วี้~ วี้~ วี้~
เสียงของแมลงยามค่ำคืนบ่งบอกให้เด็กน้อยวัยหกขวบได้รู้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาค่ำแล้ว เธอมองออกไปนอกหน้าต่างในบ้านไม้เก่าๆ โทรมๆ ที่อยู่ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งในย่านกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่ใครต่างก็พูดกันว่าเป็นเมืองที่ได้รับความเจริญรุ่งเรืองที่ใครหลายๆ คนต่างก็มาหาความฝันที่นี่ ที่เมืองแห่งนี้ เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 'เมืองแห่งความฝัน'
ปัง! ปัง! ปัง!
"นังพอใจ"
"นังพอใจ! มึงยังไม่ตื่นอีกเหรออีนี่นิ!"
พอใจ ใช่นี่เป็นชื่อของเธอ เป็นชื่อที่ผู้เป็นพ่อแท้ๆ คนที่รักเธอมากที่สุดตั้งให้เธอเอาไว้ก่อนที่จะตรอมใจตาย หนีจากเธอไป ทิ้งเธอที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวเอาไว้กับแม่ แม่แท้ๆ ของเธอ
"โอ๊ย! อีเด็กนี่ภาระกูจริงๆ เลย อีเวรเรียกก็ไม่ออกมา กูรู้นะว่ามึงได้ยินที่กูพูดน่ะ"
เป็นเรื่องปกติที่คนเป็นแม่จะเมากลับมาแล้วก็มารบกวนเธอแบบนี้ พอใจนั่งชันเข่าอยู่ในห้องแคบๆ ที่แม้แต่เตียงนอนก็ไม่มี เธอยกสองมือขึ้นปิดหูแล้วมองออกไปที่นอกหน้าต่าง บ้านของเธอ ไม่สิ อย่าเรียกว่าบ้านเลยต้องเรียกว่ารูหนูของเธอเสียมากกว่า บ้านของเธอเป็นหลังที่อยู่ด้านในที่สุด และลึกที่สุด ความโชคดีอยู่ตรงที่ห้องที่เธออยู่แม้จะเป็นห้องเก็บของแคบๆ เก่าๆ แต่ก็ยังมีหน้าต่างที่พ่อเลี้ยงของเธออุตส่าห์ใจดีสร้างเอาไว้ให้เพื่อระบายอากาศ!
เหรอ…
ไม่ใช่…
เขาสร้างเอาไว้เพื่อที่จะปีนมาหาเธอต่างหาก โชคดีที่ยังมีพี่ผู้ชายคนนั้น คนที่รวยๆ คนนั้น มาช่วยเธอสร้างกลอนหน้าต่างเอาไว้ให้เธอได้หลบภัยอยู่บ้าง
บ้านของเธออยู่ติดกับบ้านหลังใหญ่ราวกับคฤหาสน์หรูรั้วบ้านหลังนั้นเป็นปูนสีขาวที่มองออกไปยาวจนไกลอย่างสุดลูกหูลูกตา ครั้งแรกที่เธอได้รู้จักกับพี่ชายคนรวยนั่นเพราะเธอปีนหน้าต่างหนีพ่อเลี้ยงออกมาในตอนที่พ่อเลี้ยงปีนเข้าไปหมายจะทำมิดีมิร้ายกับเธอที่เป็นเพียง 'เด็ก' น้อยในวัยหกขวบเท่านั้น ทันทีที่เธอกระโดดลงพื้นดัง
ตุบ!
เธอตัดสินใจวิ่ง วิ่ง และวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เด็กน้อยในวัยหกขวบที่ไม่มีแม่เป็นแม้แต่ที่พึ่ง ในชุดเสื้อยืดขาดๆ เก่าๆ กับกางเกงขาสั้นที่ยางยืดย้วยลงมาต้องใช้หนังยางมัดแกงมัดเป็นปมเอาไว้ถึงจะเกาะเอวที่ผอมบางของเธออยู่
ตุบ!
"อ่ะ!"
"วิ่งดูทางหน่อยสิ เดี๋ยวก็เป็นอันตรายหรอก"
เธอถูกพี่ชายใจดีคว้าตัวเอาไว้ พี่เขาดูสูง และรวย แม่บอกว่า คนที่ตัวหอมๆ ร่างกายดูสะอาดตา พูดจาดีๆ จะเป็นคนรวย เธอจำได้ แม่เธอสอนมาแบบนี้
"น หนู"
"หืมม ทำไมผอมแบบนี้ละ ได้กินข้าวบ้างรึเปล่า บ้านอยู่ไหน" พี่ชายคนหล่อ ปากคาบอะไรก็ไม่รู้เป็นแท่งเล็กๆ ยาวๆ มีควันออกมา และกลิ่นของมันทำให้เธอ
"แค่กๆ แค่กๆ "
"เหม็นบุหรี่เหรอ" เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ นี่มันที่ไหน เธอจำได้ว่าพอกระโดดหนีออกมาจากหน้าต่างเธอก็ก้มหน้าก้มตาวิ่ง ไม่ได้ดูทางอะไรเลย
ตึก… ตึก… ตึก…
เสียงวิ่งดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เด็กน้อยเริ่มตัวสั่นเพราะกลัว กลัวว่าพ่อเลี้ยงของเธอจะวิ่งตามมา เธอสบตากับพี่ชายใจดีที่เธอคาดว่าน่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้เธอได้ ไม่ส่งเธอให้กับคนเลวคนนั้น
"เอ่อ… คุณ"
มือของพี่ชายใจดียกขึ้น เธอจึงหันกลับไปมองเห็นเป็นลุงคนหนึ่งที่ท่าทางสุภาพ และดูเกรงกลัวพี่ชายคนนี้ไม่น้อย ลุงคนนั้นโค้งศีรษะลงเล็กน้อยแล้วค่อยๆ เดินถอยออกไป พี่ชายใจดีจับเธอให้นั่งลงที่เก้าอี้ ที่นี่เป็นสนามหญ้าที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมาตลอดอายุหกขวบนี้!
"เธอ ไม่สิ หนูชื่ออะไร"
"น หนู ชื่อพอใจค่ะ"
"อ่า พอใจ พี่ชื่อxx"
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
"เฮือกกก!" ให้ตายเถอะ นี่เธอฝันถึงพี่ชายคนนั้นอีกแล้วเหรอ
พอใจรีบดีดตัวลุกขึ้นในเวลาตีสี่กว่าเธอยังอาศัยอยู่ที่เดิม ชุมชนแออัดเดิมต่างกันแค่เพียงพี่ชายคนนั้นเขาไม่อยู่ข้างบ้านเธอแล้ว ตอนนี้ที่ข้างบ้านของเธอที่เคยเป็นบ้านของพี่ชายใจดีได้กลายมาเป็นสวนสาธารณะที่มีรั้วตะแกรงมากั้นแบ่งความเจริญกันได้อย่างชัดเจน เธอรู้เพียงแค่ว่าที่ตรงนี้ยังเป็นที่ของเจ้าของเดิมอยู่ แต่แค่เปลี่ยนจากที่อยู่อาศัยมาเป็นสวนสาธารณะที่มีพื้นที่โล่งโปร่งสบาย มีต้นไม้มีอยู่มากมาย แถมยังมีร้านขายของเล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย เธอช่างโชคดีตรงที่ประตูทางเชื่อมระหว่างความเจริญในชุมชนแออัดกับสวนสาธารณะแห่งนี้ มันดันอยู่ตรงบ้านเธออย่างพอดิบ พอดี ทำให้เธอไม่ต้องคอยหลบพ่อเลี้ยงที่จ้องจะเคลมเธอมาตลอด เพราะถ้าจะทำก็หาจังหวะยากหน่อย ตรงประตูทางเชื่อมระหว่างความเจริญแห่งนี้ มีพี่ยามที่ใจดีคอยเฝ้าดูอยู่
พอใจลุกขึ้นเก็บที่นอน แน่นอนว่าถึงตรงนั้นจะเจริญขึ้นแต่ก็ไม่ได้มาถึงบ้านเธอสักเท่าไหร่ เธอยังอยู่ในสภาพเดิม ทุกอย่างของเธอก็เหมือนเดิมต่างกันเพียงแค่ ตอนนั้นเธอหกขวบ แต่ตอนนี้เธอยี่สิบเอ็ดขวบแล้ว แม่เธอก็ยังเมาเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือเหมือนจะเกลียดชังเธอมากขึ้น
พอใจได้รับการศึกษาจากการขวนขวายที่จะไปเข้าเรียนด้วยตัวเอง โดยมีข้อตกลงกับแม่ว่าจะไม่ให้แม่เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่นิดเดียว และเรื่องงานบ้านก็จะไม่ให้ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่น้อย
แม่เธอไม่ยอม เธอเศร้าไปอยู่หลายวันจนต้องไปขอร้องลุงผู้ใหญ่ที่เป็นหัวหน้าชุมชน เป็นคนที่คนในชุมชนต่างก็นับถือ เดินมาคุยกับแม่ของเธอด้วยตัวเอง นั่นถึงทำให้แม่ของเธอยอม เธอทำงานรับจ้างคนในชุมชนตั้งแต่อายุหกขวบ ไม่ว่าจะเป็นทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า รีดผ้า ถอนหญ้า ทำกับข้าว หรือแม้แต่ตอนเรียนก็รับจ้างเพื่อนทำการบ้าน ติวพิเศษให้เพื่อน และทำรายงาน จนเริ่มมีการพูดคุยแบบปากต่อปากคงเพราะสงสารเธอน่ะสิ แต่ก็ดี เพราะเธอเองก็มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น
อีกหนึ่งอาชีพที่เธอทำตั้งแต่เรียนจบ มอ.6 ก็คือ ขายน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ เธออาศัยเรียนเอาจากศูนย์ฝึกวิชาชีพที่จะมาสอนที่ชุมชนในทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และตอนนี้เธอก็กำลังเรียนการทำโจ๊กเอาไว้ขายตอนเช้าด้วย เท่ากับว่าในหนึ่งวันของพอใจเธอจะตื่นแต่เช้าเพื่อเข็นรถเข็นไปขายน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ที่สวนสาธารณะอดีตบ้านของพี่ชายใจดี เสร็จก็จะไปเรียนหนังสือ เลิกเรียนเธอถึงจะกลับมาทำงานรับจ้างเหมือนเดิม
"จะไปขายของแล้วเหรอ"
"จ๊ะแม่" วันนี้แม่เธอแปลก ที่ตื่นมาทันเธอได้และออกมาหาเธอที่หน้าบ้านตอนที่เธอกำลังจะเข็นรถไปขายของ
"แม่มีอะไรรึเปล่าจ๊ะ" มือเรียวของแม่ที่ไม่เคยแม้แต่โอบอุ้มหรือเชื่อเธอเลยสักครั้ง กำลังแบขอเงินของลูกที่เธอไม่เคยไยดี
"เงิน มึงจะไปขายของก็เรื่องของมึง แต่เงินที่ต้องให้กูอย่าให้ขาด"