"รถกำลังจะขึ้นลิฟต์ ซบลงมา" ฉันยังไม่ทันหันมองว่าเรากำลังจะขึ้นลิฟต์ที่ไหน มือใหญ่ก็โอบท้ายทอยฉันให้ซบลงไปที่ไหล่ตัวเอง
ฉันกลายเป็นเด็กตัวเล็ก จะขยับ จะถอยออกเขาก็โอบเอวกดหัวไว้แน่น
"ปล่อยนะ คุณมันโรคจิต"
"...."
มีแค่ความเงียบตอบกลับมา และลิฟต์ก็เคลื่อนขึ้นชั้นบนอย่างรวดเร็ว ที่ฉันรู้เพราะฉันหูอื้อต้องกลืนน้ำลายอยู่หลายอึกกว่าจะถึง
'ติ้ง~'
เสียงลิฟต์ดังขึ้นพร้อมกับเขาที่ปล่อยตัวฉันเป็นอิสระ ฉันหันมองรอบๆขณะที่รถหรูถอยออกมา มันเป็นห้องเพนท์เฮาส์ที่มีลานจอดรถส่วนตัว แต่ที่ฉันต้องตกใจก็คือ...เจ้ามินิสีเหลืองของฉันจอดอยู่ที่นี่
"รถฉันอยู่ที่นี่ได้ไง ฝีมือคุณเหรอคะ"
ผู้ชายคนนั้นไม่ตอบ เมื่อรถจอดสนิทบอดี้การ์ดเปิดประตูให้เขาก็ลงไปจากรถทันที ก่อนที่จะเดินอ้อมมาฝั่งฉัน แล้วฉุดข้อมือดึงลงไปอย่างไม่เบาแรง
"ปล่อยนะ คุณจะทำอะไร"
"คืนนี้เธอต้องอยู่กับฉัน" ฉันยืนนิ่งมองหน้าเขา
"ว่าไงนะ"
เขาปล่อยข้อมือฉัน แล้วเดินเข้าไปในตัวเพนท์เฮาส์ แต่ฉันหนีไม่ได้ ทันทีที่ร่างสูงหายเข้าไป บอดี้การ์ดตัวใหญ่ๆก็ล็อกแขนฉันตามเข้าไป เพนท์เฮาส์นี้เหมือนยกคฤหาสน์มาวางบนตึก มีชั้นลอย มีแชนเดอเลียร์ใหญ่ โอ่อ่าเพดานสูง ยิ่งบวกกับกระจกใสล้อมรอบเห็นตัวเมืองและตึก ยิ่งเหมือนเรากำลังเดินอยู่บนสวรรค์
และเมื่อเรามาถึงโซฟา เขาก็สอดสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงมองหน้าฉัน
"ถ้าอยากรู้เรื่องอดีตของเรา เธอต้องมาอยู่ที่นี่"
ฉันไม่อยากรู้แล้ว นี่มันเอาเปรียบกันชัดๆ!
"ไม่มีทาง คุณเป็นใครก็ไม่รู้ ขนาดฉันคบกับแฟรงค์มาตั้งหลายปียังไม่เคยอยู่กินกันแบบนี้เลย"
เหมือนลมพายุพัดผ่านอย่างรวดเร็ว ร่างสูงเดินมาหาฉันแล้วบีบแก้มหมับ! ก่อนที่เขาจะจ้องหน้าฉันใกล้ๆด้วยสายตาแข็งกระด้าง และกัดฟันจนสันกรามปูด
"อย่าพูดถึงผู้ชายคนอื่นต่อหน้าฉัน"
"ทำไมฉันจะพูดไม่ได้คะ ก็ฉัน..." นิ้วชี้เรียวชี้มาที่หน้าฉัน ขณะที่มืออีกข้างยังบีบแก้ม
"เงียบ ฉันให้อิสระกับเธอมามากแล้วเดวา ต่อไปนี้...เธอต้องเป็นของฉันคนเดียว"
ว่าจบเขาก็หันไปพยักหน้ากับแม่บ้านที่มายืนรอ ก่อนที่คนพวกนั้นจะก้มหน้ารับ แล้วมองบอดี้การ์ดข้างหลังฉัน
"จะทำอะไร ปล่อยนะ ฉันลูกมีพ่อมีแม่นะ"
สภาพฉันตอนนี้ยิ่งกว่าหมาน้อยหมดหนทาง ฉันโดนล็อกแขนลากเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง ก่อนที่จะถูกล็อกประตูขังไว้ แม่บ้านเหล่านั้นเข้ามาด้วย พวกเธอรีบมาถอดเสื้อผ้าฉัน และหาเสื้อคลุมอาบน้ำมาใส่
"พี่ๆปล่อยฉันไปเถอะนะคะ ฉันไม่ได้อยากมาที่นี่ ไม่เต็มใจเลย"
ทุกคนยิ้มแล้วจับมือฉันไว้
"คุณเดวาเคยมาที่นี่แล้วนะคะ...จำไม่ได้เหรอ?" ว่าไงนะ! ตาฉันเบิกโตเท่าไข่ห่าน
"มะ เมื่อไหร่คะ"
"ไม่กี่เดือนที่แล้วเองค่ะ ค้างตั้งหลายคืน เสื้อผ้าคุณเดวาก็ยังอยู่ จะดูไหมคะ"
ฉันคอแห้งผากหัวใจเต้นแรง เมื่อแม่บ้านวัยกลางคนเดินนำเข้าไปอีกห้อง ห้องนี้คือห้องนอนใหญ่ มีแบ่งสัดส่วนเป็นห้องทำงาน ห้องน้ำ ห้องแต่งตัว แม่บ้านนำฉันไปที่ห้องนั้น แต่ระหว่างทางที่ต้องเดินผ่านเตียงคิงฟุต ฉันก็หยุดจ้องรูปถ่ายที่แขวนอยู่ทันที
รูปเขาคนนั้นกำลังคุกเข่า ส่วนฉันส่งมือให้สวมแหวน
ฉันยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่เลย
อะไรกันเนี่ย!
"รูปนี้คุณแทนคุณขอคุณเดวาแต่งงานค่ะ" ฉันเป็นแฟนเขาเหรอ? สรุปใครคบซ้อน ฉันหรือแฟรงค์ งงไปหมดแล้วนะ
"รูปนี้เมื่อไหร่คะ" ฉันถามอย่างร้อนใจ
"ดิฉันไม่แน่ใจ แต่น่าจะหลายปีแล้วค่ะ"
"แล้วฉัน...คบกับเขาเมื่อไหร่เหรอคะ" แม่บ้านมองหน้ากัน ก่อนจะอมยิ้มราวกับเรื่องราวของฉันเป็นเรื่องน่ายินดี
"น่าจะยังเด็กเลยค่ะ เพราะพวกดิฉันมาทำงานก็คบกันแล้ว ตอนนั้นคุณเดวาอยู่ที่นี่บ่อย บางวันไม่มาคุณแทนคุณก็ไปอยู่ด้วย ตัวติดกันตลอดเลย"
ฉันยกมือทาบอกตัวเอง กลายเป็นคนเหม่อลอยโหวงเหวงที่ปะติดปะต่ออะไรไม่ได้ จนพวกแม่บ้านพาไปแช่อ่างถูหลังให้ ฉันก็ตัดสินใจถามเรื่องนี้ต่อ
คิดไว้เดวา คิดก่อน ห้ามลืม ไหนๆเธอก็มาถึงนี่ก็รู้ๆไปเลย
"แล้วมันเกิดอะไรขึ้น เราถึงเป็นแบบนี้คะ"
"หน้าที่การงาน คุณเดวาเรียนหนักขึ้น คุณแทนคุณมีงานที่บริษัท และอยู่ๆ...ห่างกันไม่ถึงสองวันคุณเดวาก็ลืมคุณแทนคุณ"
นี่มันเรื่องบ้าอะไร
แม่บ้านพวกนี้ไม่ได้สร้างเรื่องหลอกฉันใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นฉันก็เป็นแฟนผู้ชายชื่อแทนคุณมาตลอด ส่วนแฟรงค์ฉันคบซ้อน? เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับฉันได้ยังไง...
ฉันไม่ได้ถามอะไรต่อเอาแต่คิด คิด และก็คิด จนอาบน้ำเสร็จเดินไปที่ห้องแต่งตัวก็เห็นว่าในตู้มีชุดฉันอยู่จริงๆ รวมถึงชุดนักศึกษาด้วย ตอนแรกคิดว่าพวกเขาสร้างเรื่องแต่พอเห็นมันไม่ใช่เลย ฉันแต่งตัวแบบนี้ ชอบสไตล์นี้ แถมยังมีชุดวอร์มที่มีทั้งชื่อนามสกุลฉันอีกด้วย ที่หาไม่เจอมันอยู่นี่นี่เอง
"มันคือเรื่องจริงเหรอ? ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม"
ฉันพูดกับตัวเองก่อนจะตัดสินใจหยิกเข้าที่แขน ซึ่งมันเจ็บจนฉันสะดุ้งโหย่ง แถมเป็นรอยแดง
"หยิกตัวเองแบบนั้นก็เป็นแผลสิคะคุณเดวา เดี๋ยวดิฉันทายาให้นะคะ ถ้าเป็นรอยพวกเราซวยแน่ๆ"
"ไม่เป็นไรค่ะ" ฉันหันไปปฏิเสธ เพราะอยากแต่งตัวออกไปข้างนอกแล้ว
"เป็นสิคะ คุณแทนคุณไม่เอาไว้แน่"
"ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าเขาถามฉันจะอธิบายกับเขาเอง"
หลังจากบอกแบบนั้นฉันก็เลือกเสื้อผ้าของตัวเองมาใส่ ก่อนจะรีบเดินไปเคาะประตูห้องเพื่อให้คนด้านนอกปลดล็อกให้
'ก๊อก ก๊อก ก๊อก'
"เปิดให้หน่อยค่ะ ฉันไม่หนีแล้ว มีเรื่องจะถาม"
ไม่มีเสียงตอบกลับ มีแต่เสียงไขกุญแจ และเมื่อประตูถูกเปิดเท่านั้นแหละ ฉันก็รีบเดินไปที่โซฟาทันที เขาคนนั้นกำลังนั่งไขว้ห้างมองออกไปที่กระจกบานใหญ่ มือขวาถือแก้ววิสกี้สีเข้มไว้
"มีอะไร?" เขาถามกลับมาห้วนๆ
"เราเป็นแฟนกันเหรอคะ" ฉันรีบถามตามตรงก่อนที่จะลืมซะก่อน
"อืม"
"แล้วเรา... เอ่อ..." คำถามต่อไปฉันมองบอดี้การ์ดอย่างลังเล และเมื่อพวกเขาตัดสินใจเดินออกไปยืนที่หน้าประตูให้ความเป็นส่วนตัวพวกเรา ฉันจึงเดินไปใกล้ๆเขาแล้วนั่งลงฝั่งตรงข้าม
เขายังไม่มองหน้าฉันเลย ตาคมกริบมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย
"ช่วยตอบความจริงนะคะ ฉันอยากรู้ว่าเราคบกันมานานแค่ไหน และเอ่อ...มีอะไรกันรึยัง"
คนตรงหน้ายังไม่ตอบในทันที มือหนาที่มีเส้นเลือดปูดเป็นเส้นๆยกวิสกี้ในมือดื่มจนหมด ส่วนฉันนั่งมองเขาอย่างเหม่อลอย... พยายามจินตนาการถึงช่วงเวลาที่เราคบกันแล้ว
แต่จินตนาการไม่ถูกเลย เราจะคบกันได้ยังไง? ดูจากไลฟ์สไตล์มันไม่ใช่เลย
จนในที่สุดเขาพูดขึ้นมา ขณะที่ตายังมองไปทางอื่น
"เราคบกันมาสิบปี" สิบปี?! แสดงว่าฉันก็อายุแค่สิบสาม ส่วนเขาสิบหก!
"แล้วเรื่องนั้น..."
"แน่ใจว่าอยากรู้?"
"ค่ะ บอกมาเถอะ"
"อืม เรามีอะไรกันแล้ว"
'ตึกๆ ตึกๆ ตึกๆ'
หลังจากที่เขาตอบ เราสองคนก็ตกอยู่ในความเงียบ มีแต่เสียงหัวใจฉันที่เต้นแรงจนแอบได้ยิน ฉันไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่อง คนที่คบซ้อนก็คือฉัน แถมแฟรงค์ยังมาทีหลัง แฟนตัวจริงของฉันคือผู้ชายชื่อแทนคุณ
ฉันจะทำยังไงกับความจริงข้อนี้ดี หาทางออกให้ตัวเองไม่ได้เลย
"ฉันขอไปหยิบมือถือในรถได้ไหมคะ"
เขาไม่ตอบแต่หันไปรับวิสกี้ที่แม่บ้านรินให้อีกแก้ว ฉันจึงถือวิสาสะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปที่รถจอดอยู่อย่างรวดเร็ว ซึ่งบอดี้การ์ดเดินตามมาสองคน คอยเปิดประตูให้ระหว่างที่ฉันก้มโทรหายัยเพลง
CALLING | ยัยเพลงหมอลำ
(ว่าไงภรรยาคุณแทนคุณ)
"เพลง! ฉันเห็นรูปฉันถูกขอแต่งงาน เสื้อผ้าฉัน ของใช้ฉัน สรุปเรื่องเป็นยังไง"
(แกเป็นเมียเขาไง)
"มันจริงเหรอ!"
(อืม แกอยู่กินกับเขาตั้งแต่ปีหนึ่งเดวา เรื่องนี้แฟรงค์มันก็รู้ แต่มันโอเค)
สรุปเรื่องนี้ใครเลว?!
ฉันเหรอ?!
"แล้วที่แกโกรธแฟรงค์เป็นฟืนเป็นไฟคืออะไรเพลง คนเลวมันฉันไม่ใช่เหรอ?"
(แกเป็นเพื่อนฉัน ต่อให้แกมีสิบผัวฉันก็ไม่ว่าแกหรอก แต่ใครมาทำเพื่อนฉันไม่ได้ ตอนนี้ฉันอยากให้แกลองอยู่กับคุณแทนคุณ ลองกลับไปใกล้ชิดกันอีกครั้ง อะไรหลายๆอย่างอาจจะดีขึ้น และแกอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกก็ได้)
"แต่เราเหมือนคนแปลกหน้าที่พึ่งรู้จักกันเลยนะเพลง"
(แค่แก แต่เขาไม่ใช่ ลองอีกสักครั้งนะ...เชื่อฉันแกจะมีความสุขและเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดถ้าแกกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้)