ไม่ได้บ้าผู้ชายโดยกำเนิด แต่เผอิญว่ามีน้าเป็นเจ้าของบาร์โฮสต์ แล้วน้าหล่อนก็รักผู้ชายมาก เอ็นดูทุกคน หล่อนจึงได้รับสืบสายเลือดนี้มา
มิริณไม่คิดจะโทษตัวเอง โยนให้เป็นความผิดทั้งหมดให้น้าที่เคารพรัก
“ครับ”
ไชโย! ถ้าไม่ติดว่าแกล้งสำออยเจ็บขา จะกระโดดทำท่าชักกะเย่อสักสองที
“ผมเปิดบีชบาร์เล็กๆ ห่างจากที่พักของคุณไปไม่ไกล”
“บีชบาร์? หมายถึงบาร์ตอนกลางคืน หรือบาร์ฟีลคาเฟ่เหรอคะ”
“หรือผมตั้งชื่อผิด?” จิรัชหยุดคิด
“จะว่าไปแล้วก็ฟีลคาเฟ่มากกว่า ต่างตรงที่ลูกค้าใส่ชุดว่ายน้ำเข้ามาเล่นน้ำทะเลเป็นส่วนมาก ผมเคยคิดอยากเปิดบาร์ตอนกลางคืน แต่ดูแลคนเดียวไม่ไหว เลยเปิดเฉพาะตอนกลางวันไปจนถึงสามทุ่ม หนึ่งทุ่มมีโชว์กระบองไฟ ออเดอร์เครื่องดื่มกับอาหารได้ถึงสองทุ่ม สามทุ่มร้านปิด มีพนักงานคอยดูแล ส่วนผมเคลียร์งานเสร็จกลับบ้านสองทุ่มทุกวัน”
“ยังใช้ชีวิตตามตารางงานเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะคะ โชว์กระบองไฟน่าสนใจ มิอยากไปดูจังเลย””
“มีเฉพาะคืนวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ครับ”
“เสียดาย” วันนี้ไม่ใช่ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์จึงอดไปอ่อยเหยื่อตอนกลางคืน “วันนี้เปิดร้านไหมคะ มิอยากไปค่ะ”
อยากเห็นเขาในบทบาทเจ้าของบีชบาร์ จะใส่ชุดว่ายน้ำให้บริการลูกค้าหรือเปล่านะ สาวๆ คนจะติดตรึมถ้าได้เห็นหุ่นลีนทุกวัน
มิริณเอ๊ย ไปอยู่ไหนมา ทำไมไม่มาเที่ยวเกาะสมุยให้เร็วกว่านี้!
“เปิดทุกวันครับ แวะมาเที่ยวได้ ผมยินดีเลี้ยงอาหารกับเครื่องดื่ม”
“ขอบคุณค่ะ คุณจิอยู่ร้านถึงกี่โมงเหรอคะ”
“ผมชอบเข้าร้านช่วงบ่ายไปจนถึงค่ำครับ เช้าๆ ในร้านไม่ค่อยวุ่นวาย ผมกลับไปพักที่บ้าน บ้านพักของผมก็อยู่ใกล้ๆ กับร้าน เดินไปกลับได้”
ข้อมูลนี้ดีมาก บ้านกับร้านอยู่ใกล้กัน ตามหาร้านเจอก็จะเจอบ้านพักของเขา ที่ไม่แน่ใจว่ามีผู้หญิงคนอื่นแชร์ห้องอยู่ด้วยหรือเปล่า
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
มิริณกลับมายืนบริเวณหน้าหาดทางเข้ารีสอร์ตที่เดิม มองข้ามความจริงที่ว่าถึงยังไงเขาก็ต้องเดินกลับบ้านของเขาทางนี้อยู่แล้ว เข้าข้างตัวเองนิดหน่อยว่าเขาตั้งใจมาส่ง
“ยินดีครับ ถ้าเข้าห้องพักแล้วรู้สึกเจ็บข้อเท้าย้อนหลัง ให้แฟนของคุณพาไปหาหมอนะครับ เพื่อความปลอดภัย”
ฮั่นแน่ หลอกถามหรือเปล่านะ
ว่าผู้ชายคนเมื่อกี้เป็นใคร เรื่องอะไรจะยอมหงายไพ่ทุกใบที่ตัวเองมี ตราบใดที่ยังไม่รู้สถานภาพของเขา ว่ายังโสดเหมือนเดิมหรือเปล่า มิริณก็จะไม่ยอมบอกสถานภาพของตัวเองเหมือนกัน เผื่อเกมพลิกว่าเขามีเมียใหม่แล้ว จะได้ดึงเจ้าแฝดสองคนมาเป็นเกราะกำบัง ไม่ถลำตัวไปแย่งชิงเขามาจากผู้หญิงคนอื่น แต่ถ้าหากคุณจิรัชยังโสดสนิทไร้คนข้างกาย เจ้าแฝดก็ไร้ประโยชน์ มิริณพร้อมผลักหัวพวกเขาทิ้ง
“ค่ะ แต่ไม่เจ็บแล้ว คงไม่ต้องถึงมือหมอ หวังว่าตอนบ่ายเราจะได้เจอกันอีกนะคะ วันนี้มิว่าง จะไปเที่ยวร้านคุณจิให้ได้”
“ขอบคุณเช่นกันครับ ผมจะรอ” แล้วการสนทนาก็จบลงแค่นั้น
ทั้งสองคนยืนมองหน้ากันพักใหญ่ กว่ามิริณจะรู้สึกตัวว่าคนที่จะต้องปลีกตัวออกไปก็คือหล่อน อยากโบกมือลา แต่ทำได้แค่ยกมือไหว้
“น้ามี่ๆๆๆๆๆๆ เจ็ดโมงเช้า สายแล้วค่ะ ตื่นๆๆๆๆๆ”
มิริณกระโดดขึ้นเตียงพร้อมโทรศัพท์ เรียกชื่อน้าติดกันเกินสิบรอบให้น้ามีมี่เลิกนอน แล้วตื่นขึ้นมาสนใจหลานสาวคนสวยที่มีอยู่แค่คนเดียว
“ใครตาย” นอนฟังเสียงหลานสาวไม่ยอมลืมตาตื่นมาคุยวิดีโอผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ ทักคำแรกไม่เป็นมงคลจนโดนมิริณบ่นกลับ
“อัปมงคลที่สุด ไม่มีใครตายทั้งนั้นค่ะคุณน้า หนูแค่จะโทรมาบอกว่า หนูยังไม่อยากกลับกรุงเทพฯ อยากอยู่เที่ยวต่ออีกสักเดือน คนช่วยงานน้ามีเยอะแยะ ไม่ต้องเอาหนูไปหารเงินเดือนก็ได้หรอกมั้ง”
“อยากอยู่ต่อก็ตามใจ”
สติไม่เต็มร้อยจึงครางเออออกตามหลานไป แต่อึดใจต่อมาสมองคิดทบทวนได้ว่าหนึ่งเดือนเท่ากับสามสิบวัน
มีมี่ เจ้าของบาร์โฮสต์ลืมตาตื่น ขนตาของน้าต่อมาหนาเป็นแพ กระพือใส่หน้าดื้อๆ ของหลานสาวที่ลอยอยู่กลางหน้าจอ
“หนึ่งเดือน! แกจะไปบวชเป็นแม่ชีหรือไง ถึงอยู่นานขนาดนั้น”
สัปดาห์เดียวยังพอว่า ไปอยู่เป็นเดือนจะไม่เบื่อหรือไง
“บาปกรรม ปกติเราเนี่ย ก็ไม่ค่อยจะมีบุญอยู่แล้วนะน้ามี่ ยังจะพูดจาดึงบาปมาใส่ตัว”
“อย่ามาทำปากแรดแถวนี้ ฉันเป็นน้าแกมาทั้งชีวิตทำไมจะจับพิรุธไม่ได้”
สาวสองหลิ่วตาจับผิดหลานสาวที่จงใจกลอกตาไปทางอื่น แสดงพิรุธจนออกนอกหน้า สมแล้ว ที่เติบโตและได้รับการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนมากับกะเทย จึงได้จริตมารยามาเต็มๆ
“แกเสร็จไอ้คอปเปอร์กับไอ้คูเปอร์แล้วใช่ไหม สารภาพมา!”
“บ้าเหรอน้า มิสามสิบแล้วนะ ไม่สนใจเด็กๆ หรอก คิดอะไรเนี่ย”
ขนลุกไปหมด
ถ้าสเปคของหล่อนคือเด็กแฝด คงจะมีแฟนไปนานแล้ว เพราะหาจากไหนก็ได้ เด็กช่างอ้อนแบบนี้ แต่สเปคของมิริณเป็นผู้ใหญ่ต่างหาก
ผู้ใหญ่มากๆ แล้วเขาคนนั้นต้องสุภาพเรียบร้อย น่าหลงใหล คนแสบๆ อย่างมิริณถึงจะอยากอยู่ด้วย
“แน่ใจนะ? ถ้าจับได้ทีหลังจะบ่นให้หูชาเลยคอยดู”
“บ่นทำไม คราวก่อนยังเชียร์ให้มิมีแฟนอยู่เลย จะได้มีทายาทมาสืบทอดธุรกิจที่เราช่วยกันสร้างมา แต่มันเศร้า เพราะมิดันสวยเกินไป แถมยังสวยเลือกได้...”
“ก็เลยไม่มี ‘ผัว’ ช่องคลอดแห้งเหี่ยวขาดน้ำมาหลายปี!”
“ไม่เถียงก็ได้ค่า” มิริณตอบกลับขำๆ
“เพิ่งได้นอนตอนหกโมง จะหลับลงอีกไหมเนี่ยฉัน เฮ้อ ชีวิตในแต่ละวันของกะเทยเฒ่า ที่ต้องรองรับอารมณ์หลานไม่มีมารยาท หลานโทรมาตอนไหนต้องรับสาย ไม่รับ ก็โดนมันบ่น”
“อยากนอนก็นอนสิคะ มิมีเรื่องจะบอกแค่นี้ แล้วไม่ต้องโทรมาจิกให้กลับกรุงเทพฯ มิอยากอยู่เที่ยวสมุยไปนานแสนนานเลยค่ะ”
ส่งจูบจุ๊บๆ ให้น้าคนสวย
“อ้าว! ก็ฉันตื่นเต็มตาแล้วจะให้นอนต่อได้ยังไง นังหลานคนนี้! แล้วเรื่องเจ้าแฝดว่ายังไง ยังไม่เคลียร์เลยนะ ตกลงว่าจะไปอยู่สมุยเป็นเดือนเนี่ย ไปอยู่ทำไม หรือไปติดผู้ชายคนไหน?”
“ทำงานตั้งแต่เด็กจนโต ลำบากสารพัด เพราะพ่อกับแม่มาด่วนจากไป ทิ้งเงินประกันก้อนใหญ่ไว้ ก็ใจกว้างให้น้าเอาไปลงทุนทำร้าน ฮึก... เพิ่งจะว่างงานมีเวลามาเที่ยวเล่น อยากจะพักผ่อนนานๆ ให้สมองโล่ง ก็ถูกด่า ถูกว่า ฮึก... ว่าหลานได้ยังไงคะ หลานสาวออกจะเป็นคนดี คนเรียบร้อย มาว่าหลานติดผู้ชายได้ยังไง”
แกล้งบีบน้ำตาปลอมๆ
โรงละครมิริณ เขียนบท กำกับ แสดงโดยคนเดียว
“โอ๋ๆๆ หลานรัก หลานแสนประเสริฐ น้าขอโทษนะ น้าไม่ได้ตั้งใจจะว่า อยากเที่ยวก็เที่ยวให้ฉ่ำปอดไปเลย ไม่ต้องรีบกลับก็ได้ น้าไม่ว่า จะไม่โทรจิกด้วย หลังวางสายน้าจะโอนเงินให้หนึ่งแสน เอาไปใช้ให้หมดเลย เช่าโรงแรมดีๆ พัก ซื้ออาหารอร่อยๆ กิน อย่ากินมาม่า อาหารแปรรูปเยอะมากนักล่ะ จะแบ่งไปเปย์พวกแฝดด้วยก็ได้นะหลานรัก”
“หนึ่งแสน ฮึก.... แค่ค่าเช่าโรงแรมตลอดหนึ่งเดือนก็เกินครึ่งแล้วค่ะ ยังไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าอาหารกลางวัน อาหารค่ำ สงสัยมิคงจะได้กินแค่อาหารเช้าที่โรงแรมมีให้กินฟรี” บีบน้ำตาหลอกน้า
“สองแสน เอาไปสองแสนเลยแล้วกันนะจ๊ะหลานรัก น้าให้”
“สองแสนเลยเหรอคะ! มิบินกรี๊ดผู้ชายที่โซลต่อได้เลยนะเนี่ย น้ามี่ใจดีจัง ขอบคุณค่ะ หลานสำนึกในบุญคุณของน้า จะใช้เงินของน้าให้หมดทุกบาททุกสตางค์ ไม่เหลือติดบัญชีสักบาทเลยค่ะ บายบ๊าย!”
“อ้าว นังมิเค็ม! นังหลานทรพี!” เจ้มีมี่คิดคำด่าไม่ทัน หลานบังเกิดเกล้าเลิกดรามา ทำหน้าตาระรื่นใส่โทรศัพท์ก่อนจะตัดสายทิ้งไป
ยัยมิริณ! ฮึ่ม! มันแสบชะมัดเลยหลานสาวคนนี้!