“มีอะไรหรือ” พระสุรเสียงถามนั้นอ่อนโยน แววพระเนตรจับจ้องนางไมนาร่าเฉกคนคุ้นเคย
พระนมไมนาร่าขยับเข้าไปชิดตั่งไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรที่ประทับ กราบทูลแต่ค่อยเพื่อให้ได้ยินเฉพาะสองคน พระเนตรดำขลับไม่ต่างจากเจ้าชายกาเบรียนพระโอรสวาววับ พระขนงแต่งเข้มเลิกสูงแล้วขมวดเข้าหากันจนย่นยู่ ก่อนยืดพระศอตรงหันไปทางนางกำนัลหน้าห้องที่นั่งหมอบอยู่ใกล้ช่องประตู
“ไปตามมัยมูนะห์มาสิ” รับสั่งอันเป็นประกาศิตสำหรับฝ่ายในหรือวังหลังสำหรับเชื้อพระวงศ์ฝ่ายหญิงสัมฤทธิ์ผลในเวลาเพียงไม่นาน
หญิงสาววัยสิบห้าธิดาไร้ฐานันดรใดๆ ของชีคอับดุลรอชีดพระสวามีก็มานั่งหมอบอยู่บนพื้นพรมทอมือหนานุ่มเบื้องพระพักตร์
“มาดักรอกาเบรียนทำไม” รับสั่งถามห้วนสั้น จิกสายพระเนตรมองใบหน้าภายใต้ผ้าคลุม อันถือเป็นเครื่องแต่งกายสุภาพยามเข้าเฝ้าหน้าเบื้องพระพักตร์
หญิงที่ถูกถามข่มอาการทั้งปวงไว้ใต้ผ้าบางที่คลุมทั้งศีรษะและใบหน้า เว้นไว้แค่ช่องดวงตา นึกตำหนิและเคืองโกรธคนที่นำเรื่องนี้มาทูลฟ้อง และจะเป็นใครไปเสียไม่ได้นอกจากหญิงวัยกลางคน อันเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นพระนมของเจ้าชายกาเบรียน ซึ่งนั่งทำหน้าแฉล้มอยู่ไม่ไกล
ใช่แน่ มันต้องทำหน้าแบบนั้น ถึงจะมีผ้าดำบางเบาคาดอยู่ก็เถอะ มัยมูนะห์คิด
“ไม่ได้ดักรอเพคะ แค่พบกันตอนเสด็จกลับ หม่อมฉันจึงเข้าเฝ้าแสดงความยินดีในการหมั้นหมายกับเจ้าหญิง...”
“ชีคคา! บิชาเราะห์จะดำรงตำแหน่งเจ้าหญิงพระชายาในชีคกาเบรียนเมื่อทรงครองราชย์ หัดเรียกไว้ให้ชินปาก มัยมูนะห์นังลูกทาส” พระสุรเสียงเกรี้ยวกราดค้านคำพูด พร้อมประกาศย้ำในตำแหน่งที่ยังมาไม่ถึงของสายโลหิตทั้งสองของพระองค์ สายพระเนตรจิกมองร่างหมอบแทบพื้นที่คลุมผ้าโคร่ง ทรงเห็นนางไม่แตกต่างจากผ้าขี้ริ้วผืนหนึ่ง
นังลูกทาสคงหวังยั่วยวนกาเบรียน หวังยกฐานะตัวเองขึ้นเป็นสนม เป็นชายาเมื่อกาเบรียนครองราชย์ เพื่อหนีชีวิตต้อยต่ำถูกกดขี่เหมือนแม่ของมัน แน่นอนถ้ามัยมูนะห์ถวายตัวด้วยสายเลือดครึ่งหนึ่งในกายของชีคอับดุลรอชีด มันย่อมมีตำแหน่งสนมไม่ใช่นางบำเรอไพร่เช่นแม่บังเกิดเกล้า แต่อย่าหวัง แค่นังลูกทาสจะมาอาจเอื้อมดึงลูกข้าลงต่ำไปเกลือกกลั้วด้วย ไม่มีทาง
นังลูกทาสตามรับสั่งส่งสายตากราดเกรี้ยวมองพรมทอมือเนื้อดี ทอลายกุหลาบสีสดใสแทบจะทะลุ นิ้วมือภายใต้แขนเสื้อยาวนั้นกำแน่น เล็บแทบจะจิกแทงฝ่ามือตนเอง แต่ไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด เพราะความเจ็บปวดนั้นหัวใจของเธอซึมซับไปหมดแล้วกับดำรัสเรียกเธอว่า ‘นังลูกทาส’ สรรพนามที่กดให้เธออยู่ใต้เบื้องพระบาทของพระองค์และของทุกคน คำที่เพิ่มช่องว่างระหว่างเธอกับพระโอรสรูปงามของพระองค์อย่างตั้งใจ
มัยมูนะห์กราบทูลอีกครั้งหลังพยายามข่มอารมณ์กรุ่นโกรธที่พลุ่งพล่านไว้ “เพคะ หม่อมฉันมาแสดงความยินดีกับชีคกาเบรียนและชีคคาบิชาเราะห์ เพราะยังไม่เคยได้แสดงความยินดีต่อทั้งสองพระองค์” ยามพูดถึงน้องร่วมบิดา มัยมูนะห์จำต้องนอบน้อมด้วยศักดิ์ที่ต่างกันลิบลับ แม้แม่ของทั้งสองจะได้ชื่อว่าเป็นเมียเท่ากัน แต่ตำแหน่งนั้นต่างกัน แม่ของเธอเป็นแค่เมียทาส แม้อยู่ในฮาเร็มยังถูกสนมด้วยกันข่มเหงรังแก ส่วนตัวเธอถึงจะได้ชื่อว่าเป็นธิดา ทว่าไม่มีศักดิ์และสิทธิ์ใดๆ ในราชวงศ์ คำว่านังลูกทาสแม้จะบ่งบอกความเป็นจริงในข้อนี้ แต่เธอไม่ต้องการ ไม่อยากได้ยิน
“แล้วหล่อนซุบซิบอะไรกับมกุฎราชกุมาร” พระนมไมนาร่าอดรนทนฟังเฉยๆ ไม่ไหว เพราะนางเห็นทุกอย่างมาตลอด เสียแต่ไม่ได้ยินบทสนทนาเท่านั้นเอง และมันก็คือสิ่งที่นางอัดอั้นตันใจเพราะความอยากรู้อยากเห็น เนื่องด้วยห่วงและหวงเจ้าชายหนุ่มน้อยที่กำลังเจริญพระชันษาขึ้นมาเป็นเจ้าชายรูปงามเรื่อยๆ
พระมเหสีปรายพระเนตรไม่พอพระทัยไปมองนางไมนาร่า ที่โพล่งคำถามทะลุกลางปล้องออกมา ก่อนหันมาคาดคั้นกับเด็กสาวอีกครั้ง “นั่นสิ สมควรตีตนเสมอหรือ”
“มิได้ซุบซิบเพคะ” มัยมูนะห์รีบปฏิเสธ เพื่อเอาตัวรอด
“โกหก ฉันเห็นเต็มสองตา” พระนมไมนาร่าขัดขึ้นอีกครั้ง “แล้วหล่อนก็ยังจับท่อนพระกรพระองค์อีก ช่างไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง อย่างนี้คงต้องกำราบเพคะ” นางไมนาร่ากราบทูลเสนอความคิดเห็นในตอนท้ายเสร็จสรรพ
ซึ่งแม้นางไม่เสนอ พระองค์ก็เตรียมจะลงอาญาหญิงสาวที่กล้ามาข้องเกี่ยวกับพระโอรสของพระองค์อยู่แล้ว ด้วยทรงคิดตลอดเวลาว่า หญิงสาวที่คู่ควรกับพระโอรสนั้นคือ เจ้าหญิงบิชาเราะห์ พระธิดาขององค์เองเท่านั้น
“เด็กๆ มาพามัยมูนะห์ไป ตบปากสิบทีฐานโกหก แล้วโบยเพื่อให้หลาบจำ”
“พระนาง!” เจ้าของเสียงละห้อยถูกนางกำนัลและทหารหญิงร่างใหญ่ผิวดำ เพราะเป็นชนเผ่าแรงงานดั้งเดิมมาพาออกไป
เสียงการลงโทษด้วยการตบปากและโบยด้วยแส้ขนหางสัตว์ชนิดหนึ่งดังฝ่าความเงียบ ทว่าไม่มีแม้เสียงเพียงนิดที่จะลอดออกมาจากปากของผู้ถูกกระทำ ให้รับรู้ถึงความเจ็บปวดและหวาดกลัว แม้ร่างสมส่วนของเด็กสาววัยสิบห้าจะสะดุ้งสุดตัวในทุกแส้ที่ฟาดลงมาบนแผ่นหลังที่เปลือยเปล่า ยามถูกเปลื้องผ้าจนล่อนจ้อนแล้วให้นอนคว่ำบนม้ายาวกับการลงทัณฑ์ของฝ่ายในแห่งชาร์มา มีเพียงมือเรียวที่กำแน่นจนชื้นเหงื่อ ส่วนน้ำตาและเสียงกรีดร้องนั้นเธอบังคับให้มันไหลย้อนและดังก้องอยู่ภายใน
แค่นี้เอง ต้องทนให้ได้มัยมูนะห์ ถ้าอยากหลุดพ้น ถ้าอยากเป็นหนึ่งต้องเก็บชีวิต น้ำตาและเสียงร้องไห้ไว้ เมื่อวันนั้นมาถึงเธอจะได้หัวเราะสุดเสียง หัวเราะดังกว่าที่พวกมันเคยหัวเราะเยาะเธอตอนนี้ มัยมูนะห์...แม่จ๋าช่วยด้วย เจ็บเหลือเกินแล้ว...แม่
เมื่อไหร่หนอการลงทัณฑ์อันแสนทรมานจะสิ้นสุดเสียที มัยมูนะห์ได้แต่ครุ่นคิด แต่ยิ่งคิดยิ่งรอ มันเหมือนแรงฟาดของแส้นั้นยิ่งกระหน่ำลงมาแรงขึ้น อย่าคิด อย่านับ เธอได้แต่เตือนสติให้ลืมเสีย อย่าจดจ่อรอคอย เพราะการคอยจะทำให้รับรู้ว่า มันนานเพียงไหนแล้วที่หลังเปล่าเปลือยของเธอถูกขนแข็งที่นำมาทำแส้นั้นบาดลึกลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า มันทั้งลงลึกในรอยเก่าและเพิ่มรอยใหม่ขึ้นเรื่อยๆ
จำไว้นังพวกขี้ข้า ข้าเป็นใหญ่เมื่อใด พวกเจ้าต้องตายสถานเดียว