“ถ้าไม่โดนลงโทษเสียบ้างเธอคงไม่สำนึก”
“...” เนื้อทองเหลือบมองสีหน้าถมึงทึงแล้วใจหายวาบ หล่อนเคืองพวกผู้ชายข้างหลังยิ่งนัก ที่เอาแต่เงียบเพื่อให้ความผิดตกอยู่ที่หล่อนโดยปริยาย แต่จะปริปากโต้แย้งนายแทนก็ไม่ฟังหล่อนเอาเสียเลย เขาเดินดุ่มไปหักกิ่งไม้แล้วปรี่ตรงกลับมาที่หล่อน
“นาย! อย่าตีนะ เนื้อทองเจ็บ!” เด็กหญิงหน้าซีดเผือดถอยหลังครูด
“อย่าหนีนะเด็กบ้า!!” ร่างใหญ่ตะปบจับหล่อนเอาไว้ได้ก่อนที่หล่อนจะทันวิ่งหนีไป มืออีกข้างที่จับไม้เรียวฟาดไปตามขาเพื่อลงโทษ เนื้อทองดิ้นพล่านกระโดดหลบพัลวัน ปากก็ร้องปาวไม่หยุด
ต้นและเพื่อนอีกสองคนมองภาพนั้นแล้วลอบยิ้มด้วยความสาแก่ใจ
“นาย! เนื้อทองเจ็บ ปล่อยเนื้อทองนะ!”
“คราวหลังอย่าเล่นพิเรนทร์แบบนี้อีก! ทำไมถึงซนแบบนี้!”
“นายทำไมไม่ฟังเนื้อทองบ้าง!” เด็กหญิงร้องร่ำเมื่อเขาหวดไม้เรียวใส่ไม้ยั้ง หนีก็หนีไม่ได้เพราะเขาจับมือหล่อนเสียแน่น อดไม่ได้ที่จะตัดพ้อถึงความอยุติธรรม แต่ยิ่งหล่อนขัดขืนดิ้นรน หล่อนก็ยิ่งเจ็บตัว...
“คุณแทน! เนื้อทอง! เกิดอะไรขึ้น”
“พ่อจ๋า! ช่วยเนื้อทองด้วย” เหมือนเสียงจากสวรรค์มาโปรด เนื้อทองตะโกนเรียกผู้เป็นพ่อที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาหา แทนหยุดการลงทัณฑ์หล่อน เขาหายใจหอบ ไม่รู้ว่าเพราะความโกรธหรือเพราะต้องออกแรงลงมือกับหล่อน
“พี่ปราชมาก็ดีแล้ว...ดูผลงานของลูกสาวพี่เช้านี้สิ ป่าแตงราบเป็นหน้ากลอง ให้มาทำงานแต่มันทำลาย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเข้มกับบิดาของเนื้อทอง หนุ่มใหญ่ส่ายหน้าอย่างระอากับสิ่งที่บุตรสาวทำ ทั้งที่ตนเองก็ไม่ได้เลี้ยงแบบตามใจนัก แต่เนื้อทองก็ไม่เคยอยู่ในโอวาทเลย
“พ่อ...”
“พี่จัดการเอาเองก็แล้วกัน” พูดจบแทนก็โยนไม้ในมือทิ้ง แล้วกระทืบเท้าเดินจากไปอย่างคนหัวเสีย เนื้อทองยังคงนั่งสะอื้นร้องไห้ไม่หยุด
“กลับบ้าน!! พวกเอ็งก็เหมือนกันไอ้ต้น ไอ้ภาษ ไอ้ยงกลับไปให้หมดเดี๋ยวนี้!!”
“ครับลุงปราช!!” สามหนุ่มน้อยหันหน้ามองกันเลิ่กลั่กแล้วรีบวิ่งกลับไปยังที่พักทันที เห็นเนื้อทองโดนทำโทษแล้วตนเองก็มิวายขวัญหนีดีฝ่อไม่น้อย
“พ่อจ๋า...”
“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเล่นกันขนาดนี้ห๊า! วันๆ ทำแต่เรื่องให้พ่อปวดหัว” ณปราชยกมือขึ้นกุมขมับแล้วถอนหายใจยาวๆ มองความเสียหายของป่าแตงตรงหน้าแล้วก็ไม่ได้นึกโกรธที่ลูกสาวของตนถูกทำโทษ หากแต่แอบเสียในตรงนี้ยังไม่รู้ที่มาที่ไปกันเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เนื้อทองเห็นไอ้ต้นมันขโมยหมวกของนายแทนมาเล่น ก็เลยจะเอาคืน แต่พวกมันไม่ให้...แล้วก็เป็นอย่างที่พ่อเห็นนี่แหละ” เด็กหญิงลุกขึ้นพลางเล่าเหตุการณ์ให้บิดาฟังทั้งน้ำตา น้ำเสียงยังสะอึกสะอื้นไม่หาย
“หมวกเหรอ...หมวกอะไรกัน”
“ก็หมวกคาวบอยที่พ่อเล่าให้ฟังว่าพ่อกับแม่ของนายแทนซื้อให้ตอนไปอยู่ต่างประเทศไง อันนั้นแหละ เนื้อทองจำได้ พอถามไอ้ต้นมันก็ไม่รับนะพ่อ”
“นี่เรื่องจริงเหรอ...แล้วทำไมเอ็งไม่บอกคุณแทนเล่า” ร่างใหญ่ทรุดลงเล็กน้อยตรงหน้าของบุตรสาว แล้วจับแขนข้างที่เป็นแผลพลิกดูพลางเอ่ยถาม
“บอกแล้วนี่...แต่นายไม่เชื่อ มาถึงก็หน้ามืดตีเอาตีเอา เนื้อทองเกือบตาย ดีที่พ่อมาทัน” หล่อนสูดน้ำมูกแรงๆ แต่อาการสะอื้นฮักยังคงไม่คลาย
“ถ้าพวกไอ้ต้นมันทำอย่างที่เอ็งว่าจริงๆ พ่อจะคุยกับคุณแทนเอง แต่ถ้าไม่...เอ็งจะโดนพ่อนี่แหละเฆี่ยนให้หลังลาย โทษฐานโกหกแล้วยังทำความเดือดร้อนไปหมด ไป...กลับไปกันได้แล้ว”
“พ่อนะพ่อ...มีลูกคนเดียวไม่เชื่อลูกแล้วจะไปเชื่อใครได้ พ่อก็เหมือนนายแทนนั่นแหละ เห็นอะไรเสียหายนิดๆ หน่อยๆ ก็คิดว่าเนื้อทองทำทันที เผด็จการ บ้าอำนาจ ชอบรังแกเด็กไม่มีทางสู้ แถมยังหูหนวกตาบอด บอกความจริงก็ไม่ฟัง ดุเหมือน...”
“ไอ้เนื้อทอง! หุบปากได้หรือยังเดี๋ยวข้าจะให้คุณแทนเอาขี้เถ้าอุดซะ รีบเดินไปเร็วเข้าไม่ต้องบ่น”
“คอยดูนะ...ถ้ารู้ความจริงว่าหมวกหาย เนื้อทองจะไม่ช่วยหา ไม่บอกด้วยว่าไอ้ต้นมันทำหายตรงไหน”
“เออ!”
“นายครับนาย!”
“อะไรวะไอ้ยะ กูยิ่งรีบอยู่” ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วเท้าสะเอวหันไปมองคนงานที่กำลังหอบหิ้วเอาลังใบใหญ่ตรงมาที่เขา
“ขวดเหล้านอกคุณรัชฝากมาให้ครับ ให้ผมเก็บไว้ที่ไหนดี” ยะกล่าวพร้อมหายใจหอบเหนื่อย
“ออ...เอาไปวางไว้หลังบ้านก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูค่อยบอกให้ฟักแฟงเอาไปทำความสะอาดอีกทีแล้วค่อยเก็บ” พูดจบเขาก็เดินจากไปทันที
“นายครับนาย แล้วนายจะรีบไปไหนครับนั่น”
“จะไปบ้าน!” เขาตอบแต่ไม่ได้หยุดมาสนใจคนงานหนุ่มร่างบึกบึนอีก
“คืองี้ครับ...พี่เชษฐ์ฝากมาว่าถ้าพบนายให้นายไปดูที่ท้ายไร่หน่อย แกมีเรื่องจะปรึกษาแต่หาตัวนายไม่เจอตั้งแต่เช้าแล้ว”
“...” เขาหยุด...ยกมือเท้าสะเอวอีกครั้งแล้วถอนหายใจใหญ่ วันนี้ทำไมมันดูวุ่นวายกันแต่เช้าเลยเชียว
“เรื่องด่วนครับ” ยะย้ำ
“เออๆ มึงเอาของกูไปวางไว้ก่อนแล้วรีบตามมาละกัน”
“ครับ” ยะมองตามเจ้านายตัวเองที่เปลี่ยนทิศทางเดินไปยังอีกทางเพื่อไปพบบุคคลที่เขากล่าวถึงอย่างงงๆ เขารับรู้ได้ว่าเช้านี้นายแทนดูหงุดหงิดงุ่นง่านผิดปกติ มันเกิดอะไรขึ้นกันหนอ...