หลายชั่วโมงต่อมา...
พลวัตได้แต่นั่งเบื่อๆ อยู่บนรถยนต์ที่จอดไว้ในซอยแห่งหนึ่ง เขามาถึงที่นี่ เพื่อรอดูอะไรบางอย่าง จนตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ก็ยังไม่เห็นวี่แววของคนที่เขากำลังตามหา
“มาแล้ว...” และไม่ถึงหนึ่งนาทีที่เขาเงยหน้าจากนาฬิกาข้อมือ คนๆ นั้น ก็เดินผ่านรถของเขาไป
ปิ๊ด ปิ๊ด
“ของขวัญใช่ไหม?” พลวัตขับรถตามมาช้าๆ อย่างแนบเนียน ก่อนจะเปิดกระจกถามผู้หญิงที่เขาทราบชื่อดีอยู่แล้ว
“ค่ะ” ของขวัญพยายามตอบให้น้ำเสียงเป็นปกติ แม้เธอตกใจไม่น้อย ที่อยู่ดีๆ พลวัตก็มาปรากฏตัวในเวลานี้
“เฮียกำลังไปเยี่ยมป้านิดพอดี จะเข้าบ้านใช่ไหม ขึ้นรถมาด้วยกันสิ” เขาบอกพร้อมกับปลดล็อคประตูให้เธอเดินขึ้นมา
“มาเยี่ยมป้านิดตอนนี้เหรอคะ?” เธอถามด้วยความสงสัย เพราะนี่มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมกับการเยี่ยมเยียนใครสักเท่าไหร่
“...ใช่ เฮียโทรบอกป้านิดแล้ว ขึ้นมาสิ เฮียไม่รู้ว่าหลังไหน”
“ขับตรงไปเลยค่ะ อีกสามหลังก็ถึงแล้ว”
“แล้วอยู่ฝั่งไหนล่ะ ซ้ายหรือขวา ขึ้นมาบนรถสิ จะได้บอกทางเฮีย”
“ฝั่งซ้ายค่ะ จอดรถรอหน้าบ้านแป๊บนึงนะคะ หนูจะรีบเดินตามไปเปิดประตูให้ค่ะ” ของขวัญพูดจบก็เดินต่อไป เธอเห็นว่าอีกไม่กี่สิบเมตรก็ถึงบ้านของเธอแล้ว การขึ้นๆ ลงๆ บนรถของเขา น่าจะเสียเวลากว่าใช้สองเท้า ส่วนพลวัตก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ ที่ถูกเธอปฏิเสธน้ำใจ ทั้งๆ ที่เขาเอ่ยปากชวนเธอด้วยว่าขึ้นรถมาสิถึงสามครั้ง
“เฮียไม่น่าลำบากมาหาป้าเลย แทนที่จะได้ทำงาน ดูสิ เสียเวลาหาเงินหาทองมาเยี่ยมคนแก่” ป้านิดออกมาต้อนรับพลวัตด้วยความดีใจ สำหรับเธอ เขาเป็นเจ้านายที่ดีและมีเมตตา เขาจะจ้างคนที่อายุน้อยมาทำงานก็ได้ แต่เพราะเขาเห็นว่าเธออยากมีรายได้ จึงรับทำงานไว้ และยังให้เธอทำหน้าที่ตามกำลังความสามารถ คือดูแลรักษาความสะอาดในห้องทำงาน ห้องพักส่วนตัวของเขา และช่วยงานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
“ลำบากอะไรกันป้า ผมไม่อยู่แป๊บเดียว ชัชชัยดูแลงานแทนผมได้อยู่แล้ว ป้านิดเป็นยังไงบ้างครับ ผมยุ่งๆ เลยไม่ได้ถามอาการป้าเลย”
“เจ็บเข่าตามภาษาคนแก่นั่นแหละเฮีย เดินมากๆ ไม่ค่อยไหว นี่หลานสาวป้า จะพาไปตรวจอีกทีว่าต้องผ่าตัดหรือเปล่า เฮียเจอหลานป้าหรือยังคะ”
“อ้าว! พูดถึงก็กลับมาพอดีเลย ขวัญ มาหาป้าก่อน” ป้านิดกวักมือเรียกหลานสาว หลังจากเธอเดินเข้ามาในบ้านช้ากว่าพลวัต
“ขวัญ สวัสดีเฮียสิลูก”
“สวัสดีค่ะ” ของขวัญยกมือไหว้เขาตามคำสั่งของป้า
“จริงๆ เจอก็กันตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายแล้วครับ” พลวัตรับไหว้และหันไปคุยกับป้านิดต่อ
“แล้วหลานป้าขวางหูขวางตาหรือเปล่าคะ ป้าสั่งให้ไปทำความสะอาด ก่อนเฮียจะเข้าไปทำงาน แปลว่าขวัญไปถึงช้าใช่ไหม” เธอหันไปถามหลานสาว ที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนบ้าน
“ขวัญไปตามเวลาที่ป้าบอกค่ะ” เธอตอบไม่ตรงคำถาม และนั่นทำให้คนฟังอย่างพลวัตนึกขำในใจ เธอคงเกรงใจที่จะบอกว่าเขาต่างหากที่มาทำงานเร็วกว่าปกติสินะ
“หลานป้าไม่ได้ไปทำงานช้าหรอกครับ ผมไปถึงเร็วเอง”
“อ๋อ... ป้าก็คิดว่าไปผิดเวลาซะอีก”
“แล้วป้านิดต้องพักอีกนานไหม พนักงานถามถึงกันแย่แล้ว” เขาถามป้า แต่ตานั้นมองไปยังหญิงสาวที่เดินขึ้นไปข้างบนจนลับสายตา
“ถ้าต้องผ่าตัด ป้าก็คงต้องพักฟื้นก่อน แต่หลังจากนั้น ป้าก็จะกลับไปทำงานได้เหมือนเดิมค่ะเฮีย เฮียอย่าเพิ่งไล่ป้าออกนะ ให้หลานป้าไปทำงานแทนก่อน คนแก่ๆ อย่างป้า จะหางานทำใหม่ก็คงจะไม่มีใครรับแล้ว”
“แล้วลูกป้าไปไหนล่ะครับ ผมไม่เห็นเลย” พลวัตตัดสินใจถามในสิ่งที่เขาสงสัย บ้านหลังดูเงียบเหงาจนเกินไป
“เฮ้อ... ไม่มีใครอยู่บ้านหรอกค่ะเฮีย มีแค่ป้ากับหลานป้าเนี่ยแหละ”
“อ้าว! แล้วทำไมชัชชัยบอกผมว่าลูกป้า เปิดร้านขายอาหารล่ะครับ”
“ไม่ได้ขายแล้วค่ะ น้องสาวป้ามีสามีใหม่ เลยขอย้ายไปทำงานโรงงานด้วยกันที่ต่างจังหวัด ส่วนน้องเขยป้าก็ไม่ต้องพูดถึงหรอก นอนสบายอยู่บนสวรรค์ตั้งแต่หลานป้ายังเด็กๆ”
“แล้วใครดูแลค่าใช้จ่ายในบ้านครับ”
“ก็เงินเดือนจากเฮีย แล้วก็ของขวัญหลานป้านี่แหละ น้องสาวป้าก็โอนมาให้ค่าเช่าบ้านบ้าง ให้ลูกบ้าง แต่ก็เอาแน่นอนไม่ให้หรอกค่ะเฮีย ขวัญมันก็บอกป้าว่า ไม่ต้องไปนั่งรอเงินจากแม่ให้เสียเวลา หาเงินมาใช้เองง่ายกว่า นี่ก็เพิ่งกลับจากทำงานพิเศษ ดีที่ลูกค้าที่ร้านส่วนใหญ่เป็นลูกค้าฝรั่งกับคนรวยๆ เลยได้สะสมเงินค่าทิปมาเก็บไว้เป็นค่ารักษา เผื่อว่าป้าต้องผ่าตัดจริงๆ”
“ถ้าป้าอยากให้ผมช่วยเหลืออะไรก็บอกได้นะครับ คิดซะว่าผมเป็นเหมือนลูกหลาน ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณเฮียมากนะคะ ตอนนี้ป้ากับขวัญ ยังไม่เดือดร้อนอะไร แต่ถ้าป้าเดือดร้อนจริงๆ ป้าก็คงไม่รบกวนเฮียหรอกค่ะ เดี๋ยวหลานป้ามันรู้เข้า จะดุป้าให้เสียคนแก่”
“ทำไมล่ะครับ”
“ขวัญมันศักดิ์ศรีเยอะ ไม่รู้หลานป้ามันลืมหรือเปล่าว่าเอามาซื้อข้าวกินไม่ได้ มันบอกป้าว่า ถ้าเงินที่มีอยู่ไม่พอ จะไปทำงานหาเงินเพิ่มเอง”
“อ๋อ... ผมก็คุยกับป้าเพลินเลย ป้าต้องเข้านอนแล้วใช่ไหม” พลวัตเห็นป้านิดนั่งหาวจึงหยุดความสงสัยใคร่รู้เอาไว้เท่านี้
“คนแก่น่ะเนอะเฮีย” ป้าหัวเราะ เพราะพยายามเก็บความง่วงไว้ตั้งแต่เขาโทรมาบอกว่าจะเข้ามาเยี่ยม
“ถ้างั้นผมขอตัวกลับเลยนะครับ”
“เดี๋ยวป้าไปตามขวัญมาเปิดประตูบ้านให้นะเฮีย ขอบคุณมากนะคะที่มาเยี่ยมคนแก่” ป้านิดพูดจบก็ลุกเดินจะขึ้นไปตามหลานสาวที่อยู่บนบ้าน แต่พลวัตอาสาจะไปตามให้เอง เพราะเห็นป้าเดินลำบาก
“ผมไปตามให้ก็ได้ครับ”
“ดีเลยค่ะ ป้าก็ไม่ได้ขึ้นไปข้างบนนานแล้ว ป้านอนข้างล่างนี่แหละ เดินขึ้นเดินลงบ่อยๆ ไม่ไหว ครั้นจะให้ตะโกนเรียกเสียงดัง ก็กลัวข้างบ้านจะโยนกระทะเข้ามาในรั้ว
“ขึ้นไปได้เลยใช่ไหมครับ” พลวัตถามย้ำ เพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าของบ้านอนุญาต
“ขึ้นไปเลยค่ะเฮีย ป้าขอเอนหลังตรงนี้แป๊บนึงนะ” เธอพูดจบก็เอนหลังนอนลงบนโซฟาตัวโปรด หลังจากนั่งคุยกับเขามานาน
“ขวัญ” พลวัตเดินขึ้นมาถึงชั้นสองของบ้านก็เรียกหาของขวัญ เพราะไม่รู้ว่าเธอพักอยู่ที่ห้องไหน
“ขวัญ... ป้านิดให้มาตามไปเปิดประตูบ้าน” เขาหยุดเดินและเลือกหยุดอยู่ที่หน้าห้องที่มีสติ๊กเกอร์แปะว่า “ห้ามเข้า” เพราะคนอายุมากแล้ว คงไม่เอาอะไรแบบนี้มาติดไว้
“ขวัญ” เขาเคาะประตูห้องเบาๆ เพราะไม่อยากให้คนในห้องตกใจ
“ขวัญ”
แต่เมื่อไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา พลวัตจึงถือวิสาสะเปิดหมุนลูกบิดประตู ภาพที่เขาเห็นเมื่อประตูเปิดกว้างออก คือหญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียง ร่างกายของเธอมีเพียงผ้าขนหนูคลุมกาย เขาเดินเข้าไปใกล้ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามสัญชาตญาณและความหลงใหลที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่าย หน้าอกถูกผ้าเปิดออกมาให้เห็นเกือบครึ่งเต้า เรียวขาขาวสวยที่ผ้าเกือบจะปิดส่วนนั้นไม่มิด ทำให้เขาใจเต้นแรงขึ้นมา เขามองใบหน้าสวยที่ดวงตาหลับพริ้ม เธอคงเหนื่อยล้ามาทั้งวัน จนเผลอหลับไปโดยที่ยังไม่ได้ชำระล้างร่างกาย พลวัตย่อตัวลงนั่งที่ข้างเตียง เขามองเธอหน้าเด็กผู้หญิงที่ทำให้เขายอมละทิ้งหน้าที่การงาน เพราะอยากรู้จักเธอมากขึ้นอย่างพิจารณา ก่อนจะได้คำตอบว่า ความสวยที่ตราตรึงใจเขานั้น เขาไม่ได้มองผิดไปเลยเมื่อได้เห็นเธอใกล้ๆ เธอสวยยิ่งกว่าครั้งแรกที่เขาได้เจอเสียอีก
“ชู่!” พลวัตรีบใช้มือปิดปากเธอเอาไว้ ก่อนที่เธอจะตะโกนออกมา ของขวัญตกใจสุดขีด เมื่อลืมตาขึ้นมาเจอเขา และก็ต้องสติหลุดอีกครั้ง เมื่อเธอลุกขึ้นนั่ง แล้วผ้าขนหนูที่พันเกาะอยู่บนอกนั้นร่วงลงไปกองที่เอว
“อย่ามองนะ!” เธอดึงมือเขาออกจากปาก และดึงผ้าห่มมาปิดตัวไว้อย่างรวดเร็ว แต่พลวัตทำตามที่เธอบอกไม่ได้ จากประสบการณ์อันลึกซึ้งกับผู้หญิงของเขา เขามั่นใจว่าสิ่งที่ได้เห็นเพียงไม่กี่วินาทีนั้นเป็นสิ่งสวยงามที่ธรรมชาติสร้างมาอย่างลงตัว เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ เพื่อดับความกระหาย สายตาจ้องมองมัน แม้จะมีผ้าห่มปิดบังเอาไว้ เขาอยากเห็นมันอีกครั้ง แต่จิตใต้สำนึกฝ่ายดีของเขาก็สั่งการ ให้เขาหันหลังมองไปทางอื่น
“เฮียเข้ามาในห้องหนูทำไม” เธอถามด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร และหยิบเสื้อผ้ามาใส่ให้เรียบร้อย
“เฮียจะมาตามหนูให้ไปเปิดประตูบ้าน” พลวัตหันกลับมาคุยกับเธอให้เป็นปกติที่สุด
“ค่ะ” เธอมองเขาอย่างระแวดระวัง และเดินนำเขาออกไปจากห้องนอน
“เดี๋ยวขวัญ...”
“มาจับมือหนูทำไม” ของขวัญเบี่ยงแขนหลบมือของเขา แต่มันก็ช้ากว่าสัมผัสของพลวัตอยู่ดี
“ใจเย็นๆ เฮียไม่ได้จะทำอะไร เฮียแค่จะบอกว่าเฮียขอโทษ” พลวัตออกแรงจับมือทั้งสองข้างของเธอไว้แน่นขึ้น เพื่อให้เธอดิ้นหนีไปไหน
“ขอโทษแล้วก็ปล่อยหนูสิคะ”
“หนูยังไม่หายโกรธเฮียจริงๆ เฮียจะปล่อยได้ยังไง เมื่อกี้เฮียไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หนูตกใจนะขวัญ”
“หนูก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเฮียสักหน่อย ปล่อยหนูค่ะ”
“ไม่โกรธเฮียเหรอ” พลวัตถามต่อพร้อมกับเดินเข้าไปหาเธอใกล้ๆ
“ไม่ค่ะ เฮียก็แค่เสียมารยาทที่ไม่ได้เคาะประตู”
“เฮียเคาะแล้วนะ เรียกหนูตั้งหลายรอบแล้วด้วย แต่หนูไม่ได้ยิน”
“...ไม่จริงค่ะ ถ้าเฮียเคาะประตู หนูก็ต้องได้ยิน”
“หนูจะได้ยินได้ยังไงล่ะ ก็หนูเล่นเผลอหลับไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้อาบน้ำแบบนั้น ถ้าหนูได้ยินที่เฮียเรียกจริงๆ เฮียคงเดินเข้าไปในห้องหนูไม่ได้ จริงไหม?” เขาต้อนเธอให้จนมุมทั้งคำพูดและร่างกาย เพราะตอนนี้ของขวัญอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว เขาก้มมองลงไปที่หน้าอกภายใต้เสื้อยืดที่เธอใส่ ก่อนจะเงยหน้ามามองหญิงสาวตรงหน้า ที่แก้มแดงระเรื่อด้วยความอาย
“ปล่อยหนูค่ะ”
“ถ้าอยากให้เฮียปล่อยจริงๆ ทำไมไม่ดิ้นล่ะ ยืนนิ่งๆ ให้เฮียกอดทำไม” พลวัตยิ้มเยาะอยู่ในใจ สุดท้ายแล้วเธอก็เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยเจอ ปากพูดปฏิเสธ แต่ในใจคงอยากให้เข้าใกล้ชิด
“ปล่อยหนูค่ะ” ของขวัญบอกเขาอีกครั้ง
“เฮียขอดูอีกได้ไหม... เมื่อกี้ที่หนูแกล้งทำผ้าหลุด เฮียมองไม่ชัดเลย” เขากระซิบบอกเธอข้างหูๆ พร้อมกับใช้สองมือแทรกเข้าไปที่ชายเสื้อยืดของเธอ จริงๆ แล้วเธอก็แค่แกล้งหลับเพื่ออ่อยเขาก็เท่านั้น
“หนูคิดไว้ไม่ผิดเลยจริงๆ ค่ะ”
“หนูคิดอะไรคะ... บอกให้เฮียฟังหน่อยสิ” พลวัตเห็นเธอไม่ปฏิเสธสัมผัสของเขาก็ได้ใจ เขาถามพร้อมกับหอมต้นคอของหญิงสาว
“หนูคิดไม่ผิดเลยว่าคนหากินกับผู้หญิงอย่างเฮีย คงมีนิสัยชอบเอาเปรียบและไม่ให้เกียรติผู้หญิง เฮียคงเคยชินกับการได้ทำตามความใคร่ จนลืมไปว่าผู้หญิงทุกคน ไม่ได้ต้องการเฮียไปซะหมด... ปล่อยหนูค่ะ”
“...ได้ เฮียปล่อยก็ได้” เขาได้ยินเธอดังนั้นก็เหมือนถูกต่อยเข้าที่ท้องหลายหมัด คำพูดของเธอเหมือนมีดกรีดเขาให้เจ็บปวดในครั้งเดียว เธอปฏิเสธเขาด้วยการใช้สมองและเหตุผล ไม่ได้ปฏิเสธเขาด้วยอารมณ์เพียงอย่างเดียว และเมื่อได้จ้องมองสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจและเหยียดหยามจากเธอ ความรู้สึกในใจ มันก็ยิ่งสั่งว่าอย่าปล่อยเธอไป เด็กดื้ออย่างเธอจะต้องถูกเขาอบรมสั่งสอนสักหน่อย
ของขวัญสะดุ้งเมื่อพลวัตทำท่าเหมือนจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่กลับหอมแก้มเธอ
“หยุดนะเฮีย!” เธอใช้สองมือปิดหน้าของตัวเองที่ถูกเขาหอมสลับข้างไปมาอย่างไม่ลดละ
“เบาๆ สิ อยากให้ป้านิดขึ้นมาเห็นเฮียกับหนูในสภาพนี้เหรอ”
“ปล่อยหนูนะเฮีย”
“บอกเฮียดีๆ สิ พูดเพราะๆ กับเฮีย เฮียไม่ชอบเด็กดื้อ เห็นแล้วมันอยากจะจับก้นมาตี”
“หนูไม่ได้ดื้อ ปล่อยหนู!” เธอพยายามหลีกหนีอ้อมแขนของเขา
“เถียงไม่หยุดแบบนี้ ยังจะปฏิเสธอีกเหรอว่าไม่ได้ดื้อ”
“ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย!”
“ปล่อย!”
“เฮียไม่ปล่อย หนูปล่อยเอง!” ของขวัญรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีผลักเขาออกห่างจากตัวให้มากที่สุด หลังถูกพลวัตขโมยหอมแก้มอีกครั้ง
“หยุดทำตัวแบบนี้สักทีได้ไหม! นอกจากคุณจะไม่ให้เกียรติฉันแล้ว คุณยังทำลายเกียรติของตัวเองด้วย!” เธอต่อว่าเขาอย่างทนไม่ได้ ตั้งแต่เกิดมา เธอไม่เคยเจอผู้ชายคนไหน ทำตัวอดอยากปากแห้งเท่าพลวัต
“ลงไปเปิดประตูบ้านให้เฮีย เฮียจะกลับ” เขามองหน้าผู้หญิงที่ต่อว่าเขาด้วยคำพูดที่แสนเจ็บปวดเป็นครั้งที่สอง แถมครั้งนี้เธอเรียกเขาด้วยถ้อยคำที่แตกต่างออกไป มันฟังดูห่างเหิน ทั้งๆ ที่เขายืนอยู่ใกล้เธอเพียงแค่เอื้อมมือ
“ค่ะ!” ของขวัญตอบรับและเดินนำหน้าเขาไป เธอไม่อยากมองหน้าผู้ชายอายุเกือบสี่สิบ ที่แม้จะดูหล่อมากแค่ไหน แต่นิสัยแย่ยิ่งกว่าเด็กที่ไม่รับการสั่งสอน