ไอ้คนหน้าเหี้ยมตัวสูงใหญ่ หันมามองหน้าวรรณรวีที่นั่งตัวสั่นในรถ ชี้มือมาทางหญิงสาว
“นั่นแฟนแกใช่ไหม ได้ข่าวว่าเป็นดารานี่ เสี่ยกวงเขาชอบดารานางแบบ เคยเลี้ยงไว้หลายคน ถ้าแกมมีจ่ายก็เอาแฟนแกมาขัดดอกไว้ก่อนก็ได้นะ เผลอๆ เสี่ยติดใจ อาจยกหนี้ให้ก็ได้นะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
พวกนักเลงทวงหนี้ที่เหลือพากันประสานเสียงหัวเราะกับลูกพี่ของมัน ทำเอาวรรณรวีกลัวจนตัวสั่น มองไปที่พงศ์พลชายหนุ่มกำหมัดแน่นสีหน้าเครียดจัด
“ฉันกำลังจะหาเงินมาใช้ให้ ขอเวลาอีกอาทิตย์เดียวได้ไหม บอกเสี่ยกวงว่าฉันจะคืนให้แน่ๆ”
พงศ์พลพยายามต่อรองยืดเวลาชำระหนี้ออกไป แต่คนฟังเหมือนไม่สนใจ
“ถ้างั้นฉันก็ขอแฟนแกไปขัดดอกให้เสี่ยในช่วงเวลาที่แกกำลังหาเงินแล้วกันนะ เฮ้ยไอ้หมึกไปเอาตัวผู้หญิงมา!”
ลูกน้องหน้าคล้ำผิวดำเหมือนชื่อ เดินเข้าไปเปิดประตูรถแล้วกระชากร่างที่อยู่ข้างในออกมา วรรณ๊รวีแทบกลั้นใจตายเมื่อถูกมันลากพาไปยังรถกระบะคันนั้น แต่ทันใดนั้นเอง พงศ์พลก็เข้ามาแย่งตัวเธอคืน แต่น้ำน้อยหรือจะสู้กองไฟคนๆ เดียวถูกชายร่างใหญ่สี่คนรุมสกรัมนอนจมกองเลือด ท่ามสายฝนที่โปรยลงมาอย่างหนัก
นาทีนั้นวรรณรวีเหมือนหัวใจจะขาดรอนๆ เธอช่วยแฟนหนุ่มไม่ได้ ไม่พอยังช่วยเหลือตัวเองไม่ไหว ถูกพวกคนชั่วลากตัวไปหมายจะพาตัวไปขัดดอกให้เสี่ยเจ้าของบ่อนตามที่ขู่ แต่ฟ้ายังปรานีเมื่อทัศนัยพร้อมคนของเขานับสิบปรากฎตัวขึ้นขัดขวางไว้ทัน
“ไปบอกเสี่ยกวงด้วยว่าผู้หญิงคนนี้ฉันขอ ส่วนหนี้สินของไอ้พลฉันจะไปเคลียร์ทีหลัง”
คำพูดประโยคเดียว ทำให้ลูกน้องของเสี่ยกวงยอมล่าถอย
“พาไอ้พลไปส่งโรงพยาบาล” ทัศนัยบอกลูกน้อง แล้วดึงแขนหญิงสาวให้ลุกขึ้น “ส่วนเธอตามฉันมานี่ เรามีเรื่องต้องตกลงกัน”วรรณรวียอมตามทัศนัยกลับมายังบ้านของอีกฝ่ายอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง เธอเหมือนคนถูกดึงวิญญาณออกจากร่างหลังจากเห็นคนรักถูกซ้อมปางตายต่อหน้า หญิงสาวถูกพาขึ้นไปยังห้องนอนของเจ้าของบ้านบนชั้นสอง ภายนอกฝนยังเทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ร่างบางตัวสั่นเทาหนาวกายจากเสื้อผ้าเปียกปอน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะจากความกลัวและความกดดันภายใน
“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เปียกไปทั้งตัวแบบนี้เดี๋ยวจะเป็นไข้”
เจ้าของบ้านหยิบชุดนอนของภรรยาโยนให้พร้อมผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ ชี้มือไปทางประตูห้องน้ำ วรรณรวีเดินเหมือนคนไร้วิญญาณเข้าไปอาบน้ำชำระร่างกายตามที่เขาบอก เธอมึนงงเบลอจนไม่เป็นตัวของตัวเอง ใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงก็ออกมาในชุดนอนบางเบาแนบเนื้อ
“พี่พลเป็นยังไงบ้างคะ”
“ยังไม่ตาย”
ทัศนัยที่นั่งรออยู่บนเก้าอี้ข้างเตียง กวาดตามองร่างขาวผ่องด้วยประกายตาวาววาม วรรณรวีแก้มร้อนผ่าวเริ่มรู้สึกตัว เธอพยายามรวบรวมสติให้กลับคืนจากอาการช็อกที่ได้เห็นคนรักถูกรุมทำร้าย หญิงสาวพาตัวเองนั่งลงที่ขอบเตียง
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยพี่พลไว้” เธอพนมมือไหว้เขา
“ฉันช่วยแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้นหละ ครั้งต่อไปฉันไม่รับรองว่าแฟนเธอจะปลอดภัย”
ทัศนัยยกไหล่เหมือนไม่สนใจนัก แต่สายตาลอบจับสังเกตสีหน้าของหญิงสาวตลอดเวลา
“พี่พลเป็นพนักงานในบริษัทของคุณนะคะ”
วรรณรวีเริ่มร้อนใจ มองหาทางรอดให้แฟนหนุ่ม พอสบสายตาของอีกฝ่ายเธอก็ต้องเบือนหน้าหนี ตัวสั่นเมื่อเห็นประกายตาของเขาบ่งบอกอะไรบางอย่างในนั้น
“แล้วไง ฉันต้องลงไปช่วยทุกคนด้วยหรือ ฉันไม่ใช่พ่อพระนะ”
“ฉันขอให้คุณช่วยพี่พลได้ไหมคะ”
ทัศนัยเหมือนฟางเส้นสุดท้ายในชีวิต ที่วรรณรวีจะเกาะเกี่ยวไว้ได้ เขามีอำนาจมีเงินมากมาย ดูจากเมื่อครู่ที่สามารถช่วยพงศ์พลให้รอดพ้นจากลูกน้องของเสี่ยกวงได้ แค่เขายอมช่วยพงศ์พลก็มีสิทธิ์รอด
แต่... เขาต้องการข้อแลกเปลี่ยน
“ถ้าฉันช่วย เธอจะยอมรับข้อเสนอไหมล่ะ”
ทัศนัยมองหน้าเธอนิ่ง อย่างต้องการคำตอบในทันที คำตอบที่เขารอคอยอย่างใจเต้น
วรรณรวีหันมาสบตาเขา “ฉันตกลง ฉันยอมทุกอย่างที่คุณต้องการ ขอเพียงคุณช่วยพี่พล” เธอสูดหายใจเข้าปอดแรงๆ เรียกกำลังใจให้เข้มแข็ง
“ดีมาก พูดง่ายๆ แบบนี้ตั้งแต่ตอนแรก ก็ไม่ต้องเจอเรื่องแย่ๆ แบบตอนนี้”
คำตอบของเธอเรียกรอยยิ้มจากเขา มือหนายกขึ้นลูบไรเคราของตัวเอง มองใบหน้างามของนางเอกสาวคนสวยไปพลาง อะไรๆ เหมือนจะดูง่ายเมื่อเธอจนตรอกแบบนี้ เขานึกถึงแฟนหนุ่มของอีกฝ่ายแล้วเหยียดยิ้มหยัน พงศ์พลช่างโชคดีเสียจริงมีผู้หญิงที่รักตัวเองมากขนาดนี้ เขานิ่งฟังเธอพูดอ้อนวอนเขาอย่างใจเย็น
“ขอเพียงคุณรับปากว่าจะช่วยพี่พล ฉันยอมเป็นแม่อุ้มบุญให้คุณก็ได้”
คิ้วดกหนาของทัศนัยยกขึ้นสูง เขากดยิ้มร้ายขณะมองใบหน้าของว่าที่แม่ของลูกด้วยสายตาที่หญิงสาวต้องเมินหน้าหลบ
“เธอตกลงใช่ไหม ดี ถ้าอย่างนั้นช่วยเซ็นสัญญานี่ก่อน”
เขาลุกขึ้นเดินไปหยิบเอกสารที่เตรียมไว้ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งมาส่งให้วรรณรวี หญิงสาวก้มลงทำท่าจะอ่านรายละเอียด แต่ถูกเขาเอาปากกายื่นส่งให้