“คนผู้นี้คือใคร ท่านพาคนมาคุกคามข้าเช่นนั้นหรือ” นางสอบถามบุรุษชุดดำ
“ว่าอย่างไรท่านกุนซือ ฝีมือท่านใช่หรือไม่” เขาไม่ตอบนางหากแต่เอ่ยถามคนเจ้าเล่ห์
“ใช่...ข้าใช้นางมายั่วยวนท่าน” กุนซือลั่วแอบอ้าง ปรับสีหน้าไม่อาจส่อพิรุธว่าสตรีงดงามตรงหน้าหาใช่คนของเขา ดูเถอะนางดั่งภาพวาดจากนักวาดภาพฝีมือเอกของแผ่นดิน จะเปรียบแค่แคว้นเจิ้งคงจะด้อยไป ในเมื่อนางงามหาสิ่งใดเปรียบ เขาไม่ควรปล่อยนางไป ต่อให้ท่านแม่ทัพผู้หยิ่งยโสไม่ต้องการนาง แต่เขาต้องการนาง การที่เขาไม่รับภรรยา คงเพราะรอแม่นางอยู่ชะตาพานางมาหาเขา
แววตาท่านกุนซือส่อแววว่าปราชญ์เจ้าเล่ห์กำลังกล่าววาจาซ่อนเร้น ทุกทีที่บุรุษผู้นี้พูดไม่จริง มักหลบซ่อนสายตา แล้วกิริยาเช่นนั้นมิได้หลบพ้นสายตาเฉียบคมของแม่ทัพผู้หาญชาญศึกเช่นเขาไปได้
กุนซือลั่วสืบเท้าไปสองก้าว “กลับจวนกับข้าเถอะ เจ้าพลาดท่าแม่ทัพท่านนี้เสียแล้ว ข้าบอกเจ้าแล้ว เขาไร้หัวใจเพียงไร้ กลับไปข้าจะปลอบใจเจ้าเอง” เขาผายมือไปตรงหานาง
กลับบ้าบอกอะไร ข้าหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้วแทนที่จะได้กิน กลับต้องทนฟังเรื่องไร้สาระจากบุรุษรูปงามผู้นี้ เขาคือใครกันถึงได้พูดเหมือนนางเป็นคนของเขา หารู้จักความร้ายกาจของนางไม่ ประเดี๋ยวหยกงามเช่นนางจะได้สั่งสอนชายบ้าบอไม่รู้จักที่ตายผู้นี้ให้สำนึก
“ช้าก่อน” ท่านแม่ทัพรั้งปราชญ์เจ้าเล่ห์ด้วยเส้นเสียงกระด้าง
“ท่านแม่ทัพฟาง ยังมีปัญหาอะไรกับข้าอีกหรือ ข้ามารับคนของข้า เอาเป็นว่าที่ผ่านมาข้าขอภัยต่อท่าน คิดเล่นซนไม่รู้กาลเทศะเกินไป”
“แม่นางผู้นี้คือคนของท่านจริงนั้นหรือ ไหนทีแรกท่านว่าไม่ใช่ กล่าวหาว่าข้าพูดจาเหลวไหล”
“ข้าเพียงแต่...นึกไม่ออก พอดีข้ากลั่นแกล้งท่านไว้มาก จึงเผลอเลอลืมไป” เขาชอบนางต่อให้ไม่ใช่เขาจะทำให้ใช่
“เจ้าเพียงพูดคำเดียวว่าเจ้าไม่ใช่คนของเขา ข้าจักเชื่อเจ้า” ในเมื่อนางเห็น ‘ดาบ’ ของเขาแล้วย่อมแสดงว่านางปล้นความบริสุทธิ์ไปจากเขา เช่นนั้นถ้านางไม่ใช่คนของปราชญ์เจ้าเล่ห์ เขาจะยอมให้นางอยู่ในจวน ในฐานะอะไรสักอย่าง
“ข้าไม่ได้เป็นคนของเขา” เหมยเยี่ยนอิงรับรู้ถึงกลิ่นอายบางอย่างจากบุรุษชุดขาวผู้นี้ ไม่ว่าแววตา หรือแม่แต่ท่าทางเห็นชัดว่าเป็นบุรุษชาญศึกกับสตรี คิดเล่นตลกกับนางทั้งที่รู้อยู่แก่ใจนางมิใช่คนของ แต่กลับกล้าสมอ้างหน้าตาเฉย
“เจ้าไม่ได้ปดข้าใช่หรือไม่” ท่านแม่ทัพสืบเท้าหนึ่งก้าว ตวัดมือไหล่หลัง หยุดอยู่ตรงหน้าสตรีผู้เห็นความลับของเขา
“ถ้าเป็นคนของท่านจริง แล้วแม่นางผู้นี้นามว่ากระไร ท่านกุนซือ” ถึงเวลาท่านแม่ทัพหน้าเคร่งขรึมยากจะยิ้ม ใช้กลอุบายบ้าง
“นี่ท่านแม่ทัพฟาง สตรีที่รายล้อมรอบตัวข้า ล้วนมีมาก ข้าจำไม่หวาดไม่ไหว จดจำชื่อนางไม่ถ้วนทุกคน” ขอเพียงได้นางกลับไป นามนั้นค่อยถามไถ่กันภายหลังย่อมไม่เสียหลาย
“ที่แท้ไม่ใช่คนของท่าน”
“อา...ท่านแม่ทัพ ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่าข้าปดต่อท่านหรือ” กุนซือเช่นเขาย่อมไม่ยอมจนมุมกับแค่วาจาแม่ทัพผู้เอาดีแต่ใช้กำลัง “ท่านไม่เชื่อข้าหรือ”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ไหนแต่ไร ข้างกายท่านก็ล้วนมีสตรีมากมาย พอดีจวนข้าขาดสาวใช้ ข้าจักขอนางไว้ดูแลข้าสักคน จะได้หรือไม่น้ำใจงามเช่นท่านหวังว่าคงไม่แล้งน้ำใจ”
“พูดเช่นนี้ข้าเห็นจะต้องยอมสินะ” ไม่เคยสักครั้งที่สหายข้างขวาฮ่องเต้ จะกล่าววาจาโต้เถียงกับเขาเรื่องสตรี เช่นนั้นเขาจะยอมอ่อนข้อให้ก็ได้ เพียงแต่เสียดายความงามของนาง
ระหว่างคนทั้งสองต่อรองกันเย่าจื่อยกถาดอาหารเข้ามาขัดจังหวะ ต่อให้มีผู้ชายโต้คารมเพื่อยื้อแย่งหยกงามเช่นเหมยเยี่ยนอิงนางหาได้ใส่ใจ ตรงเข้าไปชี้นิ้วสั่งให้สาวใช้รีบวางของกินลง
“วางลงข้าหิวคนสองคนนี้พูดจาไร้สาระ” นางทิ้งก้นลงนั่งหยิบตะเกียบขึ้นมา หาได้สนใจบุรุษรูปงามทั้งสอง พวกเขาเถียงกันนางยังไม่ยักเข้าใจ นางเอาใจมาใส่กับชามอาหาร ในหัวของนางท่องแต่คำว่าอาหาร ของกินเท่านั้น อยู่บ้านไหนกับใครขอให้มีคนรับใช้ มีอาหาร ไม่ต้องลงมือทำอะไรด้วยตัวเอง นางย่อมอยู่ได้ในเมื่อคิดหัวแทบแตก เพื่อกลับไปคฤหาสน์หรูกลางกรุงเซี่ยงไฮ้ของตนไม่ได้ ก็ขออยู่ที่นี่ไปก่อน จนกว่าจะหาทางกลับไป
ท่านกุนซือนั่งลงมองอาหารในจาน
“แม่นางที่จวนข้าอาหารล้วนเลิศรส มีแม่บ้านปรุงอาหารชั้นดีให้กินทุกมื้อ ดูเถิดอาหารจวนท่านแม่ทัพใหญ่กลับมีแค่ ผักกาดดอง ผัดถั่วกับเต้าหู้ผัด หมูเห็ดเป็ดไก่หามีไม่ เช่นนี้เจ้าอยู่ที่นี่อีกไม่นานย่อมผอมเป็นไม้ผ่าซีกอย่างแน่นอน”
คนผู้นี้บ้าน้ำลายไปถึงเมื่อไร นางหิวจนจะฆ่าเสือกินได้ทั้งตัว ยังพล่ามไม่เลิก เช่นนั้นต้องสั่งสอนให้รู้จักใครเป็นใครซะหน่อย
“ท่าน...เอ่อ...ท่านกุนซือ ที่แปลว่านักปราชญ์สินะ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ การรบกวนเวลาคนกินอาหารย่อมเสียมารยาท” นางพูดออกไปหลายคำคีบอาหารเข้าปากไปพลาง พออาหารได้เข้าปากในยามหิวจนตาลาย ต่อให้เป็นผักเปล่าๆ หรือถั่วลิสงผัดเกลือ ย่อมอร่อยกว่าหมูเห็ดเป็ดไก่ซะอีก
คำพูดนางเล่นงานกุนซือผู้เก่งกาจถึงกับสะอึก ยอมสงบนิ่ง มีเพียงท่านแม่ทัพแอบขบขัน ปั้นหน้านิ่งเฉยไม่กล้ายิ้มแม้อยากยิ้ม แม่นางผู้นี้ร้ายกาจกล้าสั่งสอนคนอย่างท่านกุนซือลั่ว
“ต่อให้จวนท่านมีอาหารมากมาย หมู เห็ด เป็ด ไก่แล้วอย่างไร ข้าก็ยังกินไม่ได้ ในเมื่อข้าหิวตอนนี้ ข้าจะกินตอนนี้ รอให้ไปถึงจวนท่าน ข้าคงกลายเป็นผี เพราะหิวตายไปเสียก่อน เลิกพล่ามข้าจะกิน”
สตรีผู้นี้ปากเก่งนัก เห็นทีจะไม่ใช่สตรีชาวบ้านธรรมดา เช่นที่แอบคิดไว้ในทีแรก หรือว่า...ข้าศึกส่งนางมาเป็นไส้ศึก เพื่อสืบความลับในจวนท่านแม่ทัพ เห็นทีจะมองข้ามนางไม่ได้เสียแล้ว
บุรุษหนุ่มองอาจสองนายนั่งมองนางกินอาหาร ไม่นานของทุกอย่างพูนถ้วยหมดลงภายในพริบตา ซ้ำนางยังเรียกเอาอาหารอีก นางเหมือนหิวโซราวกับไปเดินอยู่กลางทะเล น้ำชาในกาหมดจนไม่เหลือแม้สักหยด
“อืม...ชาที่นี่หอมจริง”
“จวนข้าหอมกว่านี้ เป็นชาชั้นเลิศ หอมกรุ่น ราคาแพง เจ้าสนใจไปนั่งดื่มกับข้าไหม” เก็บศัตรูไว้ใกล้ตัวย่อมควบคุมได้ง่าย การจะเข้าถึงศัตรูเสียเวลาเลี้ยงคนของศัตรูไว้ท่าจะดี แล้วยิ่งจับคนของศัตรูเป็นภรรยา เชื่อว่าต่อให้ชี้นกย่อมเป็นนก ท่านกุนซือลอบคิดไปในทางนั้น ทั้งความเป็นจริงแล้วเขาไม่เคยคิดแต่งภรรยาเข้าสกุลลั่วเลยแม้แต่น้อย