“มีอะไรหรือเปล่าลูก”คุณไพลินถามขึ้นเมื่อบุตรสาวเดินเข้ามาภายในบ้านด้วยท่าทางเหมอลอย
“เด็กๆ เจ๊มดแดงฝากขนมมาให้จ้ะ เอาไปกินเร็ว แม่คะ ออกมาคุยข้างนอกกับหนูนาหน่อยคะ”หล่อนยื่นขนมให้กับลูกๆ แล้วหันไปคุยกับมารดาเรื่องที่คุยกับเจ๊มดแดงเพื่อถามความเห็นจากท่านแล้วเดินนำหน้าออกไปยังนอกบ้าน ไม่อยากให้เด็กๆ ต้องมาเห็นสีหน้าท่าทางเคร่งเครียดของหล่อนกับย่า
“เจ๊มดแดงมาคุยอะไรกับลูก”คุณไพลินถามขึ้นเมื่อออกมาพ้นหลานทั้งสอง
“เจ๊มดแดงชวนหนูไปทำงานที่บาร์เปิดใหม่ค่ะ ตำแหน่ง PR สาวเชียร์เบียร์”หล่อนบอกถึงสิ่งที่คุยกับเจ๊มดแดงให้มารดารับรู้
“แล้วเราให้คำตอบว่ายังไงล่ะ แม่ไม่ขัดนะถ้าลูกจะทำงานนี้ ขอแค่อย่าทำอะไรที่ผิดศีลธรรมก็พอ แม่ไม่อยากให้น้องนันท์กับน้องนนท์ต้องโดนล้อ”สิ่งเดียวที่หล่อนกังวลนั้นก็คือ สภาพจิตใจของหลานทั้งสองคน เพียงแค่สูญเสียพ่อไปตั้งแต่เล็กก็มากพอแล้ว หล่อนไม่อยากให้ต้องมาโดนล้อว่าแม่ตัวเองทำงานไม่ดีอีก
“เจ๊มดแดงรับประกันว่าไม่มีการขายเนื้อสดแน่นอนค่ะ เพราะถ้าหากพนักงานไม่ยินยอมทางร้านจะปกป้องกันที อีกอย่างสวัสดิการ รายได้ เบี้ยเลี้ยงก็เยอะด้วยค่ะ สามารถทำให้ครอบครัวของเราไม่ขัดสนใจ”หล่อนได้ลองคิดแล้วว่าไม่แน่อาจจะลองไปทำงานกับเจ๊มดแดงดูก่อนสักระยะว่ารายได้เป็นยังไงแล้วก็เหมาะสำหรับหล่อนหรือเปล่า
“แม่เข้าใจความลำบากใจเรานะหนูนา ถ้าลูกอยากจะทำแม่จะไม่ห้าม เพราะตอนนี้ครอบครัวของเรามีภาระเพิ่มมา ไม่รู้ว่าพ่อเขาจะต้องพักฟื้นอีกนานแค่ไหน ผ่าตัดสมองแบบนี้คงกลับมาเป็นเหมือนเดิมยาก แม่คงได้ดูแลพ่อตลอดเวลา อาจจะทำให้ค่าใช่จ่ายเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว ไหนจะสองแฝดอีกยิ่งโตขึ้นเรื่อยๆ กินเก่งมากกว่าเดิมอีก”หล่อนไม่อยากจะไปก้าวก่ายอะไรมากเกินไป เพราะตอนนี้ลูกสาวของหล่อนเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้ว หล่อนเชื่อว่าหนูนาต้องมีสติและมีความคิดมากพอที่จะตัดสินใจทำอะไรลงไป และถ้าหากตัดสินใจที่จะทำงาน PR หล่อนก็ไม่ห้าม เพราะมีเจ๊มดแดงคนรู้จักคอยดูแลให้
“หนูตัดสินใจแล้วค่ะ หนูจะทำงานที่เจ๊มดแดงแนะนำมาให้ หนูสัญญานะคะแม่ว่าหนูจะไม่ทำให้แม่ต้องหนักใจแน่นอนค่ะ”หนูนานิ่งไปสักพักเพื่อทบทวนสิ่งที่มารดาพูดแล้วตัดสินใจอย่างแน่วแน่เพื่อครอบครัวของตนเอง หล่อนจะไม่มีวันยอมให้ครอบครัวต้องมาลำบากแน่นอน ถึงแม้ว่างานนี้จะเสี่ยงก็ตาม
“แม่เคารพในการตัดสินใจของลูกนะ แม่เชื่อว่าลูกคิดดีแล้ว”
“หนูไม่อยากให้ทุกคนต้องมาเดือดร้อน หนูอยากให้น้องนันท์น้องนนท์ กินอิ่มนอนหลับเหมือนที่เคยไปไม่อยากให้มาลำบากด้วย อีกอย่างพ่อก็ป่วยหนักแม่ก็ต้องดูแลพ่ออีก หนูไม่อยากให้แม่ต้องมาเหนื่อยอีกทาง”
“ทำตามที่ต้องการเถอะลูก อย่าลืมไปบอกเจ๊มดแดงล่ะ แต่แม่อยากให้หนูทำหลังจากพ่อเขาออกจากโรงพยาบาลได้ไหม เราจะได้ช่วยกันเตรียมตัวตั้งรับ”
“ได้ค่ะแม่ เดี่ยวหนูขอตัวไปคุยกับเจ๊มดแดงก่อนนะคะ”
หล่อนได้โทรไปให้คำตอบกับเจ๊มดแดงร่วมถึงคุยรายละเอียดของงานและวันเริ่มทำงาน ซึ่งเจ๊มดแดงก็ตามใจให้หล่อนจัดการธุระทั้งหมดให้เสร็จเรียบร้อย ส่วนเรื่องงานหล่อนไม่ค่อยน่าเป็นห่วงสักเท่าไร เพราะเมื่อก่อนหล่อนเคยเป็นพริตตี้ทำให้ไม่ค่อยกังวลมากนักแล้วไหนจะเสื้อผ้าที่ตอนเป็นพริตตี้หล่อนยังเก็บไว้อยู่ พอทำให้ประหยัดค่าใช้ง่ายไปเยอะ
วันต่อมาหล่อนกับมารดาไปยังโรงพยาบาลเพื่อดูอาการของบิดาว่าเป็นอย่างไรบ้างมี การตอบสนองมากแค่ไหน หล่อนรู้ว่าการผ่าตัดมีโอกาสรอดเพียงแค่ 10% เท่านั้น หล่อนอยากให้ปฏิหาญมีจริงถึงแม้ว่าจะมีเพียงน้อยนิดก็ตาม อยากให้ท่านอยู่กับหล่อนไปอีกนานๆ
“หมอบอกว่าพอตอบสนองทุกอย่างได้ดี เหลือเพียงแค่ว่าท่านจะตื่นขึ้นมาตอนไหน”
“แม่ทำใจแล้วแหละลูก ต่อให้พ่อเขาเป็นแบบไหนแม่พร้อมจะดูแลเสมอ”
หลายวันต่อมา
พ่อของหล่อนตื่นมาขึ้นพร้อมกับการตอบสนองต่อทุกสิ่งช้า รวมทั้งการรับรู้ต่อสิ่งต่างๆ และการโต้ตอบกับผู้คน หล่อนได้ปรึกษากับแพทย์ประจำของท่าน หมอได้หมอบอกงว่าเป็นผลข้างเคียงของการผ่าตัด ยังดีที่พ่อของหล่อนฟื้นตัวได้เร็วกว่าคนอื่นๆ และยังสามารถตอบเสนอกับคนรอบข้างได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เหมือนเดิม การเคลื่อนไหวของท่านช้าลงและไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงร่วมกับการโต้ตอบและการพูดคุยจะไม่เหมือนเดิม
“หมอคะแล้วหนูนาจะพาพ่อกลับบ้านได้เมื่อไร”
“หมอขอรอดูอาการก่อนนะนะครับว่ามีอาการแทรกซ้อนอะไรบ้าง ถ้าไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไรหมอจะให้กลับไปฟักพื้นที่บ้าน พ่อของคุณหนูนาโชคดีมากเลยนะครับที่ฟื้นตัวได้เร็วกว่าคนอื่นๆ คงน่าได้กำลังใจที่ดีด้วยและอีกอย่างท่านมีสุขภาพดีอยู่แล้วเลยทำให้ท่านฟื้นตัวได้เร็ว แต่ผลข้างเคียงของการผ่าตัดก็เหมือนกับคนอื่นๆ ทั่วไปที่ผ่าตัดสมองนะครับ ท่านไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แค่สามารถใช้ชีวิตประจำแบบปกติได้ แต่อย่าให้อยู่คนเดียวนะครับ ต้องมีคนดูแลตลอด เพื่อความปลอดภัยของท่านและที่สำคัญญาติต้องใจเย็นๆ และเข้าใจถึงสภาพของคนไข้ด้วย”
“ขอบคุณหมอมากนะคะ”
“เป็นยังไงบ้างลูก”คุณไพลินถามขึ้นเมื่อหนูนากลับมาจากคุณกับหมอ ตอนนี้หล่อนเพียงแค่อยากให้สามีฟื้นตัวเร็วๆ เพราะไม่อยากให้หนูนาต้องเครียดและเหนื่อยไปมากกว่านี้
“หมอบอกว่ารอดูอาการของพ่อก่อนค่ะว่าเป็นยังไง ถ้าดีขึ้นก็จะอนุญาตให้กลับบ้านได้”
1 เดือนต่อมา
“ดีใจไหมคะพ่อที่ได้กลับบ้านแล้ว”หล่อนถามท่านขึ้นเมื่อหมออนุญาตให้กลับบ้านได้หลังจากฟักพื้นมาร่วมเดือน จนไม่มีอาการอะไรน่าเป็นห่วง พ่อของหล่อนจะได้กลับไปรักษาตัวที่บ้านต่อ เพราะตอนนี้เงินเก็บก็เริ่มลดลงไปเรื่อยๆ จนหล่อนเริ่มกังวลแล้วว่าจะใช้ได้อีกนานแค่ไหน
“หนูจะไปทำงานวันไหนลูก”คุณไพลินถามบุตรสาวขึ้นเมื่อสามีของหล่อนสามารถกลับไปพักรักษาตัวได้ และตอนนี้หล่อนก็รู้ดีว่าสถานะทางการเงินของครอบครัวเริ่มจะไม่ค่อยดีแล้ว
“คืนวันพรุ่งนี้ค่ะแม่ หนูบอกกับเจ๊มดแดงไปแล้ว”หล่อนบอกขึ้นเมื่อได้ไลน์ไปคุยกับเจ๊มดแดงแล้วว่าจะเริ่มไปทำงานวันพรุ่งนี้ตามที่สัญญากับเจ๊มดแดงไว้ เพราเธอต้องการใช้เงินเป็นอย่างมาก อีกไม่นานค่าเทอมสองแฝดก็จะมาถึงแล้วหล่อนต้องพยายามหาเงินให้มากที่สุดเพื่อมาจุนเจือครอบครัวไม่ให้เดือดร้อน
“ไม่ต้องเป็นห่วงที่บ้านนะลูก แค่นี้แม่จัดการเองได้สบายอยู่แล้ว”
หนูนาจัดการเก็บข้าวของทั้งหมดที่อยู่ในห้องพักฟื้นแล้วก็ไปจัดการเรื่องจ่ายค่าใช้จ่ายทั้งหมดในส่วนที่พักรักษาตัว เมื่อได้เห็นบิลแล้วหล่อนแทบจะเป็นลมสลบลง หล่อนจัดการจ่ายทั้งหมดแล้วพาพ่อกลับบ้านทันที ใช้เวลาเพียงไม่นานหล่อนก็มาถึงยังบ้านที่จัดการตกแต่งใหม่ทั้งหมดเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพ่อของหล่อนมากที่สุด โดยได้ลูกน้องของเจ๊มดแดงมาช่วยอีกแรง
“ถึงบ้านเราแล้วค่ะพ่อ คิดถึงบ้านหรือเปล่าคะ”หล่อนกับมารดาช่วยพยุงท่านลงมาจาก เนื่องจากผลของการผ่าตัดทำให้ท่านไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงจะเดินจึงต้องคอยช่วยพยุง
“เข้าบ้านกันเถอะลูก อาการร้อนๆ เดี่ยวพ่อเขาจะไม่สบายเอาได้”
“หนูย้ายห้องนอนของพ่อมาอยู่ข้างล่างแล้วนะคะ พ่อจะได้ไม่ต้องลำบากเดินไปข้างบน บ้านเราสวยไหม”หล่อนไม่อยากให้ท่านต้องขึ้นเดินลงระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่นเลยจัดการย้ายห้องนอนของท่านลงมาข้างล่างเพื่อจะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น อีกอย่างถ้าตอนที่เธอไปทำงานแล้วช่วงค่ำไม่มีใครช่วยมารดาเธอพยุงท่านขึ้นไปยังห้องนอน อาจจะทำให้เกิดพลักตกลงมาได้ จะให้สองแฝดช่วยก็กระไรอยู่ ตัวเท่าลูกหมาเดี่ยวก็ล้มไปอีก
“เด็กๆ เอาของไปเก็บที่ห้องคุณย่าหน่อยสิลูก เดี่ยวคุณแม่จะไปทำอาหารอร่อยๆ มาให้กิน”
“ค่ะ/ครับ”สองแฝดรีบช่วยกันขนของเข้าไปยังห้องนอนของคุณย่าแล้วพากันมาช่วยดูแลคุณตาอีกแรงพร้อมกับพูดคุยหยอกล้อไม่ให้คุณตาเครียดและเล่าเรื่องราวต่างๆ ภายในโรงเรียนให้ฟัง