คำตัดสิน (2)

1861 คำ
“ท่านผู้พิทักษ์กฏแห่งราชวงศ์เอ๋ย ผู้ร้ายตัวจริงอยู่ตรงนี่แล้ว คนผู้นี้กล่าวความเท็จหลายครั้ง ทั้งยังไม่เคารพและทำการดูหมิ่นต่อตัวแทนปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์จิ้น มิทราบว่าท่านมีความเห็นเช่นไร? อีกทั้งท่านยังจะลงโทษคนบริสุทธิ์เช่นคุณหนูหลินฮวาโดยไม่คิดสอบสวนให้รอบคอบเสียก่อน ท่านมีความละอายใจหรือไม่?” คำพูดนี้ของหลินซีแทงใจดำของผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันนัก แลเห็นหลินซีเอ่ยคำพูดแทงใจดำ ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันพลันกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ พยามข่มอารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจพลางกัดฟันกรอดขณะกล่าววาจา “พ่ะย่ะค่ะ…กระหม่อมสำนึกผิดแล้ว ทหารหลวงจับคุณชายหลินเสวี่ยนกงเอาไว้…” หลินเสวี่ยนกงที่รู้ว่าตนถูกลอยแพเสียแล้ว ก็รีบตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว “ท่านลุงๆ ไม่ใช่ข้านะ…ปล่อยข้า ไหนท่านบอกว่าจะช่วยเหลือข้าในตอนที่เข้าไป อั๊ก…” ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันซัดพลังใส่หลินเสวี่ยนกงจนสลบไสล ไอ้เด็กเวรนี้นี่…คิดจะลากข้าเข้าไปพัวพันด้วยหรืออย่างไร? “บังอาจมากที่กล้าหลอกลวงข้าที่เป็นถึงผู้พิทักกฏแห่งราชวงศ์หลานอันทรงเกียรติ ทหาร…เอาตัวคุณชายหลินเสวี่ยนกงไปคุมขังยังคุกใต้ตำหนักคุมกกฏ ข้าจะทำการสอบสวนอีกครั้ง…” ครืด ครืด ครืด เสียงไถลตัวของหลินเสวี่ยนกงที่ถูกทหารหลวงลากลงไปยังคุกใต้ตำหนักคุมกฏดังเป็นระยะ ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันหลังจากลากตัวปัญหาออกไปได้แล้ว ก็หันมาโค้งคำนับหลินซีอีกรอบ เพื่อหวังจบเรื่องนี้ “กระหม่อมขออภัยในฐานะตัวแทนราชวงศ์หลาน ที่ทำให้ผู้แทนองค์ปฐมจักรพรรดิจะต้องมาสอบสวนด้วยตนเองเช่นนี้…” หลินซีมองไปที่ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันด้วยสายตาเย็นชาประดุจทุ่งน้ำแข็ง บรรยากาศทั่วทั้งตำหนักหนาวเย็นอย่างฉับพลัน ซุ่มเสียงเย็นเยือกไร้ซึ่งอารมณ์ถูกเปล่งวาจาขึ้น “เราดีใจที่ท่านผู้พิทักษ์กฏรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป ทว่าว่าเรื่องในครั้งนี้มันเกี่ยวพันกับชื่อของเมืองหย่งเฉินอันภาคภูมิ มันทำให้เรา…” หลินซีกวาดตามองผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันด้วยสายตาเยือกเย็น นิ้วเรียวลูบไปมาบริเวณพนักบัลลังก์ ปัง! พนักบังลังก์แหลกละเอียด จากการทุบเพียงครั้งเดียวของหลินซี ทุกคนในโถงตำหนักคุมกฏสูดหายใจเฮือกใหญ่ “โกรธสุดๆ ไปเลยล่ะ…” “ถะ…ถ้าอย่างนั้น มีอะไรที่จะให้กระหม่อมชดเชย ก็พูดมาได้เลยพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียงอย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปก็พอ…” ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันตัวสั่นผงกด้วยสีหน้าท่าทางวิตกกังวลอย่างสุดขีด ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปยังสาธารณชน เขาย่อมโดนไตร่สวนโดยราชวงศ์และมหาปุโรหิตแน่ “ฮืม มีอะไรมาเป็นหลักประกันให้เรากันเล่า…” หลินซีฉีกยิ้มกว้างท่าทางของนางตอนนี้คับคล้ายคับคลาแม่ค้าจอมขูดรีดก็มิปาน ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันพลันชะงักอีกครา นางเด็กสุนัขจิ้งจอกนี่! เขาสบถด่าหลินซีอยู่ในใจ พลางถอดแหวนเทวาออกจากนิ้วมือของตนพลันยื่นให้หลินซีช้าๆ ด้วยใบหน้าเสียดาย “กระหม่อมขอคืนแหวนวงนี้ให้แก่ท่าน…เพื่อเป็นหลักประกัน” หลินซีรับแหวนเทวาจากผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับดูเจ้าเล่ห์พิกลนัก “แต่เดิมแหวนวงนี้เป็นของตระกูลหลินอยู่แล้ว ฉะนั้นสิ่งนี้ไม่ถือว่าเป็นหลักประกัน…” ผู้พิทักษ์กฏถึงกับปากอ้าตาค้างให้กับเล่ห์เหลี่ยมของหลินซี เขาคิดว่าเพียงแค่แหวนนี้ก็จะพอที่เป็นหลักประกันได้แล้ว ทว่าผิดจากที่เขาคาดเอาไว้ไปไกลนัก มีหรือคนอย่างองค์หญิงไฉ่หลินที่เคยเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ในชาติก่อน จะยอมเสียเปรียบในการเจรจากับฝ่ายตรงข้าม ไม่มีทางอย่างเด็ดขาด! “ทะ…ท่านต้องการอะไร โปรดเอ่ยออกมา…หากกระหม่อมมอบให้ได้ ก็จะมอบให้” ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันกล่าวเสียงตะกุกตะกัก เขารู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่ต่อกรเด็กสาวตรงหน้าในด้านปัญญา ดังนั้นจึงเลือกที่จะยอมแพ้แต่โดยดี หลินซีเผยรอยยิ้มกว้าง ดวงเนตรสีทองกวาดมองร่างของผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันอยู่หลายครั้ง ทว่าสิ่งที่สะดุดตานางมากที่สุดเห็นจะเป็นกระบี่สีขาวดั่งไข่มุกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของชายชรา กระบี่เล่มนั้น…ภายนอกอาจจะดูเป็นกระบี่ธรรมดาสามัญทั่วไป ทว่าหลินซีที่เป็นยอดฝีมือกระบี่ในชาติก่อน เพียงแค่ปรายตามองแวบเดียว ก็รู้ได้ทันทีว่ากระบี่เล่มนั้น…คือกระบี่ชั้นเลิศ เทพแห่งเมตตาช่างโปรดข้านัก…ท่านจงใจให้ตาเฒ่านั้นมอบกระบี่ให้ข้าใช่หรือไม่! อา…ขอรับว่าด้วยความยินดี “ข้าเป็นมือกระบี่ธรรมดาสามัญคนหนึ่ง มิทราบว่าผู้พิทักษ์กฏจะยินดีมอบกระบี่เล่มนั้น…ให้ข้าได้หรือไม่?” หลินซีเปล่งวาจาอ่อนโยนพลางชี้ไปยังประบี่สีขาวดั่งไข่มุกที่เหน็บอยู่ข้างเอวของผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลัน ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันชะงักค้าง นางเด็กจิ้งจอกนี้…ต้องการกระบี่วายุโปรยปรายของข้า บัดซบสิ้นดี! แลเห็นสีหน้าเขียวคล้ำของผู้พิทักษ์จิ้งหลัน หลินซีพลันเอ่ยอีกครั้งด้วยวาจาแข็งกร้าวทว่าก็แฝงความเจ้าเล่ห์ดั่งจิ้งจอกสาวรวมอยู่ในคำกล่าว “หากท่านไม่ยินดี…เราก็จะไม่บังคับฝืนใจ ทว่าหากเราออกไปจากตำหนักคุมกฏแล้ว อาจเผลอพลั้งปากพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ก็ได้นะ…” เมื่อหลินซีเอ่ยเช่นนี้มีหรือที่ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันจะไม่ยินยอม เขาเดินไปมอบกระบี่วายุโปรยปรายของตนให้แก่หลินซีด้วยใบหน้าแดงก่ำดุจตูดลิง ฝากไว้ก่อนเถอะ…นางเด็กจิ้งจอก! สักวันข้าจะเอาคืนเจ้าทั้งต้นและดอก “เห็นแก่ท่านซึ่งเป็นตัวแทนราชวงศ์ เรื่องราวที่ผิดพลาดในวันนี้ ห้ามผู้ใดแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด…” หลินซีประกาศเสียงดังก้องไปทั่วทั้งโถงตำหนัก เราประกาศออกไปแล้วนะตาเฒ่า…แต่ถ้ามีคนกล้าแพร่งพรายก็ไม่เกี่ยวกับเราล่ะนะ ฮ่าๆ จากนั้นหลินซีหันไปทางหลินฮวาพลางส่งยิ้มให้เล็กน้อย อย่างน้อยข้าก็ช่วยไว้ได้… ทว่ากฏก็ต้องเป็นกฏ คนทำผิดไม่อาจละเว้น มิฉะนั้นกฏจะไม่ศักดิ์สิทธิ์ “คุณหนูหลินฮวาแห่งสกุลหลิน” หลินซีกล่าวขึ้นพร้อมกับเปิดกฎของสำนักขึ้นมา หลินฮวาสะดุ้งโหยงพลางมองไปที่หลินซีที่ทำหน้าตาเย็นชาก่อนจะตอบรับเสียงแผ่ว “เจ้าค่ะ…” “ถึงท่านจะเป็นผู้บริสุทธิ์จากการใช้ศาสตร์ต้องห้าม แต่จากการกระทำซึ่งเกินกว่าเหตุจากการประลอง ทั้งยังบีบบังคับศิษย์ร่วมสำนักให้ออกจากสำนัก ซึ่งขัดกับกฎของสำนักศึกษาหลวงซ่างกู่ ที่ไม่อนุญาติให้ศิษย์สำนักตัดสินการกระทำโดยพลการ จะยินยอมที่จะรับโทษจากการขัดกฏของสำนักศึกษาหลวงซ่างกู่หรือไม่?” หลินฮวาก้มหัวรับ นางผิดจริงๆ นางขอน้อมรับด้วยความยินดี พร้อมเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ยินดีรับโทษเจ้าค่ะ…” “จากกฎของสำนักศึกษาหลวงซ่างกู่ ท่านจะถูกลดระดับจากศิษย์บัวสีทอง เป็นศิษย์บัวสีเงิน และคำสัญญาที่เดิมพันไว้กับคุณหนูหลินซีด้วย” หลินซีเผยยิ้มอบอุ่นขณะกล่าวโทษของหลินฮวา “คะ…คําสัญญา” “เข็มกลัดอันนั้นน่ะ ท่านพี่จะให้น้องมิใช่หรือ? ห้ามผิดสัญญาเลยเชียว…” หลินฮวายิ้มรับด้วยความยินดี “พี่สัญญาแล้วนี่ ต้องให้อยู่แล้ว” หลินฮวาเอ่ยตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “เท่านี้การตัดสินคดีศาสตร์อัญเชิญต้องห้ามก็จบลง เชิญท่านผู้พิทักษ์กฏพิจารณาคดีของคุณชายเสวี่ยนกงแห่งสกุลหลินต่อ เราขอประกาศว่าคุณหนูหลินฮวาแห่งสกุลหลินเป็นผู้บริสุทธิ์จากคดีนี้ ขอปิดการพิจารณาคดีและขอยกเลิกฐานะของปฐมจักรพรรดิราชวงศ์จิ้น จนกว่ารัชสมัยใหม่จะเริ่มขึ้น” สร้อยคอเทวาพลันเกิดแสงสว่างวูบวาบสีทองเรืองรองออกมา ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันขณะนี้มีสีหน้าอัปลักษณ์บิดเบี้ยว เขารีบเอ่ยปิดการพิจารณาคดี จากนั้นจึงเดินออกจากโถงตำหนักคุมกฏไปด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด “การพิจารณาคดีจบลงแล้ว…เชิญทุกท่านกลับไปได้” ปัง! หลังจากผู้พิทักษ์กฏจิ้งหลันเดินจากไปไกลแล้ว หลิงมู่ก็ลุกขึ้นกระโดดเฮลั่นด้วยความสะใจ “เฮ้! ตาเฒ่านั่นไปซะที” “ดีใจด้วยนะ เสี่ยวฮวา…” “รอดพ้นเสียทีนะ ศิษย์น้อง” ในโถงตำหนักคุมกฏสหายของหลินฮวาและบรรดาศิษย์พี่ต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับหลินฮวา แลเห็นเช่นนั้น…หลินซีพลันยิ้มที่มุมปาก ท่านพี่ฮวาก็เป็นที่รักของเพื่อนๆ เหมือนกันนี่นา หลังจากหลินซีเห็นบรรยากาศค่อนข้างดีจากผู้คนรอบข้างของพี่สาวตนเอง นางก็ตัดสินใจจะเดินออกไปจากโถงตำหนักเพื่อไปพักผ่อน เราใช้พลังงานไปมาก…เริ่มง่วงแล้วแฮะ! ถึงต้องเสียสิทธิ์จากการใช้อำนาจของสร้อยเทวาก็ตามที ทว่าช่วยหลินฮวาได้สำเร็จก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว ทั้งยังได้จัดการหลินเสวี่ยนกงไปในตัว ทว่ายามนี้ในใจของหลินซีกลับรู้สึกแปลกอยู่เล็กน้อย นางไม่อาจสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นระหว่างครอบครัวของตนเองเลย มันเหมือนกับว่าตัวนางเป็นแค่ส่วนเกินของวิญญาณของหญิงสาวจากภพอื่นที่หลุดเข้ามาอยู่ในร่างของหลินซีเท่านั้นเอง ข้ากำลังเหงาอยู่งั้นเหรอ…ปรากฏรอยยิ้มเศร้าที่มุมปากของหลินซีขณะครุ่นคิดในใจ “ท่านพี่หลินเยว่ น้องจะต้องไปเข้าเรียนแล้ว น้องยังไม่รู้เส้นทางของที่นี่มากนัก ท่านพี่ช่วยพาน้องไปยังห้องศิษย์ใหม่ของศิษย์บัวสีครามได้หรือไม่?” หลินเยว่ที่กำลังปลอบพี่สาวฝาแฝดอยู่ก็ประหลาดใจในอารมณ์ที่เปลี่ยนไปรวดเร็วของหลินซี แต่ก็พยักหน้าแล้วลุกขึ้น หลินฮวาเห็นดังนั้น จึงรีบเช็ดน้ำตาที่ใบหน้าพลางเอ่ยขึ้นอย่างเร่งรีบ “ดะ…เดี๋ยวก่อน พี่ยังไม่ได้มอบเข็มกลัดบัวสีทองสามกลีบให้น้องเลย “เอาไว้ทีหลังก็ได้ วันนี้น้องเหนื่อยมากแล้ว…” หลินซีเลือกที่จะบอกปัดๆ ไปอย่างไม่สนใจ ทว่าในจังหวะที่นางกำลังจะเดินออกไปจากโถงตำหนักคุมกฏ ก็มีเสียงหนึ่งที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดดังขึ้นจากทางด้านหลัง “เสี่ยวซี…”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม