“วันนี้คนเยอะจัง”
“อ้าว! วันนี้ว่างเหรอถึงได้แวะมาหา?”
“อื้ม หนูซื้อขนมมาฝากด้วยนะ”
“ยังน่ารักเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไปเลยนะฮานะ ว่าแต่นั่นใครเหรอ?”
“อ๋อ เขาจ้างให้หนูมาด้วยวันนี้น่ะค่ะ เขาประหม่าเวลาอยู่ในที่คนเยอะเลยต้องการเพื่อนให้รู้สึกดีขึ้น”
“เขามองเราแปลกๆนะ”
“ปรกติเขาก็แปลกอยู่แล้วนะ”
“อ่อ…”
เขานี่นะแปลก?
เธอต่างหากละที่เป็นเด็กแปลก!
ร้านขายดอกไม้ที่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจไปกว่าเจ้าของร้านที่หน้าตาดีเหมือนไม่ใช่คน ผิวพรรณก็ผ่องใสหากว่าอยู่กลางแดดจ้าคงสะท้อนแสงจนแสบตาแน่นอน แล้วยังดูเหมือนว่าเป็นคนใจดีมากอีกด้วย แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้ฮานะต้องสนใจขนาดนั้นสักหน่อย เขาไม่ชอบจริงๆที่เห็นเธอสนิทกับใครมากเกินไปแบบนี้ แล้วยังพูดคุยจนลืมไปแล้วว่ามีเขายืนอยู่ตรงนี้
ทีกับเขาไม่เห็นว่าจะชวนคุยก่อนเลย
ไม่ชอบใจเลย!!
“กลับกันเถอะค่ะ”
“คุยกันจบแล้วเหรอ?”
“อื้ม ไว้เดี๋ยววันหลังหนูแวะมาหาใหม่ก็ได้”
“ทำไมต้องมาหาอีก?”
“ก็…ทำไมจะมาหาไม่ได้ละคะ?”
“ฉัน…เป็นห่วงน่ะ หนูอายุแค่นี้เองจะมาอยู่กับผู้ชายนานๆได้ไงละ เดี๋ยวคนจะมองในแง่ไม่ดีเอานะ”
“แต่หนูอยู่กับคุณทั้งวันเลยนะ?”
“มันไม่เหมือนกันสักหน่อย”
“อันที่จริงอยู่กับคุณมันดูแย่กว่าอีกไม่ใช่รึไงคะ? คุณควินน์กลัวว่าหนูเลยจับมือจูงไปโน้นทีจูงไปนี่ที แล้วยังพาไปนั่งเล่นในห้องทำงานอยู่ด้วยกันตามลำพังอีกตั้งเกือบสองชั่วโมงแหนะ นี่ถ้าหากว่ามีคนไม่รู้จักเห็นคงคิดว่าหนูเป็นเด็กเลี้ยงมากกว่าคนมาเป็นเพื่อนแล้วมั้ง”
“เถียงทุกคำ!”
“หนูอธิบายต่างหากละ”
“ไม่รู้ละ! ยังไงฉันก็ไม่อยากให้เธออยู่กับผู้ชายคนอื่นมากเกินไป คนเดียวที่ควรอยู่ใกล้มันคือฉันคนเดียว”
“แต่นั่นไม่ใช่คนอื่นนะ!”
“จะเถียงเพื่อมาอยู่กับมันให้ได้เลยใช่ไหมฮานะ?”
“คุณควินน์ไร้เหตุผลเองต่างหากละ! หนูเดินไปรอที่รถนะคะ หวังว่าขายาวๆของคุณจะเดินตามหนูทันนะ”
งอนอีกแล้ว?
เขาบอกเพราะความเป็นห่วงไม่ได้ดุซะหน่อย!
สุดท้ายก็เดินตามไปแล้วแวะซื้อขนมมาเผื่อจะทำให้เด็กน้อยยิ้มหวานแล้วยอมกินอาหารเย็นด้วยกัน จะว่าไปวันนี้เธอก็ปกปิดใบหน้าตลอดเวลาที่อยู่ในที่สาธารณะ แล้วจะเปิดหน้าเฉพาะเวลากินเท่านั้นเอง เมื่อวานมัวแต่คุยจนลืมสังเกตว่ามีสาเหตุอะไรทำให้เป็นเด็กแปลกแบบนี้
เขาถือถุงขนมมาเยอะมากกว่าเดิมแล้วเมื่อเข้าไปนั่งที่คนขับ เด็กประหลาดตัวน้อยก็ยังไม่ยอมยิ้มให้กันเลย เขาหยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาแล้วหยิบเอาเงินค่าจ้างวันนี้ส่งไปให้เธอ เด็กน้อยก็เบ้ปากแล้วมองเงินด้วยแววตาที่ลุกวาวเพียงไม่กี่นาทีก็ยิ้มหวานให้แล้วเอ่ยคำขอบคุณ แต่ว่าค่าจ้างมาเป็นเพื่อนวันนี้น้อยกว่าราคาขนมที่ซื้อให้กินตลอดทั้งวันอีกนะ แล้วนั่นทำให้คิดว่าพรุ่งนี้จะจ้างเธอให้ไปทำธุระเป็นเพื่อนต่อที่ไหนดี
ต้องหาธุระมาให้ตัวเองเยอะๆแล้วสิ
“พรุ่งนี้…”
“พรุ่งนี้หนูไม่ว่างหรอก หนูมีนัดถ่ายแบบตั้งแต่เช้าแล้วน่าจะเลิกก็ตอนเย็นเลยค่ะ”
“ถ่ายแบบที่ไหนเหรอเผื่อฉันแวะไปรับ?”
“ไปรับทำไมคะ?”
“ก็…ช่วงนี้อากาศแปรปรวนไงเดี๋ยวเดินทางลำบาก แล้วอีกอย่างหนูไม่มีรถไม่ใช่รึไง?”
“มีสิ”
“จริงเหรอ!?”
“มีรถจักรยานค่ะ หนูปั่นไปได้สตูดิโออยู่ใกล้ๆเอง”
“จักรยาน…”
“อื้อ สตูดิโออยู่ใกล้ๆไม่จำเป็นต้องนั่งรถยนต์หรอกค่ะ แล้วอีกอย่างนะคุณไม่ต้องมาทำตัวเป็นผู้ปกครองเลยเพราะว่าหนูไม่ชอบ ถ้าหากว่าหนูเดือดร้อนจริงๆเฮียชางจะดูแลเอง”
“เจ้าของร้านดอกไม้นั่นน่ะเหรอ?”
“อื้ม! เฮียชางใจดีมากเลยนะ แถมคืนแรกที่มาเมืองนี้ก็เป็นเขาที่ให้หนูเข้าไปนอนในร้าน แล้วยังให้ทำงานอีกด้วย หนูรู้จักเขาเป็นคนแรกของเมืองนี้ แล้วเขาก็คอยช่วยเหลือทุกอย่าง ที่หนูได้ทำงานบลัดดี้คาเฟ่ก็เป็นเขาที่แนะนำให้ลองไปทำเผื่อจะชอบ แต่ถ้าทำแล้วไม่ชอบจะกลับไปทำร้านดอกไม้ก็ตามใจ เห็นไหมละว่าเฮียชางเป็นคนที่ใจดีที่สุด”
“แล้วฉันละ?”
“คุณควินน์เลี้ยงขนมหนูตั้งเยอะ นั่นก็แปลว่าใจดีเหมือนกัน”
“มากกว่าไม่ได้เหรอ?”
“ทำไมต้องมากกว่าด้วยละ?”
“ก็ฉันไม่ชอบเป็นรองใคร”
“ให้เป็นคนใจดีมากกว่านิดหนึ่งก็ได้ พอใจรึยังคะ?”
“พูดดีแบบนี้อยากกินอะไรดีละเย็นนี้?”
“จะเลี้ยงอีกแล้วเหรอ?”
“แค่นี้ฉันไม่จนหรอกน่า!”
“งั้นตามใจคุณแล้วกัน”
อาหารเย็นวันนี้ก็ไม่ใช่เมนูพิเศษอะไรแต่ทุกอย่างออกมาดีเพราะเด็กน้อยคนนี้ชอบ ปรกติเขาไม่รู้ว่าคนกินอะไรบ้างและหลงลืมรสชาติไปหมดแล้ว สิ่งที่รู้คือเลือดจากแถบไหนอร่อยถูกใจ เลือดแบบไหนหาง่าย และเลือดแบบไหนหายยากมาก
ตอนนี้ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าเธอมีเลือดแบบไหน
"มองอะไรคะ?"
"ก็เห็นกินแล้วดูอร่อยดี"
"ต่อไปไม่ต้องมากินข้าวเย็นกับหนูก็ได้นะ นี่มันไม่ใช่อาหารของพวกคุณซะหน่อย ถึงกินเข้าไปก็ไม่ต่างอะไรกับการเคี้ยวแป้งเล่นไม่ใช่รึไงคะ"
"ฉันอยู่ได้"
"คุณควินน์ชอบว่าหนูดื้อ แต่รู้ไหมว่าตัวเองก็ดื้อมากเหมือนกัน" เธอไม่ได้ตั้งใจจะว่าอะไรแบบนี้หรอกนะ แต่รู้ถึงธรรมชาติของพวกเขาว่าเป็นแบบไหน แล้วการทำแบบนี้อาจจะฝืนธรรมชาติเกินไปก็ได้
“ฉันนี่นะดื้อ!”
“อื้อ คุณควินน์น่ะดื้อที่สุด”
นานแล้วที่ไม่มีใครว่าเขาดื้อแบบนี้
อยากถูกว่าทุกวันเลย!
หลังจากกินอาหารค่ำอิ่มก็ขับรถมาส่งที่หอพักเดิม เขารู้ดีว่าหอพักแห่งนี้ไม่มีคนธรรมดาอยู่เลย และนี่ทำให้สงสัยว่าฮานะเป็นใครกันแน่ถึงได้อยู่กับพวกไม่ใช่คนได้ เธออาจจะชินกับการทำงานที่คาเฟ่แต่ว่านั่นก็มีแค่แวมไพร์ที่เป็นลูกค้าหลัก ส่วนตัวอื่นๆนั้นแทบไม่เข้าใกล้เลยด้วยซ้ำ
คาเฟ่นั่นคือสถานที่ควบคุมลับๆนะ
"ฮานะอยู่ที่นี่ไม่เจออะไรแปลกๆมั้งเหรอ?"
"ก็เจอทุกวันแต่ชินแล้ว"
"ฉันได้ยินมาว่าที่นี่ค่าเช่าแพงมากไม่ใช่รึไง แล้วหนูเอาเงินจากไหนมาเช่าอยู่ละ ลำพังแค่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟก็ไม่น่าจะมีเงินเยอะขนาดนั้นนะ"
"หนูทำงานกับพวกคุณทำไมจะได้เงินไม่เยอะละคะ? รู้ไหมหนูได้เงินมากกว่าทำงานที่อื่นเกือบสามเท่าได้มั้งแล้วหนูก็ทำควบกะและไม่เคยขอใช้วันหยุดเลย อีกอย่างตอนที่ทำงานอยู่ร้านดอกไม้ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรมากมาย ที่นั่นมีทั้งที่อยู่ อาหารครบทุกมื้อ แถมเฮียชางยังซื้อขนมให้กินทุกวันด้วย"
"มันคงพิเศษมากสินะถึงพูดชื่อบ่อยขนาดนี้!"
"ก็เราเหมือนพี่น้องกันนี่คะ"
"แค่พี่น้อง?"
"อื้ม เราเหมือนพี่น้องค่ะ เฮียชางก็ตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนเหมือนกัน แต่รู้สึกว่าเขามีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งเป็นผู้หญิง หนูไม่รู้ว่าเขาจีบกันไหมแต่ว่าพี่คนนั้นเป็นคนเดียวที่เฮียชางรู้จัก หนูไปก่อนนะแล้วก็ขับรถกลับบ้านดีๆนะคะ บ้ายบาย!" เธอพูดจบเขาก็เดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที แต่ว่าอารมณ์ของแวมไพร์นี่ก็ขึ้นๆลวๆจนเดาไม่ถูกเลย บางเวลาเขาก็น่ารักมากแต่บางเวลาก็ทำหน้าดุเหมือนว่าเธอกำลังทำผิดมาก
ตอนอยู่ร้านดอกไม้ก็ทำหน้าดุใส่ทุกคน
แต่พามาร้านอาหารก็ปรกติดี หรือว่ากำลังหิว
แต่ว่าแวมไพร์ต้องกินเลือดถึงจะอิ่มได้ไม่ใช่รึไง!
เธอขี้เกียจจะคิดอะไรมากแล้วเดินขึ้นลิฟท์เพื่อไปห้องพัก ที่นี่มีแต่พวกคนแปลกๆอยู่เพราะระบบความปลอดภัยค่อนข้างดีมาก และการเกาะกลุ่มอยู่หอพักเดียวกันแบบนี้เวลาเกิดเรื่องอะไรจะได้ช่วยเหลือกันได้ดีขึ้น เธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไรเฮียชางถึงบอกว่าที่นี่เหมาะกับเธอที่สุด
ถ้าหากว่าอยากรู้ว่าตัวเองเป็นใครมาก่อนหรือเป็นตัวอะไรกันแน่ต้องอยู่หอพักนี่เท่านั้นและเธอน่าจะปลอดภัยกว่าการอยู่ที่อื่น แต่ถึงยังที่นี่คือสถานที่รวมหลายๆอย่างเข้าไว้ด้วยกันและในวันหนึ่งจะได้รู้เรื่องเกี่ยวกับตัวเอง
เฮียชางน่าจะรู้ว่าเธอเป็นคนธรรมดาหรือไม่ใช่
แต่เขาไม่ยอมบอก!