แดเนียล คอปเลอร์ ชายหนุ่มวัย 35 ปีลูกครึ่งไทยอเมริกันทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลคอปเลอร์มีธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงดังไปทั่วทวีปใคร ๆ ต่างรู้จักโรงพยาบาลคอปเลอร์เป็นอย่างดีในเรื่องชื่อเสียง ซึ่งวันนี้แดเนียลเขาได้เดินทางมากรุงเทพฯ ตามคำสั่งของบิดาให้มาประจำโรงพยาบาลสาขาเปิดใหม่ที่ประเทศไทย ชายหนุ่มมีนัยน์ตาสีฟ้าช่างฝัน ใบหน้ารูปไข่จมูกโด่งเป็นสันตามแบบฉบับลูกครึ่งทำให้สาวน้อยสาวใหญ่ในโรงพยาบาลมองตาเป็นมัน แค่ได้เดินผ่านสาวน้อยสาวใหญ่ในโรงพยาบาลพร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์พราวเสน่ห์ให้กับสาว ๆ ทุกคนที่มองมาทางเขา เหล่าหญิงสาวก็แทบละลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟ
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ” ศิริยา เทพไทย หรือ ศิ พยาบาลสาววัย 25 ปี รูปร่างบางหุ่นเพรียวน่าสัมผัสผิวขาวอมชมพู ไม่ว่าใครเห็นเป็นต้องหลงเสน่ห์นัยน์ตาสีน้ำตาลของหญิงสาว
และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เมื่อแดเนียลได้สบตากับเธอที่เดินชนกันนั้นเป็นต้องเก็บคำพูดที่กะจะด่าว่าลงทันที เพราะตอนนี้มีแต่ความหลงใหลอยากสัมผัสสาวเจ้าคนนี้เท่านั้น ใบหน้ารูปหัวใจ จมูกเชิดรั้นนิด ๆ มันช่างบ่งบอก8ความเป็นตัวเองของหญิงสาวได้ดีนักว่าเป็นคนดื้อรั้นอยู่เอาการ
“ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร”
แดเนียลเอ่ยตอบเป็นภาษาไทยได้ชัดแจ๋วจนทำให้ศิริยาอึ้งไปในทีที่ผู้ชายต่างชาติคนนี้พูดไทยได้ชัดแจ๋วเหมือนกับเจ้าของภาษาอย่างเธอ
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่ไม่เอาเรื่องดิฉัน ถ้าไม่มีอะไรแล้วดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” ตอนแรกหญิงสาวเอ่ยขอโทษเขาเป็นภาษาไทยนั่น เพราะไม่ทันดู เลยกะว่าจะเอ่ยคำขอโทษใหม่เป็นภาษาสากล แต่พอเขาฟังออกพูดชัดเธอก็เลยเอ่ยขอตัวไปทำงานทันที
“ว่าแต่คุณจะไม่บอกชื่อผมหน่อยเหรอครับ?” ตอนนี้เขาสังเกตแล้วว่าสาวเจ้าใส่ชุดพยาบาลของโรงพยาบาลเขา
“ฉันชื่อศิริยาค่ะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันไปนะคะ” พอพูดเสร็จก็รีบวิ่งไปแผนกฉุกเฉินทันที
“คุณแดเนียลครับ ทุกคนรอคุณประชุมอยู่นะครับ” แซม โคเลส ผู้ช่วยของแดเนียลเอ่ยเตือนสติของผู้เป็นนายที่กำลังใจลอยไปกับพยาบาลสาวคนเมื่อกี้ให้รู้สึกตัว
“ก็ไปสิแซม นายอย่าลืมให้คนเอาประวัติของศิริยามาไว้ให้ฉันที่ห้องทำงานด้วย ประชุมเสร็จฉันจะอ่านดูประวัติแม่พยาบาลสาวคนนั้นให้ละเอียดว่าเธอมีแฟนรึยัง” แดเนียลเอ่ยสั่งงานกับแซมผู้ช่วยก่อนจะเดินมาถึงห้องประชุม เขาต้องไปแสดงตัวให้ทุกคนได้รู้ว่าเขาเป็นผู้อำนวยการคนปัจจุบันของโรงพยาบาลคอปเลอร์สาขาใหม่นี้
“ครับคุณแดเนียล”
ถึงจะงง ๆ อยู่บ้างแต่แซมก็ตอบรับคำสั่งของเจ้านายก่อนจะเดินไปที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์เพื่อจะสอบถามว่าจะไปเอาประวัติของพยาบาลของโรงพยาบาลได้ที่ไหน เพราะเขาเองก็เพิ่งมาโรงพยาบาลสาขานี้เป็นครั้งแรก
“ศิ ทำไมแกมาช้าจัง รู้ไหมว่าพี่หมอกำลังถามหาแกอยู่เลยตอนนี้ ไป รีบ ๆ เข้าไปหาพี่หมอในห้องเลยศิ” สุภาเอ่ยถามศิริยาทันทีเมื่อเห็นเพื่อนมาถึงแผนก
“จ้าภา ศิก็รีบแล้วนะ ว่าแต่พี่หมอถามหาศิทำไม?” ศิริยาเอ่ยถามสุภาเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ภาว่าศิรีบ ๆ เข้าไปเถอะนะ”
“จ้ะภา งั้นศิเข้าไปหาพี่หมอธนาก่อนนะ”
ศิริยากับธนาเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันตั้งแต่สมัยเรียน ม.ปลายด้วยกันจึงสนิทกันเป็นพิเศษกว่าใคร
“จ้ะศิ” เมื่อคุยกันเสร็จสุภาก็เดินไปทำงานของตัวเองทันที
“มาแล้วเหรอศิ ทำไมมาช้าจัง นี่ใกล้เที่ยงแล้วนะ พี่รอศิไปทานข้าวด้วยกันอยู่ ว่าแต่ศิทำงานเสร็จหรือยังเห็นภาบอกว่าศิไปดูแลคนป่วยที่ห้อง 303 ภาบอกว่าคนป่วยห้องนี้ไม่ยอมทานข้าว เลยต้องพึ่งศิไปกล่อมให้ทานข้าวนี่?” ธนาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วพี่หมอ คุณตาเขาแค่เหงาค่ะ เลยไม่อยากทานข้าวค่ะ แต่ตอนนี้ทานข้าวทานยาหลับพักผ่อนแล้วค่ะ” ศิริยารู้ว่าธนาเป็นห่วงเธอมากกว่าคำว่าพี่ชายที่เธอให้ แต่จะให้บอกธนาไปตรง ๆ ก็กลัวว่าจะมองหน้ากันไม่ติดก็เลยปล่อยให้เลยตามเลยมาจนถึงทุกวันนี้
“ถ้างั้นแสดงว่าว่างแล้วใช่ไหม?”
“ค่ะพี่หมอ ตอนนี้ศิว่างค่ะ แต่ตอนบ่ายศิจะต้องกลับมาดูแลคนป่วยที่ถูกส่งมาเมื่อเช้านี้ค่ะ”
“จ้ะ ถ้างั้นเรารีบไปทานข้าวกันเถอะ ตอนนี้ก็ห้าโมงครึ่งแล้ว ถ้าเราไม่ไปตอนนี้ พี่กลัวว่าจะพาศิกลับมาทำงานไม่ทันเอา” ธนาเอ่ยชวนศิริยาอีกครั้ง
“ค่ะพี่หมอ งั้นพี่หมอไปเอารถมารอศิหน้าโรงพยาบาลนะคะ ศิขอไปเอากระเป๋าก่อนค่ะ”
หญิงสาวรู้ดีว่าต่อให้ปฏิเสธยังไง ธนาก็จะบังคับให้ไปด้วยอยู่ดี หญิงสาวจึงตกลงไปทานข้าวกับเขาทุกครั้งเวลาพักเที่ยง
“ครับผม พี่ไปก่อนนะศิ” แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไปทำตามที่อีกฝ่ายพูด ส่วนศิริยาที่เหลือตัวคนเดียวนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไปเอากระเป๋าของตัวเองเพื่อจะไปรอธนาอย่างที่ได้เอ่ยไว้เช่นกัน