ถึงพระเนตรพระกรรณ

2254 คำ
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ วังหลวง ห้องทรงพระอักษร “ว่ามา” ฮ่องเต้แคว้นเอ่ยถามกับองครักษ์ลับ “เรียนฮ่องเต้ พ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยได้ไปสืบดูแล้วขอรับ ก่อนหน้านี้ที่ค่าย จวิ้นอ๋องได้ช่วยหญิงสาวนางหนึ่งไว้และนำกลับมาที่ค่ายด้วยขอรับ” องครักษ์ลับเอ่ยตอบ "หนีจากการกบฏล่ะสิ ไม่ได้ก่อเรื่องก่อราวอะไรอีกกระมัง" ฮ่องเต้กล่าว "คือ จวิ้นอ๋อง เอ่อ..." องครักษ์ลับไม่กล้าเอ่ย “แล้วอย่างไร...ปกติมันก็เป็นประเภทชอบเอาไม่เลือกอยู่แล้วนี่ แค่อุ่นเตียงก็คงจะพอ” ฮ่องเต้เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์นัก เพราะรู้แล้วว่าคงจะนำนางมาอุ่นเตียงเหมือนเคย “เอ่อ เท่าที่ข้าน้อยสืบมา นางเพิ่งอายุสิบห้าพ่ะย่ะค่ะ นางถูกฉุดจากผู้ประสงค์ร้าย บังเอิญคืนนั้นฝนตก ผู้นั้นพานางมาหลบในที่บเดียวกับที่จวิ้นอ๋องทำภารกิจพอดีพ่ะยาะค่ะ” “อะไรนะ นางเพิ่งอายุสิบห้าไอ้เจ้าหลานไม่รักดี! แล้วนางมีคู่หมั้นคู่หมายหรือยัง” สุรเสียงเย็นทำให้องครักษ์ก้มหน้างุดเพราะกฎเมืองมีระเบียบเกี่ยวกับการแต่งงานไว้อย่างชัดเจน “ยังขอรับ” รัชทายาทที่ฟังคำรายงานจากองครักษ์จึงนึกถึงท่าทีของหลงฉีในระยะที่ผ่านมา “เรียนเสด็จพ่อ ลูกสังเกตหลงฉีตั้งแต่กลับมาครานี้ ลูกคิดว่านางคงมีอิทธิพลต่อเขาไม่มากก็น้อย ลูกเองยังส่งคนไปสืบ ได้ความไม่ต่างกัน ลูกยังมีความเห็นว่าหลงฉีของเราคงสนใจนางไม่เช่นนั้นเขาจะออกตัวแทนนาง ทั้งซื้อร้านโรงเตี๊ยมให้นางอีก หรือว่าเขาจะสำนึกผิด?” รัชทาทเอ่ยเสริมขึ้นมาทันที “หึ! อย่างเจ้านั่นนะรึ จะสำนึกผิด แล้วเจ้านั่นมันรู้หรือไม่ว่านางอายุแค่สิบห้า” ฮ่องเต้กล่าวถาม “ข้าน้อยคาดว่าจวิ้นอ๋องคงมิทราบพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์เอ่ยตอบตามคำสันนิษฐานเพราะตัวเขาเองไม่แน่ใจนัก จวิ้นอ๋องอยากได้อยากทำอะไรใครห้ามได้ แม้แต่ฮ่องเต้ยังห้ามไม่ได้! “เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ถ้าเสด็จแม่ทราบจะไม่ทำโทษหลงฉีเหรอพ่ะย่ะค่ะ" รัชทายาท หยางเฉินกล่าวด้วยใจที่เป็นห่วงหลงฉี "ให้รู้สิ จะได้จับเจ้านั่นแต่งงานชายาเสียที" "แต่ว่า.. เอ่อ" หยางเฉิน กล่าวไม่เต็มปากนัก "ฮองเฮาเสด็จ..." ขันทีหน้าตำหนักเสียงแหลมเปล่งเสียงแจ้งให้ทราบถึงผู้มาเยือน ร่างงามแต่งกายเต็มยศเดินเยี่ยงพระวรกายเข้ามาทำให้คนด้านในยืนเคารพนบนอบ ยกเว้นแต่ฮ่องเต้ที่ยังนั่งอยู่มิขยับเขยื้อน เมื่อถึงหน้าพระพักตร์ฮองเฮาย่อพระวรกายเคารพฮ่องเต้อย่างที่ทำทุกครั้ง "หม่อมฉัน ถวายพระพร ขอพระองค์ทรงมีอายุหมื่นหมื่นปีเพคะ" "หยางเฉิน ถวายพระพรเสด็จแม่ " รัชทายาททำความเคารพทำให้ฮองเฮาหันหน้าไปเอ่ยถาม "เจ้าก็อยู่ที่นี่เช่นกันรึ หยางเฉิน" ฮองเฮาตรัสถามสีหน้าเรียบเฉย "พ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่" หยางเฉินตอบด้วยท่าทีนบนอบ "เจ้ามีอันใดหรือฮองเฮา ถึงได้มาถึงที่นี่ได้" เสียงทุ้มต่ำของฮ่องเต้ตรัสถาม "หม่อมฉันทราบมาว่า พระองค์ทรงปรึกษากับองค์รัชทายาท เกี่ยวกับหลงฉี จริงหรือไม่เพคะ" ฮองเฮามิคิดจะอ้อมค้อมแต่อย่างใด นางมาด้วยจุดประสงค์ใดก็ถามเยี่ยงนั้นเพราะในที่นี้ไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากโดยเฉพาะเรื่องของหลงฉี "ข่าวของเจ้าช่างไปไวจริงนะ ฮองเฮา" ฮ่องเต้ตรัสเสียงเรียบ ทว่าสายพระเนตรกลับมองผ่านร่างฮองเฮาไปยังกงกง ข้ารับใช้คนสนิทของฮองเฮา มีหรือที่ฮองเฮาจะไม่รู้ถึงสัญญาณภายใต้สายตาของฮ่องเต้นางจึงเอ่ยปากเพื่อมิให้ฮ่องเต้ทรงพิโรธ “ขอพระองค์ทรงพระราชทานอภัยโทษด้วยเพคะ หม่อมฉันเพียงเป็นห่วงพระองค์ เกรงว่าจะทรงวิตกกับเรื่องหลงฉี แล้วจะทำให้ทรงประชวรได้เพคะ" ฮองเฮาเอ่ย "เจ้าห่วงเรา หรือห่วงเจ้าหลงฉีกันแน่ กลัวข้าจะสั่งเจ้านั่นเข้าคุกหลวง เฆี่ยนตีหรือให้ไปปราบกบฏกัน? " ฮ่องเต้เอ่ยปาก อย่างไม่พอใจนัก "หม่อมฉันย่อมห่วงพระองค์อยู่แล้วเพคะ" ฮองเฮาเอ่ยพร้อมย่อวรกายเคารพ "แต่ข้าว่า...ตอนนี้เจ้าห่วงหลานรักของเจ้าจะดีกว่า" ฮ่องเต้แย้งขึ้นทำให้ฮองเฮาใช้สายพระเนตรกลับไปพลางตรัสแย้งเช่นเดียวกัน "หลงฉีก็หลานแท้ๆ ของพระองค์เหมือนกันนะเพคะ" ฮองเฮาเห็นฮ่องเต้ไม่ลดท่าที นางก็ไม่คิดจะใส่ใจอีกต่อไปจึงได้ตอบกลับไปเช่นนั้น "เฮ้อ! ข้าไม่อยากเถียงกับเจ้า ฮองเฮา" ฮ่องเต้ปัดพระหัตถ์ว่าจะไม่กล่าวเรื่องนี้อีกอย่างจนพระทัยเพราะรู้ว่าถ้าตัวพระองค์เองไม่ยอมลงให้ มีหวังฮองเฮาคงแสดงกิริยาเช่นนี้ต่อไป จึงใช้พระเนตรไปทางอื่น "หลงฉีไปปราบกบฏตามพระราชบัญชา เขายังกล้าก่อเรื่องอันใดได้อีกล่ะเพคะ" ฮองเฮาเห็นว่าฮ่องเต้ลงให้ตนเองแล้วจึงเอ่ยเสียงเรียบมิได้แฝงอารมณ์หงุดหงิดแต่อย่างใด "ปราบกบฏนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง ความดีความชอบควรจะแยกแยะ ออกจากความผิด นี่ขนาดเจ้านั่นไปปราบกบฏ ยังก่อเรื่องก่อราวได้อีก ต่อไปใครจะมาเกรงกลัวกฎบ้านกฎเมืองกัน" น้ำเสียงระคนเหนื่อยใจของฮ่องเต้ทำให้ฮองเฮาที่สีหน้าไม่พอใจนักหันมาให้ความสนใจกับคำพูดของสามีเพียงหนึ่งเดียวของนาง "มีเรื่องอันใดหรือเพคะ? " ฮองเฮาเอ่ยถามด้วยความสงสัยใคร่รู้ "เจ้านั่นไปนำสตรีอายุเพียงสิบห้ามาอุ่นเตียงนะสิ! " โทสะบังเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อกล่าวถึงเรื่องผิดกฎบ้านกฎเมืองและคนที่ทำผิดก็เป็นพระยุรญาติกันดีๆ นี่เอง ฮ่องเต้ตรัสโดยไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดถึงความเป็นมา ส่งผลให้คนฟังตาโตขึ้นเพราะตกใจไม่น้อย "อะไรนะเพคะ จะเป็นไปได้ยังไงหลงฉีคงไม่ทำเช่นนั้นเป็นแน่! " ฮองเฮายกพระหัตถ์ขึ้นมาทาบพระอุระ “แต่ก็ทำไปแล้วมันคงจับดาบออกรบจนเจ้านั่นสติฟั่นเฟือน แยกแยะไม่ออกหรือยังไง กฎบ้านกฎเมืองไม่สนใจกลับทำเสียเองเห็นทีต้องหาพระชายาให้เจ้านั่นสักที จะได้เป็นผู้เป็นคน ไม่ใช่อยากจะทำอะไรก็ทำ " สุรเสียงเจือโทสะเล็กน้อยเมื่อเอ่ยสิ่งที่ไม่สบอารมณ์นัก ฮองเฮารีบปรามขึ้นทันที "ขอพระองค์ทรงประทานอนุญาต เรื่องนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของหม่อมฉันเอง" "แต่..." ฮ่องเต้กำลังจะตรัสทว่าถูกฮองเฮาเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน "พระองค์ทรงให้สัตย์สัญญากับหลงฉีเรื่องคู่ครองแล้วนะเพคะ พระองค์จะใช้อำนาจบังคับหลงฉีไม่ได้นะเพคะ ต่อให้ไม่มีคำมั่นก็ตามเถิดเพคะ ขืนบังคับในสิ่งที่เขาไม่พึงปรารถนา ผลออกมาอย่างไรพระองค์ก็ทรงทราบ หรือพระองค์ลืมเหตุการณ์ของบุตรีใต้เท้าเหลียน ที่อยากเป็นพระชายาของหลงฉี จนบัดนี้ยังไม่กล้ากลับจวน นางคงตกลงปลงผมบวชชีไปแล้วกระมังเพคะ" ฮองเฮาเอ่ย เพราะเกรงว่าฮ่องเต้จะใช้พระราชอำนาจบังคับหลงฉี เขาจำได้ว่านางต้องการเป็นพระชายาของหลงฉี ส่วนเจ้านั่นเมื่อรู้เรื่องราวดันจับนางมาให้ทหารสัมผัสตัวต่อหน้าธารกำนัลและอ้างนางไม่บริสุทธิ์ "เช่นนั้นเรื่องนี้ให้เจ้าจัดการ ต่อให้เจ้านั่นได้หญิงบ้านป่ามาเป็นชายาข้าก็ไม่สน ขอให้เจ้านั่นเลิกทำตัวเหลวไหลเสียที" "หม่อมฉันน้อมรับพระบัญชาเพคะ" ฮองเฮาย่อตัวเพื่อถวายความเคารพและรับคำสั่ง หลังจากนั้นก็เดินจากตำหนักทรงพระอักษร วันรุ่งขึ้น ณ ตำหนักจวิ้นอ๋อง หยางซีหลงฉี “เรียนท่านอ๋อง ข้าน้อยวางแผนการฝึกซ้อมนายทหารไว้ที่โต๊ะแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เฟิงสือเอ่ยขึ้น “อืม...เจ้าว่างไหม?” หลงฉีเอ่ยถามอย่างเกียจคร้าน “เอ่อ ไม่ทราบท่านอ๋องจะเสด็จไปไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ” เฟิงสือ เอ่ยถาม เพราะกลัวใจของอ๋องสามผู้เป็นนายของตนเหลือเกิน ท่านอ๋องคงไม่คิดจะชวนร่ำสุราหรอกกระมังเพราะตอนนี้ยังเช้าอยู่เลย และอีกทั้งมื่อคืนก่อนเขาเพิ่งดื่มมาเอง “ข้าจะไปสืบข่าวที่หอหมื่นบุปผา” หลงฉีเอ่ยตอบ “แต่ว่า...ท่านอ๋องขอรับ เพิ่งจะเช้าเองนะขอรับหรือท่านอ๋องอยากดื่มสุราขอรับ?” “หรือว่าเจ้าจะให้ข้าดื่มน้ำชา?” “ก็ดีนะพ่ะย่ะค่ะ อย่างน้อยร่างกายของท่านอ๋องจะได้พักบ้าง!” น้ำเสียงเจือแววห่วงใยทว่าคนฟังคล้ายประชดประชัน “เจ้าจำเป็นต้องแนะนำข้ารึ!” หลงฉียกคิ้วเชิงถาม ซึ่งจริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้อยากจะไป แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงรู้สึกเบื่อ เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง “หรือเจ้าจะประลองยุทธกับข้า มา! ข้ากำลังเบื่อ ไม่ร่ำสุราก็ประลองยุทธกับเจ้านี่แหละดีแล้ว” หลงฉีไม่พูดเปล่า ใช้ขาขวาถีบไปที่ลำตัวของเฟิงสือโดยที่เขายังไม่ทันตั้งตัวจนอีกฝ่ายล้มลงไปกองกับพื้น แม้จะไม่เจ็บแต่เขาก็ต้องแสร้งเพื่อความปลอดภัยของตนเอง “ลุกขึ้นมา เจ้าเป็นสตรีหรือไงทำตัวอ่อนแอ!” หลงฉีเอ่ยสั่งให้เฟิงสือลุกมาต่อสู้กับตน เพื่อระบายอารมณ์ ทว่าเฟิงสือยังไม่ทันจะลุก พ่อบ้านประจำจวนจวิ้นอ๋องได้กระวีกระวาดวิ่งเข้ามาด้วยฝีเท้าเร็ว “เรียนอ๋องสาม รัชทายาทเสด็จพ่ะย่ะค่ะ” “มันมาทำไม! บอกไปว่าข้าไม่ว่าง” หลงฉีหงุดหงิดเมื่อได้ยินชื่อนี้จึงสั่งพ่อบ้านนำคำไปบอกกับรัชทายาท ทว่าคำพูดเมื่อครู่ยังไม่ได้ถ่ายทอดออกไปรัชทายาทหยางเฉินได้เดินเข้ามาเสียแล้ว “เจ้าไม่ว่างแต่ข้าว่างยิ่ง” หยางเฉินเอ่ยต่อหลงฉีอย่างอารมณ์ดีเป็นที่สุด อีกด้านที่อยู่ภายในเรือนอย่างพ่อบ้านและนายกองเฟิงสือเมื่อเห็นผู้มาเยือนถึงตำหนักอ๋องจึงได้ถวายความเคารพผู้มีศักดิ์ที่สูงกว่าและถอยกายออกไปจากเรือนไป “เจ้ามามีธุระอันใด” หลงฉีเอ่ยขึ้นอย่างเกียจคร้านทั้งไม่ปรายตามองหยางเฉินสักนิด “ข้าจะแวะมาหาน้องชายบ้าง จำต้องมีธุระด้วยรึ” “เจ้าอยากตายหรือไง” หลงฉีเริ่มมีโทสะ “อะไรของเจ้า ไยต้องมีโทสะด้วยเล่า ข้าแค่คิดถึงน้องชายข้ายิ่ง ไหนๆ เจ้ากลับมาร่วมสามเดือนแล้ว ยังไม่ได้พูดคุยกันฉันพี่น้อง ข้าก็เลยแวะมาทักทายเพราะเห็นว่าช่วงนี้เจ้ายุ่งกับกองทัพมากจนน่าแปลกใจ มีอะไรให้ข้าช่วยเจ้าได้หรือไม่” หยางเฉินเอ่ยถาม ด้วยสีหน้าที่ฉายแววเจ้าเล่ห์เพราะเขานี่แหละที่เสนอฮ่องเต้ให้หลงฉีนำทัพไปปราบกบฎด้วยเกรงว่าหลงฉีจะสร้างเรื่องในเมืองหลวงจนฮ่องเต้ปวดพระเศียร “ไม่มี!” หลงฉีตอบอย่างไม่สบอารมณ์และไม่อยากจะตอบอันใดกับรัชทายาทผู้นี้แม้แต่นิด “อะไรของเจ้านี่ วันๆ เจ้าจะคุยดีกับคนในครอบครัวบ้างไม่ได้รึยังไง” “เรื่องของข้า เจ้ายุ่งอะไรด้วย?” “ระวังเถอะนะหลงฉี...จะไม่มีใครยอมแต่งให้เจ้า จวนอ๋องจะไร้พระชายาแล้วจะหาว่าข้าไม่เตือน” “เจ้าพล่ามพอหรือยัง?” “ยัง!” หยางเฉินเห็นใบหน้าหงุดหงิดยิ่งชอบใจจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งเพื่อกระตุ้นอารมณ์ของอีกฝ่าย “ข้าอยากรู้ว่าเมื่อไหร่เจ้าจะแต่งฮูหยินเข้าจวนเสียที จวนเจ้าจะได้มีสีสันบ้าง มองไปทั้งไหนล้วนเห็นแต่ชาย สาวงามแทบจะไม่มีจะมีก็แต่อายุล่วงวัยออกเรือน ข้าล่ะกลัวน้องชายข้าจะกลายเป็นประเภทชอบตัดแขนเสื้อตนเอง” หยางเฉินเอ่ยน้ำเสียงกลั้วยิ้มทำให้หลงฉีตวัดตาตอบกลับทันที “ให้ข้าแต่งชายา แล้วให้มาขี่คอเล่นเหมือนเจ้านะรึ? ผู้หญิงมีหน้าที่อันใด ข้าคิดว่าเจ้าคงจะไม่ลืมกระมัง” เขาย้อนถามจำได้ว่าสตรีเชือดเฉือนกันเพราะเรื่องของอีกฝ่ายในอุทยาน เห็นแล้วปวดหัว “ข้ามิลืมแน่ๆ ว่าหญิงเปรียบเหมือนบุปผางาม ที่ทำให้โลกนี่สดใส หาไม่โลกย่อมขาดสีสัน” มุมปากของอีกฝ่ายกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดขัดใจ “หึ! แค่อุ่นเตียง ไยต้องมากเรื่อง?” “เอาเถอะ ข้าผ่านมาทางนี้เลยคิดจะชวนเจ้าเข้าวังเพื่อเฝ้าเสด็จแม่ ช่วงนี้พระองค์ทรงตรัสถามถึงเจ้าบ่อยว่ากลับจากว่าราชการครั้งใด เจ้าไม่ไปเยี่ยมพระองค์บ้าง” หยางเฉินเอ่ยพร้อมดูสีหน้าของผู้เป็นน้อง “ข้าไปแน่ แต่ไม่ไปกับเจ้า” หลงฉีตอบจริงจังจนหยางเฉินหัวคิ้วขมวดเข้าหากัน “หรือว่าเจ้ามีปัญหาอันใด?” “เปล่า! " “เอาเถอะ ข้าแค่แวะมาเฉยๆ รอข้าว่างจะมาชวนเจ้าเดินหมากด้วยแล้วกัน ข้าไปก่อนล่ะ” “ข้าไม่ส่ง มาเองได้คงหาทางกลับได้” “ท่าทางเจ้าจะหงุดหงิดเสียจริงนะหลงฉี เอาล่ะๆ ข้าไม่กวนเจ้าแล้ว ข้าไปก่อนนะ” หยางเฉินเอ่ยพร้อมเดินจากไป “เจ้าหลงฉีเอ๋ย ไม่แต่งคราวนี้ เจ้าจะแต่งคราไหน มาดวลกันสิว่าเจ้าหรือข้าใครจะแน่กว่ากัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม