ที่ร้านน้ำชาใหญ่แห่งเมืองหลวง วันนี้กลับมีความครึกครื้นมากกว่าปกติ โต๊ะน้ำชาถูกจองจนไม่มีที่ว่าง เสียงคุยกันดังกระเซ็น บทสนทนาส่วนใหญ่ล้วนเป็นเรื่องเล่าของเมื่อวาน
“ข้าว่าคนตัดไม้นั้นจะต้องเป็นผู้ร้ายแน่”
“มิใช่ สามีของนางต่างหากเล่าที่น่าสงสัยมากกว่า”
“ไอ้หยา~ พวกเจ้าหูหามีแววไม่ ไม่คิดหรือว่าคนใกล้ตัวนั้นน่าสงสัยที่สุด มารดาของเด็กนั่นอาจจะไม่ได้จริงใจก็ได้ นางเป็นมารดาแท้ๆ หรือเปล่าก็ยังไม่รู้” ชายอีกคนหนึ่งเอ่ยแย้ง ต่างคนก็ต่างให้เหตุผลของตนเอง
ฮุ่ยชิวฟังแล้วก็อมยิ้ม ไม่มีใครเดาได้ถูกแม้แต่คนเดียว
“ฮุ่ยชิว ในที่สุดเจ้าก็มาสักที ไหนเล่าบทต่อไป”
ท่านลุงหลิวคนเล่าเรื่องในโรงน้ำชารีบลุกขึ้นมาหาฮุ่ยชิวทันทีที่เห็นนางและเฉาหลัวน้องชายของนาง เมื่อได้รับบทถัดไปลุงหลิวก็รีบเปิดอ่านทันที “หืม บทสรุปเป็นเช่นนี้เองหรือ คาดไม่ถึง คาดไม่ถึงจริงๆ” ลุงหลิวหัวเราะอย่างถูกใจ ตั้งแต่ที่เขาอ่านนิทานหรือเรื่องเล่าต่างๆ มาหลายปี ไม่เคยมีเรื่องไหนที่เดาทางได้ไม่ถูกเช่นนี้
ฮุ่ยชิวยิ้มรับจนหน้าบาน “วันนี้ก็ขอกำไรสี่ส่วนเช่นเดินนะลุงหลิว”
“รู้แล้วน่า เอาๆ ข้าขอซ้อมบทก่อน เจ้าไปนั่งรอได้เลย”
ป๋ายฮุ่ยชิวรับคำ นางพาป๋ายเฉาหลัวที่วันนี้ติดตามมาด้วยไปหาที่นั่ง แต่ทว่าที่ส่วนใหญ่ถูกจับจองกันเกือบจะหมดแล้ว หากจะนั่งโต๊ะก็ต้องเสียเงิน ซึ่งพวกนางไม่อยากสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
“พี่หญิง ไปยืนดูกันข้างบนดีหรือไม่ขอรับ” เฉาหลัวเสนอ เขาเห็นยังมีพื้นที่บางส่วนว่างพอยืนได้อยู่ ฮุ่ยชิวมองตามสายตาน้องชายแล้วพยักหน้ารับก่อนที่ทั้งสองจะพากันเดินขึ้นไป เมื่อปราดตามองเบื้องล่างแล้วพบว่ามีจำนวนคนไม่น้อยที่มารอฟังเรื่องเล่าในวันนี้ที่จะเป็นบทสรุป ซึ่งนางได้นำนิยายกึ่งวรรณกรรมเรื่องเก่าที่แต่งเอาไว้เมื่อชาติที่แล้วมาดัดแปลงให้กลายเป็นเรื่องเล่าชวนน่าติดตาม แล้วผลตอบรับก็ดีเกินคาด ฮุ่ยชิวกับเฉาหลัวยืนเกาะขอบระเบียงรอคอยฟังอย่างใจจดใจจ่อ
อวิ๋นหยางที่วันนี้ไม่มีอะไรให้ทำจึงแวะมาโรงน้ำชาเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจที่เห็นคนเยอะมากกว่าเดิมจนผิดปกติ “จางเชี่ยนหยุน วันนี้ที่นี่มีอะไรหรือ” เขาเอ่ยถามคนข้างกาย
ผู้ถูกถามเองก็ไม่ทราบเช่นกัน “ข้าน้อยจะไปถามมาให้ขอรับ” จางเชี่ยนหยุนจากไปไม่นานก็ได้ข่าวกลับมารายงาน “หลายวันมานี้มีเรื่องเล่าน่าตื่นเต้นเรื่องหนึ่งขอรับ ซึ่งวันนี้เป็นวันที่จะเฉลยจุดจบของเรื่องที่หลายคนสงสัยพอดีคนจึงมารอฟังกันขอรับ”
“เรื่องเล่าหรือ...อืม น่าสนใจ” เรื่องเล่าที่ทำให้คนสนใจมากถึงเพียงนี้คงน่าสนุกไม่น้อย เพียงเสี่ยวเอ้อเห็นท่านชายอวิ๋นหยางก็รีบนำทางให้ทันที ชั้นบนของโรงน้ำชายังคงมีที่ว่างหลงเหลืออยู่ จางเชี่ยนหยุนสั่งน้ำชาและขนมให้เจ้านายสองสามอย่าง
เพียงแค่น้ำมาส่งชั่วครู่ บนเวทีก็ปรากฏชายวัยกลางคนผู้หนึ่งดึงดูดสายตาผู้คน เสียงตบมือต้อนรับกันระงม ก่อนที่จะเริ่มเล่าต่อจากเมื่อวานเขาก็เท้าความตั้งแต่ต้นก่อนเพื่อให้ผู้ที่ไม่ได้มาฟังตอนแรกๆ ทราบถึงเรื่องราว
น้ำเสียงของผู้เล่าฟังดูแล้วรื่นหูชวนให้ตื่นเต้นตามไม่น้อย จางเชี่ยนหยุนมองท่านชายของตนเองที่ดูอารมณ์ดีขึ้นแล้วก็โล่งอก ตั้งแต่ที่ฮ่องเต้รับสั่งพระราชทานสมรสให้ท่านชายก็เอาแต่เก็บตัวเงียบ จนทำให้เขาอดเป็นกังวลไม่ได้จึงหาเรื่องพาท่านชายออกมาผ่อนคลาย
อวิ้นหยางฟังคนเล่านิทานเล่าเรื่องอย่างตั้งใจ เพราะรู้สึกเรื่องราวคุ้นมากนัก...เด็กชายคนหนึ่งผอมแห้งจนไม่มีแรงอยู่อย่างโดดเดี่ยวภายในเรือนหลังเล็ก มีตัวละครสามคนที่อาจจะเป็นผู้ร้ายทำร้ายเด็กน้อยผู้นั้นจนทำให้เขาต้องหนีออกจากเรือน คนหนึ่งคือชายตัดไม้ที่อยู่เรือนใกล้เคียง คนหนึ่งคือสามีใหม่ของมารดา และอีกคนคือมารดาของเขา
“ท่านชาย ท่านว่าใครคือต้นเหตุที่ทำให้เด็กคนนั้นหนีออกจากบ้านหรือขอรับ” จางเชี่ยนหยุนเอ่ยถามอย่างอยากรู้ว่าท่านชายมีความคิดเห็นเช่นไร อวิ๋นหยางมองจางเชี่ยนหยุนที่ถือวิสาสะมานั่งร่วมโต๊ะด้วยโดยไม่เอ่ยว่าอันใดเพราะเขาเป็นคนอนุญาตเอง แต่ปกติจางเชี่ยนหยุนจะมิกล้า เพียงแค่ครั้งนี้กำลังเพลิดเพลินจนเผลอตัวไปเท่านั้น
“แล้วเจ้าว่าเป็นผู้ใด”
อวิ๋นหยางรินน้ำชาให้จางเชี่ยนหยุน
จางเชี่ยนหยุนรับไปกระดกทีเดียวจนหมด และยังหยิบขนมขึ้นมากัดกิน สายตายังคงมองไปยังเวทีเบื้องล่าง “ข้าว่ามารดานางน่าสงสัยที่สุด เด็กน้อยคนนั้นคงต้องน้อยใจมารดาจนหนีออกไปแน่”
“เขาอาจจะหนีออกไปเล่นเองก็เป็นได้” อวิ๋นหยางเอ่ยแย้ง
“จะเป็นไปได้อย่างไรขอรับ เด็กชายอายุเพียงแค่ห้าหนาวจะมีความสามารถใดคิดหนีออกไปเล่นเองโดยไม่มีใครเจอตัว แล้วเด็กที่ไหนจะกล้าออกไปคนเดียวไกลๆ ” จางเชี่ยนหยุนเคี้ยวขนมแป้งคำโตจนติดคอไอดัง แคก แคก
ผู้เป็นนายรินน้ำชาให้เขาอีกครั้ง
“ขอบใจมาก” จางเชี่ยนหยุนรับไป แต่ครั้งนี้เขาหันมาสบตาเจ้านายตนเอง เก้าอี้ที่เขานั่งรู้สึกเหมือนร้อนเป็นไฟขึ้นมา “ขออภัยขอรับท่านชาย!” เขาเด้งตัวลุกแทบจะไม่ทัน แม้อากาศจะเย็นแต่เหงื่อนั้นไหลพลั่ก
อวิ๋นหยางกระตุกยิ้มเล็กน้อย เขาไม่ได้สนใจบ่าวตนเองแต่ตั้งใจฟังเรื่องราวต่อ...หลังจากที่เด็กชายคนนั้นหนีไป ผู้เป็นบิดาแท้ๆ ของเด็กชายก็มาถามหาพอดี ปรากฏว่าแต่ละคนก็ให้คำตอบที่แตกต่างกันพยายามเอาดีเข้าตัว กล่าวว่าตนเองไม่ผิด และต่างกล่าวโทษกันที่ทำให้เด็กชายคนนั้นหนีออกจากเรือน แต่สุดท้ายแล้วเด็กชายไม่ได้หนีไปไหน เขาเพียงแค่ซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงที่เขาชอบเข้าไปนอนเล่นเท่านั้น ซึ่งคนที่เจอเขาก็คือบิดาแท้ๆ ของเด็กคนนั้น
เมื่อคำตอบออกมาเช่นนั้นมีหลายคนสงสัยจึงตะโกนถามออกมา
“ใจเย็นก่อนทุกท่าน” ผู้เล่าเรื่องยังคงยิ้มอย่างไม่ทุกข์ร้อน “แท้จริงแล้วเด็กชายเพียงแค่เล่นซ่อนหาอย่างสนุกตามประสาเด็กเท่านั้น เขาแค่อยากรู้ว่าจะมีผู้ใดเจอเขาหรือไม่ แต่เรื่องหนนี้ทำให้บิดาแท้ๆ ของเขาที่เป็นขอทานไม่อาจจะปล่อยให้บุตรชายอยู่กับมารดาได้ต่อไป หากทั้งสามคนใส่ใจเด็กชายเรื่องวุ่นวายเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นใช่หรือไม่” ทุกคนต่างขานรับว่าใช่แล้วตบมือให้กันอย่างพร้อมเพรียง
“ข้าคาดไม่ถึงเลยนะขอรับ โชคดีที่บิดาของเจ้าหนูนั่นหาเขาเจอ” จางเชี่ยนหยุนเอ่ยชวนเจ้านายตนเองคุย แต่ทว่าไร้การตอบรับ
สีหน้าของท่านชายอวิ๋นหยางแลดูสับสน เมื่อพิจารณาดีๆ แล้วทั้งโครงเรื่องและจุดจบเหมือนกับผลงานที่ออกมาไม่นานมานี้ของเฟยเฟย เขาลุกขึ้นจากโต๊ะในทันที
“ท่านชาย! ท่านชายจะไปไหนหรือขอรับ ท่านชายรอข้าด้วย!”
จางเชี่ยนหยุนรีบวิ่งตามนายของตนลงไปข้างล่างทันที อวิ๋นหยางไปหยุดอยู่หน้าผู้ที่เล่าเรื่องเมื่อสักครู่ “ข้าขอถามอะไรท่านหน่อยได้หรือไม่”
ลุงหลิวเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง เป็นเพราะท่านชายอวิ๋นหยางเคยมาที่โรงน้ำชานี้หลายครั้งทำให้เขานั้นจำใบหน้าของท่านชายได้ “โอ้วท่านชาย ไม่ทราบว่าท่านชายอยากจะถามเรื่องอะไรข้าน้อยหรือขอรับ”
จางเชี่ยนหยุนที่วิ่งตามมาได้ทันหอบเล็กน้อย เขาหลบไปด้านข้างอย่างรู้หน้าที่ของตนเอง อวิ๋นหยางเหลือบตามองบ่าวข้างกายก่อนจะหันกลับมาหาผู้เล่าเรื่อง “ข้าอยากทราบว่าใครคือผู้แต่งเรื่องเล่าวันนี้”
“อ้อ” เมื่อรู้ว่าท่านชายเพียงแค่อยากทราบคนแต่งเรื่องเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “เป็นบุตรสาวของคนสกุลป๋ายที่ขายหมั่นโถวอยู่แถวตลาดน่ะขอรับ นางแต่งเรื่องมาให้ข้าเล่าสองสามเรื่องแล้ว ไม่ทราบว่า...เอ่อคือ ท่านชาย...”
“ข้าอยากพบนาง” เขาเอ่ยอย่างร้อนรน
“ท่านอยากพบข้าหรือ” ฮุ่ยชิวที่บังเอิญเดินมารับเงินจากลุงหลิวได้ยินเข้าพอดี นางมองแผ่นหลังสูงโปร่งของบุรุษที่ยืนคุยกับลุงหลิวอยู่พลางเอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัยว่าเป็นผู้ใดที่อยากพบนาง
ร่างสูงโปร่งหันไปตามเสียงหวานที่เอ่ยถาม...
สายตาทั้งสองประสานกัน ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้างขึ้นทั้งคู่