วันหยุดเหมือนไม่ได้หยุด ช่างผ่านไปไวเหลือเกิน วันนี้สมบุญตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปทำงานเหมือนทุกวัน แต่พอเปิดประตูออกมาก็เห็นว่าห้องข้างๆ กำลังย้ายของเข้ามาอยู่ เธออยู่แต่ในห้องไม่รู้เลยว่าตอนนี้ห้องข้างๆ ตัวเองขายได้แล้ว แบบนี้ต้องแสดงตัวกับเพื่อนบ้านซะแล้ว จะได้เป็นมิตรกัน
“พี่คะ เจ้าของห้องอยู่ไหนคะ” เธอถามพนักงานขนย้ายของถึงเจ้าของห้องข้างๆ
“ข้างในห้องครับ กำลังเก็บของอยู่”
“ขอบคุณนะคะ” สมบุญขอบคุณพร้อมยกข้อมือดูนาฬิกาเพื่อดูเวลาแล้วพูดกับตัวเอง “ยังพอมีเวลา งั้นไปทักทายเพื่อนบ้านหน่อยดีกว่า” บอกตัวเองแล้วเดินเข้าไปในห้องทันที
“สวัสดีค่ะ” เธอเดินเข้ามาในห้องเมื่อเห็นชายหนุ่มที่ยืนหันหลังให้ตัวเองอยู่จึงเอ่ยทักทาย เพราะดูท่าเขาคงเป็นเจ้าของห้อง เพราะเขาแต่งตัวดีกว่าคนหน้าห้องพวกนั้น
“ครับ” เสริมตอบสั้นๆ โดยไม่คิดจะหันมามองทางต้นเสียงที่เอ่ยทักตัวเอง เขาได้ยินเสียงเธอตั้งแต่แรกแล้ว เขารอให้เธอเข้ามาหาและเธอก็มาจริงๆ
‘ทำไมเสียงคุ้นจังนะ ไม่หรอก ไม่ใช่เขาหรอก’ สาวอ้วนพึมพำในใจพร้อมกับเดินเข้าไปหาคนตัวโตใกล้กว่าเดิมแล้วเอ่ยแนะนำตัวเอง
“ฉันพักอยู่ข้างห้องนะคะ ฉันชื่อบุญค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอเอ่ยแนะนำตัวเองด้วยชื่อเล่นเพื่อจะได้ผูกมิตรสนิทกับเพื่อนบ้าน แต่แล้วก็ต้องยิ้มค้าง เมื่อคนที่ยืนตรงหน้าหันมามองตัวเอง
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเสริมครับ” เสริมเอ่ยยิ้มๆ พร้อมกับตวัดแขนเกี่ยวร่างอ้วนที่ยิ้มค้างเข้ามาสวมกอด
“อือ...ปะ...ปล่อยนะคุณเสริม”
“ผมแค่กอดทักทายเพื่อนบ้านเอง จะไปทำงานเหรอครับ” เขาคลายวงแขนตัวเองเล็กน้อย แต่ไม่ยอมปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
“ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ ฉันจะไปทำงาน”
“ผมไปส่ง”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันไปเองได้” เธอบอกเขาพร้อมขืนตัวเองออกห่าง
“ครับ งั้นเจอกันเย็นนี้นะครับ ผมจะทำกับข้าวฉลองย้ายห้องใหม่พร้อมกับฉลองที่มีเพื่อนบ้านน่ารักตัวหอมแบบคุณด้วย” เขาพูดยิ้มๆ แล้วปล่อยเธอเป็นอิสระ
“อย่าเลยค่ะ อยู่ใครอยู่มันเถอะค่ะ” สมบุญบอก
“ใจผมก็อยากอยู่ห้องเดียวกับคุณนะครับ” เขาบอกเธอยิ้มๆ
“คุณนี่นะ...” แล้วก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที เมื่อไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาต่อว่าคนเหลือทนอย่างเขา
หึหึ
เสริมยิ้มให้กับความน่ารักของสาวอ้วนในชุดพยาบาลวิชาชีพของเธอ ก่อนจะล้วงโทรศัพท์ของตัวเองในกระเป๋ากางเกงออกมาต่อสายหาสายสืบของตัวเองที่ส่งไปทำงานเมื่อวันก่อนว่าตอนนี้ได้ความว่ายังไงบ้าง พอวางสายก็จัดการกับข้าวของในห้องตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อจะไปกาสิโน เพราะตอนนี้ช้อยและเจ้านายคงรอท่าที่กาสิโนแล้ว
ยักษ์กับช้อยแปลกใจที่เสริมมาช้า ทั้งๆ ที่ปกติจะมาทันทีที่โทรตาม และพักหลังๆ มามือซ้ายทำตัวแปลกไป ออกไปข้างนอกบ่อย แต่นั่นก็เรื่องส่วนตัวของเสริม เขาจึงไม่อยากซักถาม เพราะอีกฝ่ายก็โตแล้ว อายุเยอะแล้ว จะทำอะไรเขาเชื่อว่าคนมีเหตุผลอย่างเสริมจะคิดตรองก่อนทำเสมอ
“มึงทำตัวแปลกไปนะไอ้เสริม” ไอ้ช้อยถามเพื่อนรัก
“กูก็ปกติ”
“ไอ้เสริมมันแก่แล้ว มันจะทำอะไรก็ปล่อยมันไปเถอะไอ้ช้อย มาคุยงานของเรากันดีกว่า หุ้นที่ให้ไปซื้อเป็นยังไงบ้างไอ้เสริม” ยักษ์ถาม
“เรื่องนั้นเรียบร้อยครับคุณยักษ์ ตอนนี้ก็โอนหุ้นมาเป็นของเราแล้ว” เขาตอบเจ้านายทันที
“ดีมาก แล้วมึงล่ะไอ้ช้อย เรื่องที่สั่งไป ไปถึงไหนแล้ว”
“เรื่องนั้นสบายมากครับ ตอนนี้ท่าเรือของเสี่ยป้องตกเป็นของเราแล้วครับคุณยักษ์”
“ดีมาก ท่าเรือนั่น กูจะยกให้มึงไว้สร้างครอบครัว ส่วนไอ้เสริม หุ้นที่ได้มา กูก็จะยกให้มึงเผื่ออนาคตมึงจะมีครอบครัวเหมือนกู” พูดแล้วก็นึกถึงมายาวี ภรรยาคนสวยที่รอตัวเองกลับบ้าน
“ครับ” สองหนุ่มมือซ้ายมือขวารับคำพร้อมกัน แต่ไอ้ช้อยก็รับคำไปงั้นๆ ต่างจากเสริม เขาขอบคุณนายหนุ่มเหลือเกินที่ทำให้เขามีอยู่มีกินไม่ลำบากจนถึงทุกวันนี้
“วันนี้ก็ไม่มีอะไร กูกลับบ้านแล้ว ส่วนพวกมึงก็อยู่ที่กาสิโนเนี่ยแหละ หรือจะไปหลีสาวก็ไปตามสบาย” ยักษ์เอ่ยจบก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงานไปโดยมีมือซ้ายมือขวาทั้งสองโงหัวคำนับให้
“ไอ้เสริม ไปเรียกเด็กไปบริการบนห้องดีไหมวะ” ไอ้ช้อยชวนเพื่อนรัก
“มึงไปเถอะ กูมีธุระต้องไปข้างนอก”
“ออกข้างนอกบ่อยนะมึงช่วงนี้ แล้วมึงซื้อคอนโดใหม่เหรอ แถมย้ายไปอยู่แล้วนี่ มึงซื้อใหม่ทำไม คอนโดมึงก็มีอยู่แล้ว”
“เสือก!” เสริมพูดแค่นั้นก็เดินออกจากห้องทำงานไป ส่วนไอ้ช้อยก็มองตามหลังเพื่อนรักไปด้วยสายตาจับพิรุธพร้อมพึมพำ
“มึงต้องมีอะไรแน่ที่กูกับคุณยักษ์ไม่รู้ ไอ้นี่นับวันยิ่งแปลก” ไอ้ช้อยพูดอย่างสงสัยแล้วเดินตามทั้งสองคนก่อนหน้านี้ออกไปเหมือนกัน
เสริมเดินทางมายังหนองบัวลำภูเพื่อมาหาพ่อกับแม่ของสมบุญ และพอมาถึงเขามองบ้านหลังเล็กชั้นเดียวน่าอยู่ที่หน้าบ้านมีสวนผักสวนครัวอยู่ เขายิ้มมองสำรวจบ้านหลังเล็กในพื้นที่เล็กๆ แต่จัดสรรอย่างลงตัวและมีคนแก่สองคนกำลังช่วยกันเก็บผักในสวนอยู่
“สวัสดีครับ” เสริมเดินเข้าไปหาทั้งสองคนพร้อมยกมือไหว้สวัสดี เขาเห็นจากรูปแล้วว่าท่านทั้งสองคือพ่อกับแม่ของสมบุญ
“สวัสดีพ่อหนุ่ม” เติบเอ่ยรับคำพร้อมกับมองสำรวจผู้ชายแต่งตัวดีตรงหน้า ส่วนบัวเองก็ไม่ต่างกัน มองไปยังผู้มาใหม่อย่างสงสัยเหมือนกัน
“ผมชื่อเสริมนะครับ”
“อือ” เติบพยักหน้ารับรู้แล้วหันมาสนใจทำงานตัวเองต่อ
“ผมมีธุระจะคุยกับคุณน้าทั้งสองครับ รบกวนเวลาได้ไหมครับ” เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่ได้สนใจตัวเอง
“พ่อหนุ่ม ถ้าจะมาขายของ น้าทั้งสองไม่มีเงินซื้อหรอกนะลูก” บัวเอ่ยขึ้น
“ไม่ได้มาขายของครับ ผมเป็นแฟนของบุญครับ” คำพูดท้ายประโยคทำให้คนแก่ทั้งสองวางมือจากงานที่ทำอยู่ทันทีแล้วหันมาสนใจหนุ่มหล่อพร้อมมองใหม่ สำรวจตั้งแต่หัวจดเท้าอีกครั้ง
เสริมฉีกยิ้มกว้างให้กับทั้งสอง ที่ตอนนี้มองจ้องมาทางตนเองจนเขาเองรู้สึกเขิน ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเองไปมา แล้วทั้งสองก็เดินออกจากแปลงผักมาหาเขาพร้อมกับพ่อของสมบุญพูดขึ้น
“แฟนหนูบุญ” เติบถามย้ำ
“ครับ” เขาตอบสั้นๆ
“แม่บัวโทรหาหนูบุญหน่อยสิ พ่อหนุ่มไปนั่งคุยกันที่แคร่หน้าบ้านก่อน” เติบชวนชายหนุ่มที่มาแสดงตัวว่าเป็นแฟนลูกสาวของตัวเอง ส่วนบัวก็รีบเดินเข้าไปในบ้านเพื่อหยิบโทรศัพท์มาต่อสายตรงถามลูกสาวของตัวเองทันที
ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด!
เสริมที่นั่งให้คนแก่ทั้งสองจ้องหน้าตัวเองถึงกับเกร็ง ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ท่านทั้งสองโทรไปคุยอะไรกับสมบุญบ้าง แล้วตอนนี้เสียงสั่นเตือนโทรศัพท์ของเขาก็กำลังแจ้งเตือน และคนที่โทรมาคงเป็นสาวอ้วนแน่นอน พอล้วงออกมาก็ใช่จริงๆ ด้วย เขาจึงส่งยิ้มให้ทั้งสองแล้วขอตัวไปรับโทรศัพท์
“คุณทำบ้าอะไร ไปทำอะไรที่บ้านของฉัน” สมบุญซักถามทันทีเมื่อปลายสายกดรับสาย หล่อนตกใจมากเมื่อแม่กับพ่อโทรไปบอกว่ามีแฟนมาหาเธอที่บ้าน เธอรู้ทันทีว่าเป็นใคร เพราะสองวันมานี้เขาไม่กลับมาอยู่ห้อง ใช่...เธอสังเกตและแอบส่องเขาเหมือนกัน เพราะอยู่ๆ เขาก็หายเงียบไป ที่แท้ก็ไปบ้านของเธอนี้เอง แล้วรู้ได้ไงว่าบ้านเธออยู่ไหน ใช่สิ เขารวย เขามีเงินคงจ้างนักสืบนั่นแหละ
“ผมจะมาใช้หนี้ให้ท่านทั้งสอง คุณจะได้ไม่ต้องทำงานหนักและเหนื่อย” เขากรอกเสียงทุ้มส่งไปในสาย
“ไม่ต้องมายุ่งเรื่องของครอบครัวฉัน เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“แต่ผมอยากแบ่งเบาภาระคุณและอยากเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวคุณ”
“นี่คุณเสริม ฉันบอกแล้วไงว่าอย่ายุ่งกับฉัน”
“ผมจะยุ่ง แค่นี้แหละ ผมจะคุยกับท่านเอง และเรื่องของเรา ผมยืนยันว่าเราจะต้องแต่งงานกันหลังจากนี้สองเดือนแน่นอน”
“บ้าไปแล้ว คุณเสริม...”
ตื๊ด!
แล้วเขาก็ตัดสายของสมบุญทิ้งพร้อมกดปิดเครื่องเรียบร้อย ก่อนจะเดินยิ้มไปหาว่าที่พ่อตาแม่ยายของตัวเอง เขาไม่รู้หรอกว่าสมบุญพูดอะไรกับท่านทั้งสองแล้ว แต่เขามาวันนี้เพื่อจะช่วยเหลือสมบุญจริงๆ เขาไม่ต้องการให้เธอทำงานหนักแบบนี้อีกแล้ว เขาสงสารเธอ เขาอยากดูแลและแบ่งเบาภาระหน้าที่ของลูกจากเธอ