ร่างสูงใหญ่นั่งรอภรรยาอยู่หน้าห้องไอซียู เกือบสองชั่วโมงหมอเจ้าของไข้จึงออกมา รีบรุดเข้าไปหาสีหน้าเป็นกังวล
“ภรรยาของผม เธอเป็นอย่างไรบ้างครับ” จักรินทร์ถามเสียงเบา
“ปลอดภัยแล้วครับ ผมเคยบอกให้ระวังให้มากเรื่องผลกระทบทางด้านจิตใจ ภรรยาคุณเป็นโรคหัวใจ ความเครียดหรือเรื่องที่ทำให้คิดมากล้วนมีผลต่อโรคนะครับ” หมอเตือน
“ผมทราบแล้วครับ ต่อไปผมจะระวังให้มาก”
“ผมจะให้ดูอาการที่ห้องพักฟื้นสักพักนะครับ ถ้าปกติดีแล้วคงให้กลับบ้านได้ ไม่มีอะไรน่าห่วง”
เขายกมือไหว้หมอ “ขอบคุณมากครับ” คุณหมอรับไหว้แล้วยิ้มให้กำลังคนไข้
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ผมอยู่แล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับมีคนไข้ต้องไปดูแลต่อ” หมอกล่าวแล้วเดินเลี่ยงออกมา
จักรินทร์ทิ้งกายลงบนเก้าอี้ด้านหน้า สีหน้าเครียด ไม่คิดว่าเรื่องมัจจรีท้องภรรยาจะมาได้ยินเข้า แล้วแบบนี้เขาควรทำยังไง มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเลย
ประตูห้องพักฟื้นเปิดออก เกือบอาทิตย์หมอถึงอนุญาตให้เยี่ยม พิมพิมลอาการดีขึ้นสามารถพูดคุยได้ปกติ จักรินทร์ก้าวเข้าด้านใน เห็นสายน้ำเกลืออยู่ตรงข้อมือภรรยาแล้วใจหาย พิมพิมลมาป่วยเช่นนี้ทำเอาพูดไม่ออก เขาไม่กล้าให้ลูกรู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่ไม่บอกคงไม่ได้ เพราะบุตรสาวคงเป็นยารักษาแผลใจให้แม่ได้ พิมพิมลเหลือบมองสามีซึ่งกำลังเดินเข้ามาในห้องแล้วเมินมองทางอื่น
เจ็บทางกายไม่เท่าทางใจ เธอคิดว่าจัดการเรื่องทุกอย่างเรียบร้อย แต่ปัญหากลับตามมามากมายจนยากแก้ไข จะให้เธอไล่มัจจรีออกไปจากบ้านได้ยังไง ในเมื่อกำลังอุ้มท้องลูกของสามีเธออยู่ เพียงแค่คิดน้ำตามันแทบไม่อาจกลั้น จักรินทร์ก้าวมายืนข้างเตียง แล้วยิ้มอ่อนโยนให้ภรรยา ก่อนหย่อนกายลงบนเก้าอี้
“คุณพิม เป็นยังไงบ้างวันนี้”
พิมพิมลนิ่งไม่ตอบคำถาม คนถามรู้ดีว่าภรรยายังไม่หายโกรธ เขาเองก็จนปัญญาเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ไม่รู้จะแก้ไขได้ยังไง
“พิม... ผมขอโทษนะ ผมไม่ได้ตั้งใจ” เขาบอกเสียงแผ่ว
เธอหันมามองสามีแววตาหม่น น้ำตาเอ่อคลอ
“คำขอโทษของคุณ มันไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว เพราะทุกอย่างมันสายเกินแก้”
จักรินทร์ส่ายหน้า เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่น่าให้อารมณ์ความต้องการเข้าครอบงำจนทำเรื่องไม่ดี
“ผมไม่รู้จะทำยังไง ผมไม่คิดว่ามัจจรีจะท้อง ผมไม่ได้ตั้งใจ มันพลาดไปแล้ว”
“คุณเลยให้มัจจรีไปเอาลูกออกอย่างงั้นเหรอ นี่นะเหรอความรับผิดชอบของคุณ ช่างทุเรศสิ้นดี!”
“ผมไม่มีทางเลือก ถึงอย่างไรผมก็เลือกอยู่กับคุณอยู่แล้วพิม ผมไม่อยากมีปัญหา”
“ไม่อยากมีปัญหา แต่คุณสร้างปัญหาขึ้นมา แล้วผลักให้คนอื่นแก้ไข คุณยังเป็นคนอยู่ไหม ในท้องมัจจรีนั้นก็ลูกของคุณนะ!” พิมพิมลตวาดสีหน้าไม่พอใจ หอบหายใจหนักจนจักรินทร์ตระหนก
“พิมใจเย็นก่อน เดี๋ยวอาการกำเริบอีก”
เขาพยายามเขาประคองภรรยา แต่เธอกลับเบี่ยงกายหนีสีหน้าไม่พอใจ จักรินทร์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความเครียดถาโถม
“แล้วคุณต้องการให้ผมทำยังไง ผมยินดีทำตามที่คุณต้องการพิม!”
พิมพิมลน้ำตาคลอมองสามี ริมฝีปากถูกกัดแน่น ครุ่นคิดมาตลอดถึงเรื่องนี้ มัจจรีและลูกไม่ได้มีความผิด สามีเป็นคนก่อเรื่องทั้งหมด จะให้หย่าขาดเธอก็ทำไม่ได้เช่นเดียวกัน
“ฉันจะให้มัจอยู่ที่บ้านต่อ คุณต้องยอมรับเด็กในท้องเป็นลูก คุณเป็นคนสร้างปัญหาเพราะฉะนั้นคุณต้องยอมรับมัน!”
จักรินทร์ขมวดคิ้วสีหน้าเครียด “แน่ใจแล้วเหรอพิม ผมกลัวว่าพินจะ...”
เธอตวัดสายตามองสามี “แล้วตอนทำ ทำไมไม่คิด สัตว์มันยังรักลูก แล้วคุณล่ะสู้พวกมันได้ไหม หรือแค่สมสู่แล้วก็แล้วไป ถ้าเป็นแบบนั้นคุณมัน...” พิมพิมลเก็บคำพูดไว้ ไม่อยากพูดจารุนแรงเกินไปกว่านี้ ทั้งที่ใจอยากทำ
“ผมเข้าใจแล้วคุณพิม ไม่ว่าคุณให้ผมทำยังไง ผมจะทำตามนั้น”
คนป่วยเงียบไม่เอ่ยอะไร ในหัวใจมันแหลกสลาย จากนี้ไปต้องหาหนทางอธิบายเรื่องนี้ให้ลูกฟัง มันอาจทำใจได้ยาก ทว่าเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว เธอเองไม่อยากใจร้ายขับไสไล่ส่งผู้หญิงท้องอ่อนไปจากบ้าน จำใจต้องยอมรับความเจ็บปวดเอาไว้เสียเอง ดีกว่าทำกรรมกับเด็กไม่รู้เดียงสา