“เฮ้อ คุณภพนะคุณภพ เมื่อไหร่จะรู้ใจตัวเองเสียทีนะ เมียก็ทั้งสวยทั้งแสนดีขนาดนี้ เป็นข้าหน่อยไม่ได้ป่านนี้มีลูกหัวปีท้ายปีไปแล้ว!” ชายชราที่ควบตำแหน่งคนขับรถประจำกายเจ้านายหนุ่มสุดฮอตที่ไม่ว่าสาวๆ คนไหนก็อยากจะเข้าใกล้เอ่ยขึ้นตามลำพังหลังจากเดินออกมาจากห้องนอนของผู้เป็นเจ้านายทั้งสอง ภายในใจรู้สึกสงสารในโชคชะตาของทุกๆ คนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก นอกจากภาวนาให้เวลาที่ล่วงเลยผ่านมาชำระล้างอดีตที่แสนโศกเศร้าให้มันเลือนหายไปเสียทีเท่านั้น
แต่ถึงแม้ว่าใครๆ จะมองว่าตรีภพนั้นแสดงท่าทีรังเกียจในตัวภรรยาของตัวเองมากแค่ไหน แต่มีหรือที่ผู้ชายด้วยกันจะดูไม่ออกว่ามันไม่จริงเลยสักนิด เพราะไม่ว่าเขาจะเมาจนไม่มีสติแค่ไหนก็ต้องกำชับสั่งให้ตนพาขับรถมาส่งที่บ้านอยู่ดี ทั้งๆ ที่จะไปเปิดโรงแรมนอนชั่วคราวก็ยังได้ นั่นคงเป็นเพราะว่าอยากกลับมาหาใครอีกคน ที่มักจะนอนขดตัวรออยู่ที่โซฟาในบ้านเสียมากกว่า
รินลดาลอบถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะกว่าจะจัดการถอดเสื้อและเช็ดตัวให้ผู้เป็นสามีที่ทั้งตัวโตกว่าและมีเรี่ยวแรงมากกว่าตนเองถึงสองเท่านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเธอซึ่งเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น หญิงสาวจัดการสวมชุดคลุมนอนให้คนโตตัวอย่างเบามือก่อนจะไล่ต่ำลงไปถอดถุงเท้าให้เขาอย่างไม่มีท่าทีรังเกียจ จนเมื่อทุกๆ อย่างเสร็จจึงค่อยๆ ห่มผ้าให้ตามลำดับและหมุนกายเดินออกห่างบริเวณเตียงกว้างที่นอนสองคนได้อย่างสบายแต่เขากลับสั่งห้ามไม่ให้เธอย่างกายเข้ามาเฉียดใกล้บริเวณนี้ นอกเสียจากเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ยามที่เขาไม่มีสติพอที่จะทำเองเท่านั้น
เท้าเล็กค่อยๆ ก้าวถอยห่างจากเตียงประมาณสามก้าวก่อนจะล้มตัวลงบนตรงพื้นพรมด้านล่างซึ่งเป็นที่ที่เดียวภายในห้องนี้ที่เขาอนุญาตให้เธอได้ใช้มันเป็นที่หลับนอนเท่านั้น หญิงสาวค่อยๆ ฟุบตัวลงนอนบนที่นอนปิกนิกคู่กายก่อนจะหลับตาลงตามสามีของตัวเองไปติดๆ ด้วยความเหนื่อยอ่อนเต็มที
ฝันดีนะคะพี่ภพ…
เช้าวันใหม่ที่มันอาจจะดูเป็นเช้าที่แสนสดใสสำหรับใครหลายๆ คน แต่กลับไม่ใช่กับรินลดาเลยแม้แต่น้อย หลังจากสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นหญิงสาวก็รีบจัดการเตรียมชุดทำงานให้สามีที่กำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ก่อนจะรีบเดินลงมายังชั้นล่างเพื่อจัดเตรียมขัดรองเท้าและถุงเท้าเอาไว้รอเขาอย่างใจเย็น เฝ้ารออยู่ไม่นานเท่าไหร่นักร่างกำยำในชุดสูทสีเทาเข้มสุดเรียบร้อยก็เดินลงมาจากชั้นบนของตัวบ้านก่อนจะเดินเลยผ่านหน้ากันไปอย่างไม่คิดที่จะแยแส มันเป็นอีกครั้งที่เขาทำราวกับว่าเธอไม่เคยมีตัวตนอยู่บนโลกของเขาเลยแม้แต่นาทีเดียว
ทุกๆ อย่างที่เขาทำลงไปมันคือส่วนหนึ่งของความเคยชินกับสิ่งที่เป็นอยู่ มันคงทำให้เธอเสียใจไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นมันจึงทำให้หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรมากนักนอกเสียจากก้มหน้าก้มตาเดินตามหลังเขาออกมาติดๆ พร้อมกับเนคไทเส้นโปรดของเขาเหมือนที่ทำเป็นประจำอยู่ทุกวัน
“ให้ฉันช่วยนะคะ” ไม่มีเสียงใดตอบกลับนอกจากเสียร่างสูงที่หันกลับมาหาหลังจากสวมรองเท้าเสร็จ แม้จะไม่พอใจเท่าไหร่นักแต่ตรีภพก็ยอมที่จะยืนเฉยๆ ให้หญิงสาวได้ช่วยสวมเนคไทให้อย่างใจเย็นพร้อมทั้งลอบสำรวจอีกฝ่ายไปพลางๆ ด้วยสายตาเย็นชา
หญิงสาวเขย่งจนสุดปลายเท้าเพราะอีกฝ่ายไม่ยอมให้ความร่วมมือเท่าที่ควร เธอใช้เวลาไม่นานก็จัดการผูกมันให้เข้าที่เหมือนที่เคยทำเป็นประจำ
“เสร็จแล้วค่ะ” หญิงสาวร้องบอกพร้อมส่งรอยยิ้มหวานตามไปให้ก่อนจะตบบ่ากว้างให้เรียบตรึงเพื่อเช็คความเรียบร้อยให้อีกที
“ขอบคุณ!” จบคำตอบแค่เพียงสองคำสั้นๆ ตรีภพก็หมุนตัวหันหลังให้กันก่อนจะออกเดินนำไปยังเรือนใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเรือนหอของเธอและเขาเท่าไหร่นัก ใช้เวลาเดินเท้าได้เพียงไม่นานเธอกับเขาก็มาปรากฏตัวอยู่ในห้องโถงใหญ่ซึ่งตอนนี้มีผู้เป็นย่าและทิพย์อักษร น้องสาวของเขานั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“เราสองคนมาสายนะวันนี้ หรือเพราะเมื่อคืนเจ้าภพมันกวนหนูจนไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน เป็นแบบนั้นใช่ไหมลูกหนูเล็ก” ประมุขของบ้านเอ่ยถามขึ้นพร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้หญิงสาวตรงหน้าแต่อีกฝ่ายกลับทำได้เพียงส่งยิ้มบางๆ กลับไปให้ท่านเท่านั้น
“คุณย่าคงต้องฝันสลายไปอีกวันแล้วล่ะครับ เพราะว่าเมื่อคืนผมเมามาก คงไม่มีเรี่ยวแรงหรือสติมากพอที่จะทำอะไรหลานสะใภ้สุดที่รักของคุณย่าได้ แล้วนั่นเธอคิดจะยืนนิ่งอยู่อีกนานไหม มานั่งซะที!” เพราะคำตอบบวกคำสั่งทำเอาคนถูกเรียกจำต้องรีบเดินไปนั่งข้างๆ คนเผด็จการอย่างรวดเร็ว
“เรานี่นะพ่อภพ! เมื่อไหร่จะเลิกเสียทีไอ้การกินเหล้าเมามายไม่ได้สติ สงสารหนูเล็กเขาเสียบ้างสิ ที่ต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งรอแกอยู่ทุกคืน” ผู้เป็นย่าเอ็ดก่อนจะลอบมองไปยังหลานสะใภ้ที่ได้แต่นั่งนิ่งไม่ยอมปริปากว่าอะไรออกมาสักคำด้วยความสงสารจับใจ ซึ่งนางก็เห็นภาพเหล่านี้มาตลอดหลายปี
“ผมเองก็ไม่ได้ไปอ้อนว้อนขอร้องให้เขาทำให้นี่ครับคุณย่า เจ้าตัวเขาเต็มใจที่จะทำเอง หรือว่ามันไม่จริง” ตรีภพตอบผู้เป็นย่าก่อนจะหันไปหาอีกคน
“จริงอย่างที่คุณภพพูดทุกอย่างค่ะคุณย่า หนูเล็กเต็มใจทำเองค่ะ” รินลดาจำต้องรีบตอบ ก่อนจะส่งยิ้มหวานไปให้ผู้เป็นย่าในทันที ด้วยไม่อยากทำให้ตนเองต้องกลายมาเป็นตัวปัญหาหลัก ที่ทำให้ทั้งคู่ต้องมาขุ่นเคืองใจต่อกัน