“นับจากวันนั้น ฉันก็ไม่เคยเห็นว่าคุณแม่จะมีความสุขสักวันเดียว ท่านคอยแต่จะหวาดระแวงเรื่องทรัพย์สินเงินทองบ้าๆ พวกนั้น และที่ท่านต้องเป็นแบบนั้นฉันก็อดคิดไม่ได้ว่ามันเพราะฉันเอง...การตัดสินใจมาที่นี่ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกที่อกตัญญูนัก” ธาราไม่มีคำพูดใดๆ เขาทำเพียงบีบไหล่เพื่อนที่สั่นไหวกระเพื่อม บนใบหน้าที่น่ามองนั้นหยดน้ำที่ปรากฎคงหาใช่แค่เหงื่ออย่างเดียวเสียแล้ว
“อาหารไม่มีแล้ว มื้อนี้นายกินซาลาเปารองท้องไปก่อน” ธาราที่เงียบอยู่นานยื่นส่งซาลาเปา 2 ลูกใหญ่และแอปเปิ้ล 2 ผล ให้กับหัสวีร์ เพราะเขาสามารถเอามาได้แค่นี้ในเวลาแบบนี้โดยที่ทั้งสองจะไม่ถูกลงโทษ
หัสวีร์ยิ้มและรับมาเขากัดซาลาเปากินทันที เขารู้สึกดีขึ้นมาก ธาราเป็นคนเดียวที่ตลอดหลายปีมานี้ที่เขาได้ระบายความอัดอั้นที่สะสมมานานสักที “ขอบใจ”
“เราจะเป็นเพื่อนรักกันตลอดไป” ธาราเอ่ยขึ้น หัสวีร์หันไปมองหน้าเพื่อน
“ตกลง” หัสวีร์ตอบกลับไปเช่นกัน แต่เขาจะรู้หรือไม่ว่าคำมั่นของตนในวันนี้จะมีสักวันที่ตนจะถูกทวงเตือนสติ
?????? ??????
ธาราเป็นผู้เดียวที่ล่วงรู้ความลับของหัสวีร์ และเมื่อทางโรงเรียนได้รับอาหารมื้อดีๆ อีก เขาก็พอจะมองออกว่าพื้นฐานครอบครัวของหัสวีร์คงไม่ธรรมดา ที่สามารถทำแบบนี้ได้บ่อยๆ หาใช่มีเพียงเงินทองเท่านั้นและประกอบกับที่หัสวีร์ไม่ถูกติเตียนใดๆ จากครูฝึกในเรื่องที่เขาไม่ได้กลับบ้านจริงๆ นั่นคงเพราะคุณแม่ของหัสวีร์คงไม่ได้รายงานมายังโรงเรียนที่จะทำให้บุตรชายที่ตนรักต้องด่างพร้อย แต่เขาไม่เชื่อหรอกว่าระดับสูงขึ้นไปจะไม่รู้ว่าหัสวีร์คือใคร
“นี่พวกนายกำลังทำอะไร” เพื่อนๆ ถามธารากับหัสวีร์ที่กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้านหลังการสอบเสร็จในภาคเรียนแรก
“ก็เก็บของเตรียมกลับบ้าน พวกฉันจะไปพรุ่งนี้แต่เช้า”
“นี่พวกนายไม่เห็นประกาศเหรอว่า พรุ่งนี้พวกเราถูกเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงให้กำลังใจ” ธาราและหัสวีร์หันมามองตากันอย่างชัดเจนว่าทั้งสองไม่รู้ “เห็นว่าพรุ่งนี้ผู้ใหญ่ใจดีที่เลี้ยงอาหารพวกเราตลอดเทอมมานี้จะมาร่วมงานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้ด้วย”
หัสวีร์เมื่อได้ยินแบบนั้นก็หันไปมองนาฬิกา เหลือเวลาอีกไม่ถึงยี่สิบนาทีประตูโรงเรียนก็จะปิดแล้ว เขาไม่เก็บของต่อแต่ขยับไปหยิบเครื่องแบบและรีบแต่งตัว “ฉันจะไปตอนนี้เลย” ท่าทางของหัสวีร์สร้างความประหลาดใจให้กับเพื่อนคนอื่นยกเว้นธาราที่พยักหน้าเข้าใจ ธาราขยับจากเตียงตัวเองมาช่วยหัสวีร์เก็บเตียงให้เรียบร้อยในขณะที่หัสวีร์กำลังเร่งแต่งตัวเพื่อจะรีบไปรายงานและออกจากโรงเรียนให้ทันภายในเวลาที่เหลืออยู่ตอนนี้
“ขอบใจ” เมื่อหัสวีร์กลับออกมาเตียงและเข้าของก็ถูกจัดเก็บให้อย่างเรียบร้อย
“มะรืนนี้เจอกัน” ธาราเอ่ยแผ่วเบา
?????? ??????
ณ บ้านของคุณแม่ทับทิม
หัสวีร์ที่มาถึงหน้าประตูรั้วบ้าน เขายืนลังเลอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะตอนนี้ก็ค่ำมากแล้ว เขามาอย่างกระทันหันและครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่เขามาเพียงลำพังแต่นอกจากที่นี่แล้วเขาก็ไม่รู้จะไปที่ไหนจริงๆ เขาไม่ต่างกับคนที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น ที่เดียวที่เขาสงบและมีความสุขและได้รับความอบอุ่นคือที่นี่ที่เดียว
“หัส” เสียงเอ่ยเรียกจากคนในบ้าน พร้อมกับร่างอันคุ้นตาที่เร่งฝีเท้ามา “มาถึงนานแค่ไหนแล้ว ทำไมไม่เรียกป้า...รีบๆ เข้ามาเร็ว หิวแย่แล้วสิลูก” ทับทิมกุลีกุจอรีบเปิดประตูให้หัสวีร์รีบเข้ามาในบ้าน
หัสวีร์ทำความเคารพทับทิมและเข้าไปในบ้าน “ผมขอโทษนะครับที่รบกวนคุณป้าในตอนดึก”
“ไม่เป็นไร...ไม่เป็นไร ธาราโทรมาบอกป้าแล้ว ยายน้องก็คอยชำเลืองมองตลอดแต่เหมือนว่าร่างกายจะสู้ทนความง่วงไม่ไหวผล็อยหลับไปที่หน้าประตูแต่กี้ ป้าผละพาน้องไปนอน หัสก็คงมาตอนนั้นแน่เลย” หัสวีร์เมื่อได้ยินดังนั้นหัวใจเขาก็พลันอบอุ่นอย่างประหลาด และเมื่อคิดถึงภาพลำธารเผลอนอนฟุบหลับที่หน้าประตูบ้านก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ไปเปลี่ยนชุดและออกมากินข้าว” หัสวีร์ขานรับแข็งขันอย่างเชื่อฟัง
?????? ??????
ในตอนเช้าตรู่ หัสวีร์แม้จะนอนดึกมากเมื่อคืนแต่เขาก็ตื่นแต่เช้า และรีบจัดแจงตัวเองลงมาข้างล่าง “อ้าว ทำไมตื่นแต่เช้า นอนไม่สบายเหรอลูก”
“สบายมากครับ ผมหลับลึกเลยนะครับ คุณป้ากำลังจะไปเก็บดอกมะลิแล้วใช่มั้ยครับ ไปครับเดี๋ยวผมไปช่วย อากาศยามเช้าแบบนี้ดีต่อร่างกายครับ” ทับทิมยิ้มและทั้งสองก็ชวนกันออกไปเก็บดอกมะลิที่เดี๋ยวต้องเอาไปส่งให้ร้านดอกไม้ในตลาด
เมื่อสองแรงช่วยกันงานก็เสร็จเร็วมาก หัสวีร์ก็ร่วมเดินทางไปตลาดกับทับทิมด้วย เมื่อส่งดอกไม้แล้ว “หัส ไปซื้อโจ้กฟากโน้นและกลับบ้านไปเลยนะจ๊ะ ของน้องเขาไม่ใส่กระเทียมเจียวนะจ๊ะ” ทับทิมเอ่ยพร้อมกับยื่นธนบัตรส่งให้หัสวีร์ ซึ่งเขาก็รับมาเพราะเขาไม่ได้พกเงินออกมาด้วยนั่นเอง “และอยากกินอะไรก็ซื้อกลับไปกินได้เลย ป้าน่าจะกลับช้าหน่อยกินมื้อเช้ากันเลยนะ”
“ครับ” หัสวีร์ขานรับและเดินไปตามทิศทางที่ทับทิมชี้ เขาเคยมาตลาดอยู่หลายครั้ง แต่ไม่เคยมาคนเดียวก็เท่านั้น และไม่นานนอกจากโจ้กแล้วในมือเขายังมีขนมอีกหลายอย่างซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นของชอบของลำธารทั้งสิ้น
?????? ??????
“พี่หัส” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นขณะที่ร่างเล็กจ้อยกำลังก้าวลงมาตามขั้นบันได “หอมโจ้ก” ลำธารนั่งลงหัสวีร์ก็ยกโจ้กของเธอมาวางตรงหน้า และเดินกลับไปและเดินกลับออกมาอีกครั้งกับโจ้กอีกชามที่วางข้างๆ ลำธาร และเขาก็เดินกลับเข้าไปอีกครั้งออกมาอีกครั้งก็เป็นจานใหญ่ที่ขนมไทยหลากหลายชนิดถูกจัดเรียงกันวางไว้กลางโต๊ะตรงหน้าลำธาร ยังไม่จบเขาเดินไปที่ตู้เย็นหยิบนมกล่องออกมา 2 กล่อง และวางไว้ข้างเขาและเธอคนละกล่อง
“อ๊ะ! กินโจ้กก่อน” หัสวีร์ปัดมือลำธารทันทีที่เธอเอื้อมจะไปกินขนมของชอบก่อนกินโจ้ก ลำธารทำจมูกบู้บี้ใส่เขาทีหนึ่งก่อนและลงมือกินโจ้กตรงหน้าตามคำสั่ง หัสวีร์ได้แต่มองพร้อมรอยยิ้ม
“แม่ละคะ”
“ไปตลาด กลับช้าหน่อย” ลำธารพยักหน้ารับรู้ และเมื่อทั้งสองกินเสร็จจนอิ่ม ก็ชวนกันออกไปช่วยถอนหญ้ารอบบ้านตามปกติที่บ่งบอกว่าทำกันเป็นประจำจนเป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อแดดเริ่มแรงมากขึ้นทั้งสองก็ชวนกันเข้าบ้าน ทั้งๆ ที่นี้เป็นครั้งแรกที่บ้านทั้งบ้านพวกเขาอยู่กันเพียงลำพัง แต่ทั้งสองก็ไม่ได้รู้สึกแปลกแยกใดๆ สำหรับลำธารแล้วหัสวีร์ไม่ใช่คนอื่น ส่วนหัสวีร์ที่คุ้นเคยกับที่นี่มา 2 ปี เขาก็ไม่รู้สึกกระดากอะไรเลย
ลำธารเดินไปเปิดทีวี หัสวีร์ก็เดินไปนั่งข้างๆ ทั้งสองนั่งดูทีวีด้วยกันตามประสา จนทับทิมกลับมา หัสวีร์รีบลุกไปช่วยทับทิมเก็บของเข้าบ้าน เพียงแค่เขาก้าวเท้ามาถึงที่นี่เรื่องราวความร้อนใจที่ก่อตัวขึ้นเมื่อวานนี้หายไปจนหมดสิ้น
ทางด้านธาราที่ได้เห็นคุณแม่ของเพื่อนในที่สุด ดูภายนอกแล้วคุณแขไขก็ไม่มีอะไรแตกต่างกับแม่ๆ ที่รักลูกโดยทั่วไป ในตอนที่เขาถูกถามถึงหัสวีร์ แม้จะลำบากใจอยู่บ้างที่ต้องกึ่งโกหกออกไป ทำให้เขาเห็นความผิดหวังในสายตาคุณแม่แขไขที่ไม่ได้เจอกับลูกชายที่ไม่ได้เจอกันมานานถึงสองปีกว่า
และสิ่งที่เขาเห็นอีกอย่างคือคุณแขไขไม่ทำการใดๆ เพื่อให้หัสวีร์ต้องเดือดร้อน แต่พอเธอรู้ว่าเขาเป็นคู่หูเพื่อนที่สนิทที่สุดของหัสวีร์ เธอก็จะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับหัสวีร์ ซึ่งเรื่องพวกนี้เขาก็บอกไปตามตรงโดยที่ไม่เอ่ยถามคุณแขไขว่าอยากรู้เรื่องของหัสวีร์ไปทำไมกัน และเขาก็ไม่แสดงความฉลาดว่าเขารู้ว่าคุณคือคุณแม่ของหัสวีร์