผ้าม่านออกเล็กน้อย ก่อนจะหันมาเอ่ยกับจ้าวไป๋ลู่ "ไป๋ไป๋ ยามเมื่อถึงจวนโหวแล้ว เจ้าจงรักษากิริยาให้ดี สิ่งใดควรมิควรต้องจดจำให้ขึ้นใจ" "เจ้าค่ะท่านแม่ โอะ!!ฮ่าๆๆๆ มันร่วงจากปากข้า ฮ่าๆๆๆ" จ้าวไป๋ลู่กำลังอ้าปากงับถังไป๋ลู่ที่สาวใช้ส่งมาให้ แต่ทว่ามันกลับร่วงลงจากปากของนางไปเสียแล้ว นางจึงเผลอหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน แต่ทว่าเมื่อหันไปพบกับสายตาเย็นเยียบของผู้เป็นมารดา นางจึงยกมือขึ้นปิดปากตนเองทันที ท่านแม่ของนางดีไปหมดทุกสิ่งอย่าง เสียอย่างเดียวคือเป็นสตรีที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบ ท่านพ่อเคยบอกกับนางว่า เพราะท่านแม่มาจากตระกูลชาวนาว ยามเมื่อมีหน้ามีตาจึงเกรงว่าจะทำให้ท่านพ่อขายหน้าเอาได้ ท่านแม่จึงตั้งใจศึกษากฏระเบียบและกิริยาของสตรีชั้นสูงอย่างเคร่งครัด ให้ตายเถิด!นางอึดอัดที่สุดเลย "เอ่ยยังมิทันขาดคำ เจ้าก็เป็นเช่นนี้เสียแล้ว เป็นสตรีเหตุใดจึงอ้าปากหัวเราะเช่นนั้น น่ารังเกียจยิ่งนัก" ยิ่งบ่นด่าบุตรสาวนางก็ยิ่งโมโห เมื่อสองปีก่อน จ้าวไป๋ลู่เป็นสตรีที่เรียบร้อยอ่อนหวานกิริยางดงาม เหตุใดพอเริ่มเติบโตกลับเป็นเช่นนี้ไปเสียได้ "ท่านแม่ ข้าจะไม่หัวเราะอีกแล้ว" "หึ!!เอาเถิด เมื่อไปถึงจวนโหวแล้ว แม่จะพาเจ้าไปทำความเคารพองค์หญิงหงลี่" ฮูหยินหลิวอิ๋งเอ่ยเพียงเท่านี้ไม่ได้เอ่ยวาจาใดต่อ แท้จริงแล้วในจดหมายขององค์หญิงหงลี่นั้น มิได้เพียงชวนพวกนางสองแม่ลูกมาชมดอกเหมยเพียงอย่างเดียว แต่กลับจะเจรจาทาบทามสู่ขอจ้าวไป๋ลู่ให้แต่งงานกับบุตรชายของตน นางเองมิใช่ว่าไม่ดีใจ นางดีใจมากเสียด้วยซ้ำที่องค์หญิงให้เกียรตินางให้เกียรติตระกูลจ้าวถึงเพียงนี้ แต่เมื่อมองเห็นท่าทีเดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวหัวเราะของบุตรสาว นางก็ปวดใจยิ่งนัก รถม้าหยุดลงที่หน้าประตูจวนโหวตระกูลหลี่ ฮูหยินหลิวอิ๋งและจ้าวไป๋ลู่ก็เดินลงมาจากรถม้า มีสาวใช้มารอต้อนรับ ก่อนจะพาพวกนางสองแม่ลูกตรงเข้าไปในเรือนใหญ่ทันที เสียงพิณบรรเลงบทเพลงชวนเคลิบเคลิ้ม จ้าวไป๋ลู่มองดูรอบจวนด้วยความตื่นเต้น ที่นี่ปลูกต้นไม้ดอกไม้ไว้เต็มไปหมด แต่ยามนี้เห็นทีคงจะมีเพียงดอกเหมยที่ออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม จ้าวไป๋ลู่ยื่นมือไปรองหิมะที่โปรยปรายลงมาก่อนจะผลิยิ้มจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้างของนาง เดินต่ออีกสักพักก็มาถึงเรือนใหญ่ ยามนี้มีเหล่าคุณหนูจากตระกูลสูงศักดิ์มากมายกำลังร่วมชมดอกเหมยและรับฟังบทเพลงจากพิณที่ขับกล่อมชวนเสนาะหู "อิ๋งเอ๋อร์เจ้ามาแล้ว" "ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ" "จะมากพิธีไปไยกัน รีบมานั่งกับข้า เอ่อ แล้ว นี่คือ.." "ทูลองค์หญิง นี่คือ จ้าวไป๋ลู่ บุตรสาวของหม่อมฉันเพคะ" "โอวว ไป๋ไป๋เติบโตเพียงถึงนี้แล้ว อีกทั้งยังงดงามมากอีกด้วย" องค์หญิงหงลี่เอ่ยชมจ้าวไป๋ลู่มิขาดปาก จ้าวไป๋ลู่เองก็จำที่ท่านแม่สอนนางมาได้เป็นอย่างดี จึงทำความเคารพได้อย่างงดงามอ่อนช้อย จนองค์หญิงหงลี่พยักหน้าอย่างชื่นชม ความสัมพันธ์ขององค์หญิงหงลี่และมารดาของจ้าวไป๋ลู่นั้นค่อนข้างสนิทสนม พวกนางเป็นสหายที่ดีต่อกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เมื่อยี่สิบปีก่อน องค์หญิงหงลี่ตกหลุมรักซื่อจื่อจวนโหว ซึ่งก็คือสามีของนางในยามนี้ นางจึงออกจากวังไปตามหาเขา แต่ระหว่างทาง กลับถูกพวกบ้าตัณหาคิดฉุดคร่าลวนลาม โชคดีที่ได้ความช่วยเหลือจากหลิวอิ๋งและครอบครัว นางจึงรอดพ้นหายนะครานั้นมาได้ ความช่วยเหลือนี้ก่อเกิดความสัมพันธ์ที่ดีเสมอมา ทำให้พวกนางเป็นสหายรักกันนับตั้งแต่วันนั้น และยังสัญญากันเอาไว้หากมีบุตรสาวบุตรชายจะให้แต่งงานกันอีกด้วย ท่าทีที่องค์หญิงหงลี่มีต่อนาง สร้างความริษยาให้แก่คุณหนูตระกูลสูงศักดิ์ไม่น้อย โดยเฉพาะ หนิงเสวี่ย หนิงเสวี่ยเป็นบุตรสาวของจวนตระกูลหนิง บิดาของนางเป็นถึงเสนาบดีกรมพระคลัง พี่ชายของนางก็เป็นบัณฑิตผู้เลื่องชื่อ สอบได้ที่หนึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังก้าวหน้า กำลังจะได้เป็นอาจารย์ในสำนักศึกษาหลวงกั๋วจื่อเจี้ยนอีกด้วย และนางเองก็เป็นคนรักของหลี่รั่วหาน ซื่อจื่อแห่งจวนโหว คุณชายใหญ่แห่งจวนตระกูลหลี่ บุตรชายขององค์หญิงหงลี่ ท่าทีที่องค์หญิงหงลี่มีต่อสองแม่ลูกนั้นช่างอ่อนโยนและสนิทสนม ต่างจากทุกคราที่พบเจอนาง องค์หญิงหงลี่กลับเว้นระยะห่างจนนางมิอาจเข้าถึง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม