บทที่ 4 ตอนที่ 2

1929 คำ
“เธอมีไข้... คงเพราะเมื่อวานตกลงไปในทะเล แล้วเมื่อคืน...” เสียงไม่คุ้นของใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เธอไม่แน่ใจว่ามันเป็นเรื่องจริง หรือเพราะเพ้อพกไปเรื่อยเปื่อยด้วยพิษไข้ ใครคนนั้นยังคงแตะต้องเหมือนจะตรวจอาการ จนเธอสะดุ้ง หดตัวหนี “อื้อ...” “อีกไม่ถึงชั่วโมงเรือก็เทียบท่าแล้ว นายก็เอายาให้กินก่อนแล้วกัน คงไม่ทันตายหรอกมั้ง” ใครอีกคนว่า “ตัวร้อนมาก... หวังว่ากว่าจะไปถึงโรงพยาบาล จะไม่มีอาการแทรกซ้อนก่อนหรอกนะ” ประสาทสัมผัสการได้ยินในตอนนี้เริ่มเลื่อนลอย เธอฟังไม่ได้ศัพท์อีกแล้ว หลังจากผู้ชายคนนั้นพูดจบประโยค รับรู้แต่ว่ามีเสียงโหวกเหวกโวยวายดังอื้ออึงไปหมด เธอปวดศีรษะรุนแรงขึ้น หายใจแรงขึ้น แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ ไม่ได้สติใดๆ อีกเลย... หญิงสาวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้กับท่าเรือ PSA (Port Singapore Authority) มากที่สุด ซึ่งท่าเรือแห่งนี้เป็นท่าเรือขนส่งสินค้าของประเทศสิงคโปร์ ที่มีความสำคัญระดับโลก และเรือสินค้าของบริษัทของการันต์ ก็จอดเทียบท่าที่นี่ วันเสาร์ต้องวิ่งเต้นเรื่องเอกสารเป็นการด่วน เพื่อให้เธอมีพาสปอร์ตเข้าประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นความต้องการของเจ้าของบริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่จากไทยแล้ว มันก็กลายเป็นเรื่องเล็กในพริบตา ผลการตรวจอย่างละเอียด ปรากฏว่าวาปีเป็นไข้หวัดใหญ่ธรรมดา ทำให้การรักษาใช้เวลาไม่นานนัก ตลอดสามวันที่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล คงมีแต่หมอเชน และวันเสาร์ ผู้เป็นเลขาของการันต์ แวะมาดูอาการ พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกับเธอ ไม่ได้ให้ความสนใจมากไปกว่าทำหน้าที่เช็กความเป็นไปเพื่อรายงานต่อผู้เป็นนาย หลังจากอาการดีขึ้น วันเสาร์ก็พาตัวเธอไปยังวิลล่าหลังหนึ่ง ที่มีการควบคุมดูแลอย่างเข้มงวด โดยไม่ได้บอกกล่าวข้อมูลใดๆ แม้วาปีจะพยายามสอบถาม แต่ก็เหมือนคุยกับกำแพงก้อนหิน เธอจึงถูกขังเอาไว้ในบ้านพักหรูหรา ด้วยความรู้สึกราวกับเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในนั้น แม้จะมีคนของการันต์อยู่ทั่วทุกมุมก็ตาม แต่คนเหล่านั้นเปรียบดังหุ่นยนต์ที่ถูกป้อนคำสั่งเอาไว้ ไม่มีใครปฏิบัตินอกเหนือจากการยืนประจำจุดต่างๆ และคอยควบคุมให้เธออยู่ในอาณาเขตที่ถูกกำหนดไว้ตามเวลาทำงานของแต่ละคน จากนั้นก็จะมีคนใหม่มาสลับสับเปลี่ยนเมื่อหมดหน้าที่ในแต่ละวัน จนเวลาผ่านไป... ผ่านไป... เธอก็ยังคงถูกขังไว้ในหอคอยงาช้างอันโอ่อ่าแห่งนั้นอย่างไม่รู้ชะตากรรม ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ถูกปล่อยทิ้งไว้เหมือนไร้ตัวตน ไร้ค่า... สาธารณรัฐสิงคโปร์ เป็นประเทศที่เป็นเกาะขนาดเล็กที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยหมู่เกาะเล็กๆ อีกเกือบร้อยเกาะ และเป็นประเทศเดียวที่ไม่มีเมืองหลวง  กระนั้น... ก็ยังเป็นประเทศศูนย์กลางพาณิชย์สำคัญของโลกแห่งหนึ่ง ทั้งยังกลั่นน้ำมันได้เป็นอันดับสองของโลก มีกาสิโนขนาดใหญ่ถึงสองแห่ง สภาพเศรษฐกิจของที่นี่จึงมีอัตราการขยายตัวอยู่ในระดับสูง นักลงทุนหลั่งไหลเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากการทำธุรกิจในทุกด้าน แต่ด้วยพื้นที่ที่มีขนาดเล็กเทียบเท่ากับกรุงเทพมหานคร และความหนาแน่นของประชากรต่อพื้นที่ ก็ทำให้มีทรัพยากรทางธรรมชาติน้อยกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน สำหรับวาปีแล้ว แม้เธอจะไม่เคยได้ย่างเท้าออกไปนอกวิลล่าเลย แต่จากการติดตามรายการโทรทัศน์ช่องต่างๆ ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษที่เธอพอฟังรู้เรื่อง ก็พลอยทำให้รู้สึกอึดอัด ไม่ปลอดโปร่งเหมือนอยู่ประเทศไทยบ้านเกิด ใครๆ ก็ว่าที่นี่มีความเจริญก้าวหน้า เป็นเมืองแห่งความมั่งคั่งแห่งหนึ่งของโลก แต่สำหรับเธอแล้ว เหมือนโลกมันแคบลง และวุ่นวายใจมากขึ้น... หรือจริงๆ แล้วอาจเป็นเพราะถูกจำกัดความเป็นส่วนตัว เธอจึงมองทุกอย่างติดลบไปหมด บางทีหากขาดอิสรภาพแล้ว จะมีชีวิตอยู่ที่ไหน ความรู้สึกก็คงไม่ต่างกัน... กว่าสามสัปดาห์ที่ต้องใช้ชีวิตในวิลล่าส่วนตัว เธอมีสิทธิ์เดินไปไหนมาไหนได้เฉพาะภายในตัวบ้านเท่านั้น แม้แต่ในสวนก็ถูกห้ามย่างกรายออกไป แต่ละวันจึงผ่านไปอย่างแสนจำเจและเงียบเหงา ผู้คนนับสิบที่คอยเฝ้าดูเธออยู่ ก็ไม่มีใครยอมพูดคุยด้วยเลยกระทั่งแม่บ้าน ไม่มีเครื่องมือสื่อสาร ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า เมื่อไหร่... เธอถึงจะได้หลุดพ้นจากกรงทองของการันต์เสียที หรือจะไม่มีวันนั้นอีกแล้ว... ร่างเล็กอยู่ในชุดนอนผ้าฝ้ายสีขาว ปักฉลุลายดอกไม้ ไล่จากหัวไหล่มาชนกันเป็นรูปสามเหลี่ยมตรงหน้าอก ชายกระโปรงยาวเกือบถึงเท้า มีระบายพลิ้วไหวยามย่างเท้าแต่ละก้าว เธอเหม่อมองไปบนท้องฟ้า ปล่อยให้ร่างกายได้รับสายลมที่พัดโชยมาเบาๆ ผ่านหลังห้องที่เปิดประตูทิ้งไว้ มีเพียงมุ้งจีบคอยกันแมลงเข้ามารบกวน ช่วยให้อากาศปลอดโปร่งมากขึ้น สดชื่นกว่าการเปิดแอร์คอนดิชันเป็นไหนๆ แม้จะไม่ได้ช่วยให้ความเบื่อหน่ายลดน้อยลง แต่การได้มองทิวทัศน์จากระเบียงห้องที่อยู่ชั้นสามของบ้าน ก็เป็นกิจกรรมที่เธอโปรดปรานมากที่สุดในตอนนี้ ดึกมากแล้ว... เธอเปิดเพียงไฟหรี่เอาไว้ ทำให้ทั้งห้องมีแสงสลัวราง แล้วทอดกายลงนอนตะแคงอยู่บนโซฟาตัวใหญ่เยื้องกับกำแพงกระจก ด้านนอก... ดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญดูโดดเด่น งดงามไม่แพ้ท้องฟ้าที่แผ่นดินไทย แสงจันทร์นวลสาดส่องเข้ามาด้านในห้อง ช่วยขับกล่อมอารมณ์อ่อนไหวให้ค่อยๆ ผ่อนคลาย กระทั่งหลับไปโดยไม่รู้ตัว โดยที่ยังไม่ได้กลับไปนอนบนเตียงเสียด้วยซ้ำ                                                นานเท่าไหร่ไม่รู้ แล้ว... บางอย่างที่หนักอึ้งบนตัวก็ทำให้วาปีสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เธอรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ภาพเหตุการณ์เลวร้ายครั้งเก่าวนเวียนเข้ามาในความรู้สึกอีกครั้ง                                  “คุณกันต์! อย่ามายุ่งกับฉันนะ!” “ไม่เจอกันไม่กี่วัน แรงดีขึ้นมาเชียว...” การันต์จับสองมือเล็กที่ทั้งผลักทั้งทุบตีเพื่อให้เขาออกห่าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ร่างใหญ่สะท้านสะเทือนแม้แต่น้อย เขายิ่งกดตัวเข้าหาแน่นขึ้น จนเธอได้กลิ่นกายของบุรุษเพศเจือด้วยน้ำหอมชั้นเลิศ หากเป็นในยามปกติ กับคนปกติ มันช่างเชิญชวนให้หลงใหลยิ่งนัก แต่กับเขา... เธอรู้สึกขยะแขยงเสียเต็มประดา “ต้องการอะไรอีก!” “ต้องการให้เธอทำตามข้อเสนอแต่โดยดียังไงล่ะ ไม่น่าถาม... ผลการตรวจออกมาว่าเธอแข็งแรง และพร้อมมากที่จะเป็นแม่พันธุ์ น่าเสียดายที่ฉันงานยุ่งจนไม่มีเวลามาทำลูกกับเธอบ่อยๆ แต่ไม่เป็นไร นานๆ ทีก็ตื่นเต้นดีเหมือนกัน” “ฉันไม่ทำ... ฉันไม่รับข้อเสนอของคุณ จะฆ่าจะแกงก็เชิญ ขออย่างเดียว พาฉันกลับไปประเทศไทยเถอะนะ...” น้ำเสียงเบาหวิวสั่นเครือ เธอไม่ได้เจ็บช้ำที่ถูกเขาข่มเหงจนเสียน้ำตาหรอก แต่เป็นความห่วงหาในตัวพี่ชายซึ่งหายตัวไปต่างหาก จนป่านนี้ยังไม่รู้เลยว่าโพธิ์ทองเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้าง หากชีวิตเธอสามารถชดเชยให้เขาได้ แลกกับจุดจบของทุกปัญหา เธอก็ยินดี... แค่เพียงให้ได้กลับไปพบพี่ชายร่วมสายเลือด บุคคลเดียวที่เรียกได้ว่าเป็นครอบครัวของเธอ อีกสักครั้ง... “จะกลับไปหาไอ้โพธิ์ทองน่ะเหรอ... ไม่จำเป็นหรอกมั้ง” “!” หญิงสาวชะงัก รู้สึกแปลกใจที่เขาเรียกชื่อพี่ชายได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเคยได้ยินแต่ชื่อ ‘พอล’ ซึ่งเป็นชื่อกลางที่เพิ่มเข้ามาภายหลังย้ายไปอยู่ประเทศแคนาดาแล้ว “สงสัยอะไรเหรอ หืม...” เหมือนเขาจะรู้เท่าทันความคิด ใบหน้าคมเข้มที่มองเห็นผ่านแสงจันทร์อยู่ใกล้เพียงไม่ถึงคืบ เธอรีบหันหลบทันที “ไม่สงสัยอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องมายุ่งกับฉันด้วย!” “แล้วถ้าบอกว่าตอนนี้พี่ชายของเธออยู่ในมือฉันล่ะ... เธอจะอยากให้ยุ่งได้หรือยัง” “พูด... พูดอะไร...” คำว่าพี่ชาย... ที่ออกจากปากของเขา แทบจะหยุดลมหายใจของเธอให้หลุดปลิว หากโพธิ์ทองถูกจับตัวได้แล้วจริงๆ ตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง... “เดี๋ยวจะหาว่าผัวคนนี้ใจดำ เอาเป็นว่า... ฉันจะให้เธอเป็นคนตัดสินใจ ว่าจะให้มันอยู่ หรือตาย...” ปลายประโยคเน้นชัดถ้อยชัดคำ เขากัดฟันกรอด และแววตาก็ดุดันขึ้น มือหนึ่งหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงยีน แล้วเปิดคลิปวิดีโอสั้นๆ ขนาดความยาวไม่กี่นาที ยกมันขึ้น แล้วหันหน้าจอไปทางเธอที่นอนตาค้าง สีหน้าหวาดกลัวและหวั่นใจในเวลาเดียวกัน ‘กูไม่ได้ทำ! นังสารเลวนั่นมันตกลงไปเอง!’                                  มันเป็นคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นภาพของโพธิ์ทองซึ่งถูกจับมัดไว้กับเก้าอี้ตัวหนึ่ง รอบๆ มีชายฉกรรจ์สามสี่คนยืนคุมเชิง หน้าตาของพี่ชายเธอบวมปูด มีเลือดซึมไหลจากทั่วทั้งปาก ศีรษะและเสื้อผ้าก็เปื้อนเลือดแดงฉาน ‘ฆ่ากูให้ตายตามมันไป กูก็ยังยืนยันคำเดิม!’ พูดจบเขาก็โดนชกจนร่วงลงไปบนพื้นทั้งเก้าอี้ ส่งเสียงร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด “พี่...” ปากคอสั่นไปหมดกับสิ่งที่เห็น สิ่งที่เธอกลัวที่สุดเกิดขึ้นจนได้ การันต์แสยะยิ้มเมื่อเธอเบนสายตามองเขา ชายหนุ่มนำเสนอคลิปวิดีโอเพียงเท่านั้นก็กดปิด แล้วโยนมือถือทิ้งไปโดยไม่ได้มองด้วยซ้ำ “เป็นไง...” “คุณทำอะไรเขา! แล้วตอนนี้พี่โพธิ์อยู่ที่ไหน” เธอร้องไห้โฮอย่างไม่นึกอาย มันทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เมื่อเห็นพี่ชายถูกทารุณเช่นนั้น “จะทำให้มันตายน่ะง่ายนิดเดียว ขึ้นอยู่กับเธอแล้วนะ จะตัดสินใจยังไง...” เขาระบายรอยยิ้มแห่งชัยชนะบนสีหน้า มือใหญ่พลางดึงริบบิ้นที่ผูกเป็นโบตรงหน้าอกจนหลุดออกจากกัน แล้วใช้นิ้วพันเล่น ไม่รีบร้อนที่จะรอคอยคำตอบจากเธอ “ถ้าฉันยอมตกลงมีลูกให้คุณ คุณปล่อยพี่โพธิ์เลยได้ไหม อย่าทำร้ายเขาอีกได้ไหม” เสียงละล่ำละลัก ต่อรองเพื่อความปลอดภัยของพี่ชาย เธอยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลบ่าไม่ยอมหยุดจนเปียกชื้นไปทั้งหน้า “ตามที่เคยบอก... ฉันจะส่งตัวให้ตำรวจจัดการตามกฎหมาย แต่จะให้ปล่อยลอยนวลไปเลยก็คงไม่ได้ มันต้องได้รับโทษในสิ่งที่มันก่อ แต่ถ้าเธอไม่โอเค... ฉันก็จะจัดการตามกฎของฉันเอง” “ฉันอยากคุยกับพี่ฉันก่อน... แล้วฉันจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณจะไม่กลับคำ และไม่ทำร้ายเขาอีก” “ได้... ฉันจะต่อสายให้” ว่าแล้วเขาก็ผละออกจากร่างเธอ แล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่โดนขว้างทิ้งอยู่บนพื้นห้อง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม