ผีบนต้นไม้
หกปีผ่านไป
ณไร่ภูวิณอันกว้างใหญ่หลายร้อยไร่ของชายหนุ่มชื่อเดียวกับไร่ ปลูกพืชทางเกษตรครบวงจร รวมทั้งผลไม้นานาชนิด ภายในไร่ยังมีรีสอร์ตหรูสำหรับนักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ ใกล้ชิดป่าเขา แม่น้ำ หากอยากชมน้ำตกก็อยู่ไม่ไกลจากรีสอร์ต
เจ้าของไร่ในวัย 30 รูปร่างหน้าตาดี เป็นที่หมายปองของสาวๆ ทั้งสาวน้อย สาวใหญ่ และวัยกำลังดี คือยี่สิบกลางๆ ซึ่งอันหลังนี้เป็นวัยที่โปรดปรานของภูวิณ
ในวันสุดสัปดาห์เขามักจะใช้เวลากับสาวๆ เพื่อผ่อนคลาย
วันนี้เขาจึงนัดหญิงสาวนามมะลิมาค้างคืนด้วย แม้เจ้าตัวจะยังไม่กลับจากธุระในเมือง แต่มะลิก็มารอที่ห้องนอนในบ้านพักหลังใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านไม้สักทั้งหลังสองชั้น สไตล์คันทรีตามแบบฉบับชาวไร่ที่มีอันจะกิน
เพราะพื้นพี่กว้างใหญ่ จึงมีบ้านพักคนรับใช้อยู่ด้านหลังไกลออกไป ที่อยู่ใกล้เรือนใหญ่มากที่สุดก็คือเรือนหลังเล็ก ซึ่งเคยเป็นที่พักอาศัยของมารดา ตอนนี้ก็มีอรองค์กับศรีนวลและลูกชายพักอยู่ด้วย ตัวบ้านใหญ่ไม่มีกำแพง เพราะอยู่ในอาณาเขตของไร่
เจ้าของบ้านชอบต้นไม้ บ้านจึงถูกล้อมด้วยไม้ยืนต้น และไม้ประดับให้ความร่มรื่น ไม่เว้นแม้กระทั่งด้านที่อยู่ใกล้ห้องนอน มีต้นไม้ใหญ่อายุเกือบร้อยปี แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาในยามกลางวัน ทว่ากลางคืนก็แผ่เงาทะมึนไหวกิ่งใบไหวลู่ตามแรงลม เป็นเงาทาบทับลงบนหน้าต่างห้องนอนที่ปิดไว้เพียงม่านสีขาวชั้นใน ส่วนม่านทึบชั้นสองนั้นรูดเปิดไว้
ข้างนอกลมแรงจนเกิดเสียงใบไม้ส่าย หญิงสาวที่นอนเล่นโทรศัพท์เพื่อรอเจ้าของบ้านจึงลุกขึ้น เพื่อจะปิดม่านชั้นสอง พอเดินออกไปจะดึงม่านก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเคาะกระจก เธอสะดุ้งเล็กน้อย แล้วชะโงกหน้าไปมองนอกหน้าต่าง ซึ่งมีเพียงแสงจากดวงไฟโซล่าเซลล์ ซึ่งวันนี้อาจเพราะเมฆครึ้มทั้งวัน ทำให้แสงสว่างนั้นอ่อนแสงลง และมีผลทำให้มะลิมองเธอภาพเบื้องหน้าไม่ชัดเจนนัก
ทว่าภาพตรงหน้านั้นทำให้เธอร้องกรี๊ด ก่อนกระโดดไปนอนบนเตียง หยิบผ้าห่มมาคลุมโปง ทว่าภาพผู้หญิงผมยาวในชุดสีขาว ผมยาวปิดหน้าปิดตานั่งแกว่งเท้าบนต้นไม้ใหญ่ริมหน้าต่างยังติดตา
“คุณพระคุณเจ้าช่วยมะลิด้วย ฮือๆ” เธอภาวนาภายใต้ผ้านวม น้ำตาไหลเพราะความกลัว สติกำลังกระเจิงเมื่อได้ยินเสียงเคาะกระจกไม่หยุด
มืออันสั่นเทานั้นรีบกดโทรศัพท์หาเจ้าของบ้าน
[ว่าไงครับมะลิ ผมกำลังจะกลับพอดี]
“มะลิกลัวค่ะคุณวิณ ฮือๆ ช่วยมะลิด้วย” หญิงสาวบอกเสียงสั่นเครือ ก่อนปล่อยโฮ
[กลัวอะไรมะลิ มีใครทำอะไรมะลิเหรอ!]
“ผีค่ะ มะลิเห็นผีบนต้นไม้ มะลิจะกลับบ้าน ไม่อยู่แล้ว ฮือๆ”
[ผีที่ไหนมะลิ บ้านผมไม่มีผีนะครับ]
“แต่มะลิเห็น และตอนนี้มันก็เคาะกระจกหน้าต่างไม่หยุด มะลิอยากกลับบ้าน ฮือๆ”
[ใจเย็นมะลิผมกำลังจะกลับ]
“มะลิรอไม่ไหวแล้ว ฮือๆ มะลิจะกลับบ้าน!” พูดจบหญิงสาวก็สะบัดผ้านวมออกจากร่าง แล้ววิ่งออกจากห้อง ตรงไปยังบันได แต่เพราะความลนลานทำให้ตกบันไดถึงสามขั้นก่อนถึงพื้น แขนขาถลอก แต่เจ้าตัวก็ไม่สน พอลุกขึ้นได้ก็วิ่งไปที่รถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
ทำให้สุชาติ คนรับใช้ส่วนตัวของภูวิณที่เดินมาเพื่อจะเอาเครื่องดื่มไปส่งให้บนเรือนตามคำสั่งนาย นึกแปลกใจ
เพราะปกติสามทุ่ม คนรับใช้ทุกคนต้องกลับเรือนพักคนงาน โดยเฉพาะวันหยุด เพื่อให้เจ้านายได้ใช้เวลากับหญิงสาวที่นัดไว้ได้ตามสะดวก
แต่คืนนี้มะลิ สาวสวยร่างอวบอัดที่เจ้านายโปรดปรานเพราะเรียกมาหาบ่อยที่สุดได้วิ่งหนีกระเจิงขึ้นรถ ขับออกจากไร่ไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมมะลิทำหน้าเหมือนเห็นผี”
ก่อนจะงงไปกว่าเดิม โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น ก็ไม่ใช่ใครอื่น เจ้านายของเขานั่นเอง
“นายครับ คุณมะลิวิ่งกระเจิงขึ้นรถกลับไปแล้ว” สุชาติรายงานเจ้านายทันที
[มะลิบอกเห็นผีบนต้นไม้ข้างห้องนอน]
“ผีเหรอครับนาย!”
[ใช่]
“เป็นไปไม่ได้ครับนาย ผมอยู่ที่นี่ตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยเห็นผีเลย”
[ก็นั่นแหละ มันไม่ใช่ผีน่ะสิ มึงไปดูที่ต้นไม้เดี๋ยวนี้เลย!]
“แต่ว่านายครับ คือ...” แม้ปากจะบอกว่าตั้งแต่อยู่มาไม่เคยเจอผี แต่พอจะให้ไปดู กลับลังเล
[กูบอกให้มึงไปเดี๋ยวนี้! ถ้ามึงช้า กูจะให้มึงไปนอนบนต้นไม้คืนนี้]
“ครับนาย!”
สุชาติรีบวิ่งไปยังข้างบ้านทันที ตรงต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามหน้าต่างห้องนอนผู้เป็นนาย แม้ภายในบริเวณนั้นจะมีแสงสลัวจากแสงไฟโซลาเซลล์ แต่เขาก็ได้เห็นบางสิ่ง ที่มะลิบอกว่าเป็นผีอย่างชัดเจน
และผีตนนั้นกำลังปีนลงจากต้นไม้อย่างทุลักทุเล โดยมีลูกน้องยืนเอาหลังไว้รอรับร่างเล็กที่ผอมบาง แต่เพราะชุดกระโปรงขาวยาวเกือบจะถึงข้อเท้า รวมทั้งผมที่ยาวถึงกลางหลัง ปิดหน้าปิดตาจนมองอะไรไม่เห็น กว่าจะลงมาถึงจุดที่สามารถเหยียบหลังเพื่อกระโดดลงมาได้ก็ใช้เวลานาน ซึ่งสุชาติก็หยิบโทรศัพท์มาถ่ายคลิปเป็นหลักฐานไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อรอให้เจ้านายตัดสินโทษในครั้งนี้
“โอ๊ย!”
เจ้าผีตัวร้ายถึงกับร้องด้วยความเจ็บปวด เมื่อกระโดดลงมาจากหลังของลูกน้อง แล้วผิดท่า ข้อเท้าอาจจะพลิกหรือเคล็ด
“ลูกพี่เป็นไงบ้าง!”
“เจ็บน่ะสิ!”
“เดินไหวไหม”
“สงสัยจะไม่ไหว”
“งั้นขี่หลังผม เพราะเราต้องรีบไปจากตรงนี้ ก่อนที่นายจะกลับมา” น้ำเสียงผู้เป็นลูกน้องเร่งเร้า
“งั้นพี่อั้ต ก็รีบมาพยุงเอิงก่อน” เจ้าตัวออกคำสั่ง
เด็กหนุ่มวัยสิบเจ็ด รีบทำตามคำสั่ง พยุงหัวหน้าที่มีอายุน้อยกว่าสองปีด้วยท่าทีกระตือรือร้น แต่พอนั่งย่อตัวหันหลังให้อีกฝ่ายขึ้นขี่ เขาก็เห็นใครบางคนส่งยิ้มให้ พร้อมยกมือถือให้ดู
“น้าชาติ!” ทั้งหัวหน้าและลูกน้องก็ร้องเรียกชื่ออีกคนพร้อมกัน
“เออ กูเอง พวกเอ็งสองคนเสร็จแน่!”
:::::::::::::::::