ตกดึก ณ ห้องพักวีไอพีของโรงพยาบาลอันดับหนึ่งในประเทศ ร่างเล็กในชุดผู้ป่วยไม่ได้นอนพักอยู่บนเตียงอย่างที่ควรเป็น เธอลากเสาน้ำเกลือเดินวนไปวนมาพลางครุ่นคิด ไม่มีเวลามากสำหรับที่นี่ ถึงจะแกล้งเป็นลม และไม่มีใครสงสัยเพราะสภาพร่างกายเอื้ออำนวย แต่ด้วยไม่ใช่โรคภัยอันตราย ในไม่ช้าเธอก็ต้องถูกพาตัวกลับไป
หน้าประตูด้านนอกมีบอดีการ์ดผลัดเปลี่ยนมาคอยคุมอยู่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ราวกับเธอเป็นอาชญากรข้ามชาติอย่างไรอย่างนั้น จะกระโดดหนีทางระเบียงก็ไม่ได้ เพราะห้องพักนี้อยู่บนชั้นห้าของตึกผู้ป่วย ครั้นหากขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่... เธอก็ไม่ไว้ใจว่าจะได้รับการช่วยเหลือ หรือยิ่งจะนำเรื่องร้ายมาใส่ตัว หากบุคลากรของที่นี่เป็นคนของการันต์แล้วด้วย เธอไม่สามารถไว้ใจใครได้เลยนอกจากตัวเอง
หญิงสาวมองน้ำเกลือในขวดที่กำลังจะหมด แล้วตัดสินใจเดินกลับไปนอนที่เตียง เพราะอีกไม่ช้าพยาบาลจะต้องมาถอดน้ำเกลือออก เธอไม่ควรแสดงอาการกระวนกระวายให้ใครเห็น
“มันต้องมีทางออกสิน่า... คิดสิวาว เราต้องหาวิธีกลับไทยให้ได้”
คนของการันต์คอยตามติดเหมือนเงา เธอต้องอยู่แต่ภายในห้องนี้เท่านั้น ยกเว้นตอนกลางวันจะมีพยาบาลพาออกไปเดินเล่นบ้าง แต่ก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเหล่าบอดีการ์ดทั้งขบวนอยู่ดี ไม่ว่าจะวิธีไหน หนทางไหน... ก็ดูมืดมนไปหมด หรือเธอจะไม่มีทางรอดพ้นความป่าเถื่อนของการันต์ จนกว่าจะมีลูกให้เขาได้อย่างที่เขาหวังจริงๆ
ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่เธอจะได้จบการศึกษาอย่างที่ตั้งใจมาตลอด ถ้ายังอ่อนแอ ยังไม่กล้าต่อกรกับความอยุติธรรมชีวิตเธอยังต้องพบกับจุดจบอันเลวร้ายกว่านี้เป็นแน่...
“Hello! May I come in, please?” ประตูห้องเปิดออก แล้วพยาบาลสาวก็ถือถาดอุปกรณ์เข้ามาพร้อมกับเอ่ยทักทาย
วาปียังคงหลับตานิ่ง กระทั่งเจ้าหล่อนข้ามาใกล้แล้วเปิดสวิตช์โคมไฟ พยาบาลสาวยังคงพึมพำเป็นภาษาบ้านเกิดซึ่งเธอฟังไม่เข้าใจ แต่หากเป็นการพูดคุยปกติทั่วไประหว่างคนไข้ชาวตางชาติและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ก็จะใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก
“Oh! I think you are sleeping.” พยาบาลอุทานพลางยิ้ม
เมื่อเห็นคนป่วยลืมตาตื่น “Sorry, hurts just a little bit.” บอกแล้วก็ดึงเข็มน้ำเกลือออกจากมือของเธอ พร้อมทั้งทำการปิดแผลให้
“Can you take me to toilet, please?” วาปีกล่าวตะกุกตะกัก ไม่ใช่เพราะไม่เก่งภาษาอังกฤษ แต่เพราะความคิดบางอย่างที่ผุดเข้ามาในหัวต่างหาก
“Sure, let me help you.” พยาบาลซึ่งรูปร่างหน้าตาไม่ต่างไปจากคนไทยพยักหน้า แล้วช่วยประคองให้เธอลงจากเตียง พาไปเข้าห้องน้ำ
วาปีขอให้พยาบาลสาวรออยู่ในส่วนของห้องอาบน้ำ ขณะที่เธอเข้าไปทำธุระโดยมีม่านกั้นเอาไว้ เพราะร่างกายไม่แข็งแรง และยังรู้สึกมึนๆ กลัวจะหกล้ม ซึ่งอีกฝ่ายก็ยินดีให้บริการด้วยความเต็มใจ
“ถ้าเราไม่ทำ... เราก็ตกนรกอยู่แบบนี้ไปอีกนาน” เธอบอกตัวเอง พลางถอนหายใจเพราะความรู้สึกผิด จากนั้นยกฝาถังน้ำชักโครกมาถือไว้แน่น แล้วค่อยๆ ก้าวเท้าอย่างเบาแรงที่สุด ก่อนจะแง้มผ้าม่านเล็กน้อย และเห็นว่าพยาบาลคนเดิมกำลังยืนหันหลังให้ สองมือกอดอก รอคอยให้เธอทำธุระเสร็จ
“ฉันขอโทษนะคุณ... ฉันจำเป็นจริงๆ”
วาปีก้าวผ่านผ้าม่านออกมา อีกฝ่ายยังยืนฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี สองมือประคองวัสดุหนาหนักที่ผลิตจากเซรามิกเอาไว้แน่น ยกขึ้นสูงเหนือศีรษะ แล้วฟาดลงไปที่ท้ายทอยของผู้เคราะห์ร้าย จนร่วงลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้นในทันที ขณะที่ฝาถังน้ำชักโครกอันนั้นพลอยตกแตกกระจายอยู่ข้างๆ ร่างระหง
หญิงสาวยกมือไหว้แล้วกล่าวขอโทษซ้ำๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หากมีทางเลือกอื่น เธอไม่เคยคิดทำร้ายใครเลย แต่นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอรอดพ้นจากเงื้อมมือของการันต์
“ฉันขอโทษ... ฉันไม่ตั้งใจ ขอโทษจริงๆ”
เธอรีบเช็กอาการของคนเจ็บเบื้องต้น โดยการจับชีพจรและดูบาดแผลให้ เมื่อแน่ใจว่าไม่เป็นไรมาก จึงรีบจัดการถอดชุดพยาบาลมาสวมอย่างแนบเนียน เมื่อออกจากห้องน้ำก็ไม่ลืมล็อกประตูจากด้านนอก เปิดตู้เก็บของใช้ส่วนตัว หยิบเอาเสื้อผ้าของตัวเองและเอกสารสำคัญอย่างบัตรประชาชนและพาสปอร์ต โดยทิ้งกระเป๋าไว้ เพราะมันใหญ่เกินไป และอาจทำให้บอกดีการ์ดของการันต์สงสัยได้
ทุกอย่างถูกนำมาห่อด้วยผ้าขวางเตียง แล้ววางบนถาดอุปกรณ์ ปิดบังใบหน้าด้วยหน้ากากอนามัย พลางรวบรวมความกล้า เปิดประตู เดินออกจากห้องพักผู้ป่วย
เหล่าบอดีการ์ดมองเธอเล็กน้อย หญิงสาวก็แสร้งทำไม่สนใจ เดินไปตามทางเดินช้าๆ ทั้งที่เธอตื่นเต้นและหวาดหวั่นจนแทบก้าวขาไม่ออก อาจด้วยเพราะเธอมีรูปร่าง ความสูง และทรวดทรงไม่ต่างกับพยาบาลที่นอนสลบอยู่ในห้องน้ำมากนัก จึงไม่ทำให้เป็นที่ผิดสังเกต