ปะป๊าเอมิขอโทษ

1605 คำ
ก๊อกๆๆ "พี่เอมิลงมากินข้าวเถอะปะป๊ากับหม่าม๊าเป็นห่วงนะ" เสียงใสของเมอาหรือน้องสาวของเธอเอ่ยเรียกหลังจากที่เอมิรู้ว่าการันนั้นลาออกโดยไม่บอกเธอแถมพ่อก็ยังไม่รู้อีกว่าลาออกไปอยู่ที่ไหน เอมิก็รู้สึกโกรธพ่อของเธอทันทีเพราะการันนั้นไม่มีญาติที่ไหนในประเทศไทยเลยแล้วทำไมพ่อของเธอถึงไม่ถงไม่ถามเลยว่าการันจะออกไปอยู่ที่ไหนด้วยความโกรธก็เลยขับรถมาที่บ้านของปะป๊าหม่าม๊าของเธอบ้านหลังนี้ยังคงอบอุ่น ปะป๊าศิลาและหม่าม๊าเมโลดี้ยังคงแสนดีกับเธอและเหตุที่เธอไม่ได้อยู่ด้วยเพราะอยากให้เมอาที่กำลังจะเกิดมานั้นได้ความรักจากพ่อแม่อย่างเต็มที่ส่วนเธอก็ย้ายมาอยู่กับอาเฟ่ยพ่อแท้ๆตั้งแต่อายุ5ขวบแถมยังมีการันเป็นเพื่อนเล่นเลยไม่ได้รู้สึกเหงาแต่อย่างใด เอมิถอนหายใจเบาๆใบหน้าและดวงตาของเธอยังคงบอบซ้ำจากการร้องไห้อย่างหนัก ร่างบางลุกขึ้นก่อนจะเปิดประตูและส่งยิ้มให้น้องสาวที่ได้ความน่ารักมาจากแม่ของเธอเต็มๆและทั้งคู่ก็พากันเดินจับมือลงบันไดไปด้วยกัน "เอมิ" เมโลดี้โพล่เข้ากอดเอมิอย่างเป็นห่วงเพราะเธอก็รู้ว่าเอมินั้นติดบอดี้การ์ดคนนี้มากแค่ไหนแถมตอนที่การันอยู่ในช่วงวัยรุ่นเอมิก็ยิ่งหวงมากเพราะด้วยความหล่อที่ฉายแววมาตั้งแต่เด็กๆมักจะเป็นที่สนใจของสาวๆอยู่เสมอแถมยังเป็นลูกครึ่งอีกเอมิเลยไม่ค่อยจะพาการันออกจากบ้านเสียเท่าไหร่ "มากินข้าวเถอะ" ศิลาเอ่ยบอกใบหน้าสวยของเอมิพยักรับเบาๆก่อนจะนั่งลงประจำตำแหน่งของเธอ "ปะป๊า" เอมิเอ่ยขึ้น "ว่าไง" "ปะป๊าหาได้มั้ยว่าการันอยู่ที่ไหน.." คำพูดของเอมิทำเขาหนักใจไม่น้อย "ปะป๊าว่าเราควรปล่อยเขาไปใช้ชีวิตเองได้แล้ว" คำพูดของศิลาทำเอาคนฟังอย่างเอมิน้ำตารื้นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของเธอเลยตอนนี้ถ้าไม่มีการันก็เหมือนกับว่าชีวิตของเธอได้ขาดอากาศในการหายใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว "เอมิอิ่มแล้ว" เอมิเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเฉยชาเธอค่อยๆเลื่อนตัวเองออกมาก่อนจะเดินจากไปเงียบๆทามกลางเสียงเรียกของเมอาและหม่าม๊าของเธอ "คุณศิลาช่วยหน่อยไม่ได้หรอคะ?" เมโลดี้เอ่ยถามสามีเธอมองเอมิที่ยังไม่ทันได้ตักข้าวเข้าปากก็เดินออกไปแล้วถ้าขืนยังเป็นแบบนี้อยู่เอมิมีหวังเป็นซึมเศร้าแน่ๆ "ผมก็อยากช่วยแต่ว่าเอมิเองก็ควรใช้ชีวิตคนเดียวได้แล้ว...การันเองก็อายุมากแล้ว" ศิลาเอ่ยบอกอย่างมีเหตตุผลเขาอยากให้เอมิใช้ชีวิตโดยไม่มีบอดี้การ์ดเพราะเอมิก็โตแล้วแต่ยังเที่ยวหอบการันไปนั่นนี่อยู่ตลอด ทำตัวเอาแต่ใจและไม่โตเสียทีส่วนการันก็รับใช้เอมิมานานมากแถมตอนนี้ก็อายุเข้าเลข3แล้วมันก็คงถึงเวลาที่การันจะหลุดพ้นจากตำแหน่งนี้และได้ออกไปใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เสียที "แล้วแบบนี้เราจะทำยังไงกันดีคะ" เมอาเอ่ยถาม "เดี๋ยวพ่อไปคุยเอง" ศิลาเอ่ยบอกก่อนจะขอตัวออกไปเขายืนอยู่หน้าห้องของเอมิก่อนจะเคาะมันเบาๆและเปิดเข้าไป "เอมิ" ศิลารีบไปหยิบคัตเตอร์ที่เอมิกำลังถืออยู่ออกทันทีถ้าหากเขามาไม่ทันป่านนี้เอมิคงกรีดแขนตัวเองไปแล้ว "มีอะไรหรอคะ"เมโลดี้และเมอาที่ได้ยินเสียงดังก็รีบขึ้นมาดูทันทีก่อนที่เมโลดี้จะปรี่พุ่งไปยังสามีที่ตอนนี้กำลังเลือดอาบตรงแขน "เอมิ โตสักทีได้มั้ย! กับอีแค่บอดี้การ์ดคนเดียวมันจะเป็นจะตายเลยรึไง!!" ศิลาเอ่ยขึ้นเสียงดังด้วยโมโหเอมิที่วัยเด็กเต็มไปด้วยความน่ารักตอนนี้ได้หายไปไหนกันทำไมถึงไม่รักชีวิตและร่างกายตัวเองแบบนี้ "ใช่! เอมิอยากตาย! ถ้าไม่มีการันเอมิก็อยู่ไม่ได้...เอมิรักการันปะป๊าได้ยินมั้ย!!" เอมิตะโกนกลับมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจศิลาถอนหายใจเบาๆก่อนจะโอบกอดเอมิทั้งๆที่ตัวเองนั้นบาดเจ็บไม่ต่างจากเมโลดี้และเมอาที่ก็รู้สึกเศร้าเหมือนกันที่เห็นเอมินั้นเป็นแบบนี้ "โอเคๆเดี๋ยวปะป๊าจะสืบดูให้" สุดท้ายเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับเอมิอีกครั้ง "ฮึกปะป๊าเอมิขอโทษ" เอมิโอบกอดผู้เป็นพ่อด้วยความเสียใจที่เธอทำพ่อของตัวเองเจ็บตัวในตอนนั้นเธอแค่เสียสติไปชั่วครู่ยิ่งรู้ว่าไม่มีการันอยู่ข้างกายแล้วก็ยิ่งเป็นบ้าภาพวันวานฉายชัดเข้ามาในความทั้งเสียง กลิ่น และสัมผัสของเขาเธอไม่อาจที่จะลืมมันได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว 2สัปดาห์ต่อมา "เอมิแน่ใจหรอลูก" อาเฟ่ยเอ่ยถามลูกสาวตัวเองเอมิที่อยู่ในชุดลำลองง่ายๆ เอมิพยักหน้าก่อนจะยิ้มอ่อนส่งให้ครอบครัวที่เดินมาส่งเธอ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าการันนั้นอยู่ที่เกาะที่เคยเป็นของปะป๊าของเธอเมื่อไม่กี่ปีก่อนการันได้มาขอซื้อเกาะจากศิลาเพื่อจะทำธุรกิจซึ่งศิลาเองก็ยอมขายเพราะไม่มีความจำเป็นต้องใช้เกาะนั้นแล้วและตอนนี้เธอกำลังจะไปหาเขา ส่วนศิลาได้แต่มองเอมิด้วยความหนักใจถ้าหากว่าไปแล้วก็จะไม่ได้อยู่สุขสบายเหมือนอยู่บนฝั่งแน่นอนแถมไม่รู้อีกว่าถ้าไปเจอการันแล้วการันจะให้เอมิอยู่รึเปล่าเพราะยังไงการันก็เป็นเจ้าของเกาะเขามีสิทธิ์จะให้ใครอยู่ก็ได้ "ถ้าไม่ไหวก็กลับมานะเอมิ" เมโลดี้เอ่ยบอกด้วยความเป็นห่วงเธอเข้าไปกอดเอมิด้วยความรักก่อนจะลูบหัวน้อยๆที่ตอนนี้โตเป็นสาวเสียแล้ว "ไปก่อนนะคะ ขอบคุณทุกคนที่ดูแลเอมินะ" เอมิเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปขึ้นรถ การไปครั้งนี้ของเธอแน่นอนว่าการันนั้นไม่รู้และถ้าหากเขาไล่เธอก็จะไม่ไปไหนอยู่ดีสำหรับการันเขาไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดที่ปกป้องเธอตอนเธอเจออันตรายแต่สำหรับเอมิการันเป็นทุกอย่าง เพื่อน พี่ชาย คนรัก ทุกอย่างนี้รวมอยู่ที่ตัวคนๆเดียว "วันนี้ลมแรงน่าดูเลยนะครับ" สมชายเอ่ยบอกกับเจ้านายหน้าฝรั่งของตัวเองการันมองออกไปนอกเกาะที่เต็มไปด้วยทะเลแลท้องฟ้าสีครึ้ม "บอกทุกคนให้เข้าบ้านเถอะครับ" การันเอ่ยบอกสมชายพยักหน้ารับก่อนจะรีบทำตามทันที ร่างสูงมองคลื่นลมแรงๆที่ถูกซัดเข้ามาพร้อมกับลมที่ตีเข้ามายังใบหน้านี้ก็เกือบเดือนแล้วที่เขาสละตำแหน่งบอดี้การ์ดมา หลังจากที่ออกมาก็ไม่ได้ติดต่อกับใครเลยสักคน ชีวิตที่ต้องอยู่ภายในกรอบตลอด10ปีตอนนี้มันได้จบลงแล้วสำหรับเขาความฝันที่อยากมีชีวิตที่อิสระไม่ต้องพบเจอคนมากมายนั่งกินนอนรับลมชมทะเลดูแลธุรกิจเล็กๆที่กำลังสร้างตัวแค่นี้เขาก็มีความสุขแล้ว "นั่น.." การันเอ่ยขึ้นมาเบาๆเขามองไปยังทะเลที่ตอนนี้เขากำลังเห็นเรือเล็กๆลอยอยู่ตรงกลางแน่นอนว่าไม่ใช่เรือของลูกน้องเขาอย่างแน่นอนและตอนนี้เรือลำนั้นกำลังมุ่งหน้ามาที่เกาะของเขา "อยากตายรึไงกัน" ร่างสูงเอ่ยขึ้นก่อนจะหยิบกล้องส่องทางไกลออกมาทั้งลมและคลื่นแรงขนาดนี้อีกไม่กี่นาทีพายุจะเข้าอย่างแน่นอนส่วนเรือลำนั้นก็ไม่มีทางที่จะถึงฝั่งภายในไม่กี่นาทีเช่นกันร่างสูงสอดส่องไปยังบุคคลที่อยู่บนเรือ ร่างเล็กในชุดลำลองที่กำลังเอนตัวไปมาด้วยคลื่นลมแรงเขาสถบมันออกมาเบาๆเมื่อรู้ว่าบุคคลนั้นเป็นใครร่างสูงรีบจ้ำอ้าวออกจากบ้านก่อนจะสตาร์ทเจ็ทสกีคันโปรด "เจ้านายจะไปไหนครับ พายุจะเข้าแล้วนะครับ" สมชายตะโกนบอกแต่การันนั้นไม่สนใจเขาหยิบเสื้อชูชีพขึ้นมาสวมพร้อมกับหยิบอีกอันขึ้นมาห้อยที่แขนและใช่! ผู้หญิงคนนั้นคือเอมิและเธออยู่บนเรือคนเดียวและนั่นยังไม่พอเพราะบนตัวเธอไม่ได้สวมชูชีพเลยแม้แต่น้อย "ยัยผู้หญิงสมองกลวงเอ้ย!" ร่างสูงบ่นออกมาก่อนจสวมแว่นตาและขับมันออกไปทันที อิน้องมันสู้ชีวิตมากแม้จะตายก็ไม่กล้ว5555 อย่าลืมคอมเม้นเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยนะคะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม