“คาบเรียนแรกของวันนี้จะเป็นคาบเรียนคำนวณของอาจารย์เสิ่น ทุกคนตั้งใจเรียนให้ดี อย่าลืมว่าทุกภาคเรียนต้องมีการทดสอบ คะแนนจะถูกเรียงลำดับและประกาศในกระดานหน้าสถาบันเพื่อให้บิดามารดาของทุกคนได้ชื่นชม”
สีหน้าของซิวอี้เซิงดูบิดเบี้ยวไปทันที เขาเบื่อหน่ายกับการที่ตนเองไม่อาจจะสู้น้องสาวจอมแก่นได้ ตั้งแต่เริ่มเรียนเขียนอักษรในบ้านอาจารย์จ้าว ซิวลู่ฉิงทำได้ดีกว่าเขามาตลอด การคำนวณพื้นฐานที่ท่านพ่อสอน นางก็ทำได้ดีกว่า เขาคิดว่าตนเองช่างไม่เหมาะกับพวกตัวอักษรยึกยือมากมายพวกนี้เลย ทุกครั้งที่มีการประเมินผลการศึกษาเขาได้คะแนนน้อยกว่าน้องสาวทุกครั้ง เด็กชายอยากจะออกไปร่ำเรียนการต่อสู้ การใช้กระบี่ หอก ทวน ขี่ม้า และยิงธนู มากกว่า หากถามถึงความใฝ่ฝันของซิวอี้เซิงล่ะก็...เขาสามารถจะบรรยายได้เป็นวันๆ
“เจ้าชอบวิชาคำนวณไหม?”
“ข้าหรือ? ข้าพอทำได้ อย่างไรบ้านของข้าก็ทำการค้ามาตลอด เพียงแต่ข้ามิได้อยากเป็นพ่อค้าเหมือนท่านปู่กับท่านพ่อ”
“แล้วเจ้าอยากทำงานอะไรหรือ?” ฉีเหยียนหันมามองสหายหน้ากลม
“ข้าอยากเป็นแม่ทัพเหมือนชินอ๋อง!”
“แม่ทัพใหญ่ของแคว้นเราน่ะหรือ?”
“ใช่! สักวันข้าจะไปเข้าร่วมกองทัพพยัคฆ์เหิน” ซิวอี้เซิงยืดอกอวบขึ้น
ช่วงพักกลางวันซิวอี้เซิงชวนน้องสาวและฉีเหยียนไปนั่งกินข้าวด้วยกันที่ศาลาใหญ่ซึ่งมีเพื่อนร่วมสถาบันกำลังเอาปิ่นโตออกมาวางบนโต๊ะ ซิวลู่ฉิงดึงเอาชิงเว่ยเว่ยมาด้วย
“ว้าว! เว่ยเว่ย อาหารของเจ้าน่ากินจังเลย” เด็กหญิงตัวกลมป้อมชะโงกหน้าไปมองในถาดไม้ที่ชิงเว่ยเว่ยถอดออกมาเรียงไว้ ทำเอาเด็กชายอีกสองคนอดไม่ได้ที่จะชะโงกหน้ามาดูด้วย
“อืม...น่ากินกว่าไก่ทอดของข้าอีก” ซิวอี้เซิงบ่นอุบ กลืนน้ำลายดังเอื๊อก นึกอยากกินอาหารของเพื่อนใหม่
“เจ้าอยากกินของข้าหรือ? ข้าว่าอาหารในปิ่นโตของเจ้าก็น่ากินเหมือนกัน งั้นเรามาแลกกันกินดีไหมเล่า?” ชิงเว่ยเว่ยเห็นอาหารของซิวอี้เซิงแล้วก็รู้สึกว่าน่ากินเช่นกัน “ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาแลกอาหารกันดีกว่า”
ฉีเหยียนมองเห็นอาหารในปิ่นโตของสองพี่น้องสกุลซิวก็นึกอยากจะกินด้วยเช่นกัน เขาจึงรีบพยักหน้าไปพร้อมกับเพื่อนๆ ด้วยความที่ต่างคนต่างชินกับอาหารในจวนของตน เมื่อเห็นอาหารของคนอื่นจึงรู้สึกว่าแปลกใหม่น่าสนใจ เด็กทั้งหมดจึงเปิดปิ่นโตไม้ออกมาเรียงกันแล้วสลับกันกินอาหารของอีกฝ่าย
เมื่อกินเสร็จซิวลู่ฉิงสาวน้อยที่ชอบหนังสือก็ชวนคนทั้งหมดไปดูหอสมุด
“ข้าได้ยินมาว่าหอสมุดที่นี่มีขนาดใหญ่เท่ากับในวังหลวงเลยเชียว พวกเราไปดูกันสักหน่อยไหม?”
“ใช่อาคารใหญ่ๆ ตรงกลางนั่นหรือเปล่า?” ชิงเว่ยเว่ยเหมือนจะสังเกตในช่วงที่เดินมาหาห้องเรียน
“ใช่! ข้าสอบถามญาติผู้พี่มาแล้ว” ฉีเหยียนรีบพยักหน้ายืนยันแข็งขัน
เด็กทั้งสี่จึงพากันไปยังเรือนไม้หลังใหญ่โอ่อ่าที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างอาคารเรียนเบื้องต้นซึ่งเป็นที่ตั้งห้องเรียนของพวกเด็กๆ กับอาคารเรียนระดับกลางและระดับสูงของบรรดาศิษย์พี่ เด็กทั้งสี่พากันเดินไปถึงด้านหน้าก็ร้องอู้หูออกมาพร้อมกัน
“ท่าทางที่นี่คงจะมีหนังสือมากกว่าที่บ้านข้าหลายร้อยเท่า”
“ก็แน่ล่ะสิ! ที่นี่คือสถาบันเค่อเฉิงนะ สถานศึกษาอันดับหนึ่งของแคว้น หมิง หรือจะว่าไปน่าจะใหญ่ที่สุดในห้าแคว้นก็ว่าได้” ฉีเหยียนเชิดหน้าทำหน้าตาทรงภูมิรู้ยิ่งกว่าสหายคนอื่น
“อาเหยียนเจ้ารู้จักท่านอาจารย์ใหญ่หวังต้าจิ้งของเราหรือไม่?”
“รู้สิ! ข้าเคยอ่านประวัติของเขานะ มีตำรากล่าวว่าหวังต้าจิ้งคือจอมยุทธ์ที่ได้รับการยกย่องผู้หนึ่งในยุทธภพ ภายหลังมาร่ำเรียนเขียนอ่านจนมีภูมิรู้สูง กลายเป็นพระอาจารย์ขององค์ชายในวัง หลังจากมีการก่อตั้งสถาบันเค่อเฉิงจึงได้รับมอบหมายให้มาเป็นอาจารย์ใหญ่ที่นี่”
“เจ้ารู้เยอะเสียจริง” เว่ยเว่ยหันไปชื่นชมเด็กชายผู้ที่ใฝ่ฝันจะเป็นจอหงวน
“เราจะเข้าไปที่นี่จริงๆ เหรอ? ข้าไม่เห็นจะชอบเลยสักนิด หนังสือเยอะเยอะแบบนี้”
“วันนี้คงยังเข้าไปไม่ได้หรอก เพราะอีกหนึ่งเค่อพวกเราต้องเข้าเรียนแล้ว เอาไว้พรุ่งนี้พวกเรามากันแต่เช้าค่อยเข้าไปดูกันดีกว่า” ซิวอี้เซิงกลัวว่าเพื่อนๆ จะพากันเข้าไปในหอสมุดที่เขาไม่ค่อยชอบใจจึงรีบหาข้ออ้าง
“จริงด้วย! อาจารย์ไต้ขู่ไว้แล้วว่าหากพวกเราเข้าเรียนสายจะต้องถูกลงโทษ ข้าไม่อยากถูกหมายหัวตั้งแต่วันแรกของการเรียนนะ”
“ตกลงว่าเจ้ากลัวอาจารย์จะโมโห หรือเจ้าอยากเอาใจอาจารย์กันแน่?”
“หึ! เอาเป็นว่าข้าไม่อยากทำให้อาจารย์โมโหข้าก็แล้วกัน” ซิวลู่ฉิงรีบกวักมือแล้วเดินนำทุกคนหันไปหน้าไปอาคารเรียนของตน
ชิงเว่ยเว่ยนึกเสียดาย นางมองเห็นหนุ่มสาวมากมายเดินเข้าออกหอสมุดกันขวักไขว่ เด็กหญิงถอนหายใจ
‘อันที่จริง ข้าควรจะไปเรียนฝั่งขวาต่างหาก แต่นี่ต้องมานั่งเรียนกับพวกเด็ก เฮ้อ! แต่ยังดีนะที่อาจารย์ชั้นเบื้องต้นมีคนหน้าตาดีเยอะแยะพอให้รื่นรมย์ ได้บ้าง’
การเรียนรอบบ่ายเป็นวิชาบรรเลงพิณ ซึ่งอาจารย์ผู้สอนคือสหายของอาจารย์ไต้ รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาคมคายพอกัน เด็กหญิงทั้งหลายล้วนกระตือรือร้นอยากจะเป็นคนโปรดของอาจารย์ ส่วนเด็กชายก็มองอาจารย์ด้วยความชื่นชมในรูปร่างหน้าตาและความสามารถ
“พวกเจ้าคอยดูเถิด โตขึ้นข้าก็จะเป็นบัณฑิตรูปงามเหมือนท่านอาจารย์” ฉีเหยียนมองดูบุรุษรูปงามทั้งสองอย่างมาดหมาย ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ไต้หรืออาจารย์จงล้วนดูผึ่งผายยิ่งนัก
“เฮ้อ! ยังไม่มีอาจารย์ท่านใดถูกใจข้าเลย” ซิวอี้เซิงเอ่ยขึ้นด้วยความเหนื่อยหน่าย แต่ละวิชาที่เรียนวันนี้ล้วนน่าเบื่อสำหรับเขา “หากส่งข้าเข้าไปเรียนที่สำนักฝึกยุทธ์ ข้าก็คงจะรู้สึกอยากเรียนกว่านี้”
ชิงเว่ยเว่ยเห็นอาการของเด็กชายแล้วก็หัดสะกิด “เจ้าไม่ได้ดูตารางเรียนหรอกหรือ? พรุ่งนี้จะมีอาจารย์มาสอนวรยุทธ์ให้พวกเราด้วยนะ”
*******************************