หลังจากที่เธอโทรศัพท์ไปบอกที่บ้านว่าไม่กลับบ้านจะค้างกับเพื่อนท่านก็โอเคไม่ว่าอะไรเพราะเห็นว่าพอแล้วที่จะมีชีวิตเป็นของตัวเอง หนูเล็กถือโทรศัพท์กลับมาในห้องนอนวางไว้ในกระเป๋าก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียง
“เรียบร้อยใช่มั้ย”
“ค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยออกมาเสียงเบาก่อนจะขยับเข้าไปนอนบนเตียงดึงผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ก่อนจะมองสบตาชายหนุ่มที่ตอนนี้จ้องหน้าเธออยู่เช่นกัน
“ไม่นอนเหรอคะ”
“ไม่ง่วงละรอเธอนาน ทำอย่างอื่นดีกว่า”
เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ดึงเธอมาอยู่ในอ้อมกอด ริมฝีปากหนาลากไล้ซุกไซ้ตามซอกคออย่างกระหาย หนูเล็กเบี่ยงตัวหนีเพราะถ้าเขาทำอีกเธอรับไม่ไหวแล้ว
“หนูเจ็บค่ะทำไม่ได้แล้ว”
“เจ็บอะไรฉันทำไม่กี่รอบเอง”
เขามองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ ก็รู้ว่าเป็นครั้งแรกแต่เขาก็ไม่ได้ทำรุนแรงซะหน่อยอะไรมันจะขนาดนั้น หญิงสาวทำหน้าสลดลงเหมือนว่ากำลังอดทนเจ็บอยู่นั่นทำให้เขาไม่กล้าทำอีก
“ไหนดูสิมันเจ็บตรงไหน”
“อย่าดูนะคะ”
เธอรีบร้องห้ามทันทีเพราะเขากำลังจะถอดชุดคลุมเธอออกเพื่อดูจุดซ่อนเร้น เขามองหน้าหญิงสาวอย่างกดดันนั่นทำให้เธอต้องยอมปล่อยมือ
“ก็แค่เนี่ย”
เขาอุ้มเธอขึ้นมานอนตรงหน้าเปิดดูตรงร่องสาวของเธอปรากฎว่าแดงเถือกเหมือนจะระบมด้วย
“ทำไมบอบบางแบบนี้อ่ะ น่ารำคาญชะมัด”
เขาสบถออกมาอย่างหงุดหงิดก่อนจะสวมชุดคลุมให้เธอตามเดิมจากนั้นก็นอนลงบนเตียงแล้วดึงหญิงสาวมาสวมกอดไม่ลืมที่จะปิดไฟด้วย
“นอนซะพรุ่งนี้ไปทำงานอยู่ใช่มั้ย”
“ค่ะ”
“งั้นก็นอนได้แล้ว”
หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะมุดใบหน้าเข้าไปหาไออุ่นจากอ้อมกอดของเขา เธอเป็นคนขี้หนาวมากและดูเหมือนว่าเขาจะขี้ร้อนเพราะเปิดอุณหภูมิได้เย็นที่สุด เธอดิ้นไปมาทำให้เขาเองนอนไม่ได้
“ดิ้นทำไมเนี่ยฉันนอนไม่ได้”
“ก็หนูหนาวนี่คะ คุณจะเปิดแอร์หนาวอะไรขนาดนั้น”
“แล้วทำไมไม่บอกล่ะ เฮ้อ!”
เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะลุกขึ้นไปปรับอุณหภูมิให้เป็นปกติจากนั้นก็มานอนตามเดิมแต่คราวนี้เลือกที่จะไม่ห่มผ้าเพราะอากาศคือร้อนสำหรับเขาแต่ดูเหมือนว่าคนข้างกายจะนอนสบายขึ้น เธอยิ้มออกมาอย่างสบายใจก่อนจะหลับตาลงเพียงแค่แป๊บเดียวก็หลับไปคงจะล้าไปทั้งตัว ภวินเท้าคางมองเธอก่อนจะยื่นมือไปเกลี่ยผมที่เกะกะใบหน้าให้
“ฝันดีแล้วกัน…”
วันต่อมา…
หญิงสาวตื่นนอนแต่เช้าเปลี่ยนชุดเดิมเมื่อวานที่มันเปียกแต่โชคดีที่แม่บ้านเอาไปซักให้เธอจึงใส่กลับบ้านได้
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“ยินดีครับคุณหนู”
เธอเอ่ยขอบคุณคนขับรถที่บ้านของคุณภวินก่อนจะรีบเข้าไปในบ้านเพื่ออาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย จากนั้นก็มาทานข้าวพร้อมกับครอบครัวเพื่อเตรียมตัวไปทำงานต่อ ทางด้านของภวินเขาตื่นนอนก็ไม่เจอหญิงสาวแล้ว และผู้ช่วยโทรศัพท์มาบอกว่าวันนี้ที่บริษัทของคุณดาพงศ์จะประชุมประจำปีแล้วให้หุ้นส่วนเข้าร่วมรับฟังด้วย ตอนแรกก็ไม่สนใจจะไปหรอกแต่ผู้หญิงบางคนหนีกลับบ้านโดยไม่บอกไม่กล่าวก็คงต้องไปตักเตือนกันหน่อย
หนูเล็กมาถึงที่ทำงานก็สะบัดหน้าไล่ความรู้สึกที่เธอเจอมาเมื่อคืนออกไป ต้องทำตัวให้เป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะไม่อย่างนั้นจะมีคนสงสัยได้ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่น่าบอกใครออกจะน่าอับอายด้วยซ้ำ
“วันนี้มีประชุมประจำปีนะคะคุณหนูเล็ก ท่านประธานอยากให้คุณหนูเข้าร่วมค่ะประมาณสิบโมงเช้าค่ะ”
“โอเคค่ะงั้นขอหนูเล็กไปหากาแฟดื่มข้างล่างก่อน ยังไงเดี๋ยวตามไปนะคะ”
เธอบอกพี่เลขาก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างซื้อกาแฟแก้วหนึ่งมาดื่มให้หายง่วง เมื่อคืนเธอนอนไม่ค่อยหลับเพราะเขานั่นแหละที่คลอเคลียเธอไม่หยุดก็เลยนอนลำบาก หญิงสาวถือแก้วกาแฟเตรียมจะเดินขึ้นลิฟต์ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเจอคุณภวินยืนอยู่
“จะไปมั้ย”
“ไปค่ะๆ”
เธอตอบรับก่อนจะรีบเดินเข้าไปข้างในลิฟต์ หนูเล็กถือแก้วกาแฟมองไปทางอื่นไม่ได้สนใจชายหนุ่มและเมื่อประตูลิฟต์เธอรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้อนรับแขกหน่อยเหรอไง ใจคอจะเดินไปแบบนี้เลยเหรอฉันเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทเธอนะ”
เขาพูดเสียงเรียบแต่ในความเงียบจึงทำให้เธอได้ยินทุกอย่างและเลือกที่จะหยุดเดินแล้วหันไปมองเขา
“คุณมาหาหนูเหรอคะ”
“ใครมาหาเธอไม่ทราบ ฉันมาประชุมเฉยๆหรอกใครจะไปอยากมาหาเธอล่ะ”
เขาเอ่ยออกมาอย่างร้อนตัวก่อนจะเอ่ยเสียงแข็งใส่ ก็แค่อยากจะมาสั่งสอนคนนิดหน่อยว่าการที่มาโดยไม่บอกไม่กล่าวมันไม่ดีมากๆ หนูเล็กเงียบไปสักพักก่อนจะยิ้มออกมา
“ถ้างั้นเชิญที่ห้องรับแขกค่ะ คุณเป็นหุ้นส่วนใหญ่ควรจะให้คุณพ่อมาให้การต้อนรับจะสมเกียรติกว่า งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะเดี๋ยวจะให้เลขาเอาของว่างมาเสิร์ฟ”
เธอพูดจบก็เดินหันหลังออกไปทันที ภวินรู้สึกไม่พอใจที่หญิงสาวประชดประชันเขาแบบนั้นจึงเดินตามไปหาเรื่องเธอถึงในห้องทำงาน
“เธออย่ามาอวดเก่งกับฉันนะ”
“จะตามมาทำไมคะ เป็นหุ้นส่วนใหญ่มาประชุมก็ไปพักผ่อนที่ห้องรับแขกจะดีกว่าค่ะ”
“อยากโดนดีหรือไง”
เขาขยับเข้าไปใกล้หญิงสาวก่อนจะจูบริมฝีปากบางอย่างระบายอารมณ์ หนูเล็กยืนนิ่งปล่อยให้เขารังแกเพราะยิ่งดิ้นหรือขัดขืนก็เท่ากับว่าไปยั่วโมโหเขาเพิ่มอีก และเหมือนว่าเขาจะได้สติหยุดชะงักไปก่อนจะจ้องหน้าเธออย่างเอาเรื่อง
“เธอกวนประสาทฉันเหรอ”
“หนูเปล่าทำนะคะ”
“เธอนี่มัน!”
เขากำมือแน่นอย่างหงุดหงิดแต่ไม่กล้าทำอะไรผู้หญิงตรงหน้าเพราะคนอย่างเขาถูกสอนมาไม่ให้ใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงหรือกับใคร และถ้าเขาโกรธมากๆก็จะกำมือตัวเองไว้แน่นจนดีขึ้นถึงจะคลายออก
“มาหาหนูเพราะว่าตอนที่ตื่นไม่ได้บอกเหรอคะ”
เธอเอ่ยถามตามตรงและก็คงเป็นความจริงไม่อย่างนั้นเขาไม่นิ่งเงียบแก้ตัวไม่ออกแบบนี้หรอก เธอยื่นมือไปกุมมือชายหนุ่มเอาไว้เพื่อให้เขาใจเย็นลงแล้วมาคุยกันดีๆ
“ขอโทษค่ะเห็นคุณนอนอยู่ก็เลยไม่กล้าปลุก หนูต้องกลับบ้านมาเปลี่ยนเสื้อผ้ามาทำงานเพราะที่บ้านคุณไม่มีชุดของหนูเลย ของใช้อะไรก็ไม่มีเข้าใจใช่ไหมคะ ไม่โกรธนะ”
เธออธิบายเสียงอ่อนโยน คนแบบเขาต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบดีกว่าสาดน้ำร้อนเพราะมันไม่เป็นผลดีต่อเธอแน่นอน ส่วนเรื่องที่เธอแค้นเขาแน่นอนว่ามันมีอยู่แล้วแต่ถ้าเขาทำดีกับเธอไม่ข่มขู่ไม่ร้ายใส่เธอยังพอให้อภัยได้ ภวินเห็นการกระทำอันแสนอ่อนโยนของเธอก็ใจอ่อนยวบยาบอารมณ์พาลหงุดหงิดก็หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเจอลูกอ้อนแบบนี้
“ก็ไม่ได้โกรธซะหน่อย ไม่มีเสื้อผ้าของใช้ก็บอกสิเดี๋ยวประชุมเสร็จจะพาไปช็อปปิ้งที่ห้าง เอาไปไว้ที่บ้านจะได้ไม่ต้องมาบ่นว่าไม่มีของของตัวเอง”
เขาเอ่ยออกมาเสียงเบาก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทางไม่สบตาเพราะยังปรับอารมณ์ไม่ถูก หนูเล็กยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงสดใส
“ค่ะ แต่ว่าคุณขออนุญาตคุณพ่อให้หน่อยนะคะ”
“ทำไมไม่ขอเองล่ะ”
“ก็ถ้าคุณไม่ขอให้งั้นหนูก็ไปไม่ได้นะคะ แล้วแต่เลยนะ”
เธอหันไปหยิบเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ในห้องประชุมก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงหวาน
“ไปห้องประชุมเถอะค่ะคงใกล้เริ่มแล้ว”
เธอเดินผ่านเขาไปอย่างไม่สนใจ ภวินมองตามหญิงสาวไปก่อนจะมองเธออย่างเหลือเชื่อ
“เดี๋ยวนี้เธอกล้าถึงขั้นออกคำสั่งและต่อรองกับฉันแล้วเหรอ… คิดว่าคนอย่างฉันจะยอมเหรอไง เหอะ!