ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าการเชื้อเชิญคนในขบวนมาทานอาหารภายในร้าน เขาต้องขาดทุนย่อยยับมิหนำซ้ำค่าเช่าแผงหน้าร้านยังไม่พอจ่ายอยู่แล้ว และช่วงที่เสี่ยวหลานหายไปเขาคิดว่าจะหยุดขายเพื่อตามหาบุตรสาวทว่าเจ้าของร้านได้ยื่นคำขาดว่าหากไม่มาขาย เจ้าของร้านจะไม่ให้เช่าหน้าร้านอีกต่อไปและจะขอเก็บค่าค้างจ่ายทั้งหมดที่เขาเคยค้างเอาไว้ด้วย ทำให้เวลานี้เขามีหนี้เพิ่มขึ้น เสี่ยวหลานมองสีหน้าบิดาก็เข้าใจทันที นางสีหน้าสลดลงจนหลงฉีที่ไม่ได้สนใจยังสังเกตเห็น
เสี่ยวเค่อยังคงจัดแจงอาหารที่เตรียมมาขายทั้งหมดในชามเดินมาวางให้กลุ่มผู้มีพระคุณ เมื่อคนภายในร้านได้ยินว่าคนมาใหม่เป็นถึงท่านอ๋องของแคว้น จึงลุกออกจากร้านไปเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้มีอำนาจของแคว้นผู้หนึ่ง คงจะมีก็แต่เจ้าของร้านที่แอบส่ายหน้าในใจเพราะลูกค้าหดหายทำการค้าครั้งนี้คงขาดทุนเพราะจำนวนเงินทั้งหมดเสี่ยวเค่อต้องเป็นผู้รับผิดชอบรวมถึงค่าอาหารของลูกค้าที่ทยอยออกไปเมื่อครู่นี้ด้วย
หลังจากที่หลงฉีและพวกได้ที่นั่งเรียบร้อย หม่าเสี่ยวเค่อนำซาลาเปาและเสี่ยวหลงเปา จากร้านของตนมาวางบนโต๊ะ ด้านเจ้าของร้านหวังจะได้หน้าบ้าง ไม่แน่ว่าเศษเงินของท่านอ๋องผู้นี้อาจจะโยนมาทางเขาบ้างก็เป็นได้ ค่าอาหารน้อยนิดนั้นช่างประไร ก้อนเงินก้อนทองสักสองสามก้อนคงจะดีไม่น้อย จึงนำเหล้าและอาหารการกินที่ดีมาให้ทว่าในใจยังคงคิดเงินกับหม่าเสี่ยวเค่ออยู่ดี เพราะถึงอย่างไรอ๋องผู้นี้ก็ไม่มีทางรู้เป็นแน่
หลงฉีและพวกต่างพากันกินอาหารที่หม่าเสี่ยวเค่อและเจ้าของโรงเตี๊ยมจัดหามาด้วยท่าทีผ่อนคลาย ระหว่างที่นั่งทานโดยที่คนทั้งหมดไม่ได้เอ่ยสิ่งใด จู่ๆ ก็มีเสียงหญิงสาวร่างท้วมเดินตรงเข้ามาโวยวายเสียงดังเอ็ดตะโรภายในร้าน แม้แต่เจ้าของโรงเตี๊ยมที่ฝีปากกล้ายังไม่กล้าเข้าไปทักท้วงได้แต่ภาวนาในใจให้สตรีน่าตายนางนี้หยุดการกระทำ
“มาแล้วรึ! แม่นางตัวดี...เจ้าบอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าเจ้าเอาสามีข้าไปซ่อนไว้ที่ไหน” เสี่ยวหลานตกใจไม่น้อย ทั้งอับอายระคนหวาดผวาหากพูดออกไปว่าสามีของย่งฮูหยินได้สิ้นชีพเพราะ...ตนเป็นสาเหตุ ส่วนฆาตกรนั้นได้นั่งอิ่มหนำสำราญอยู่ตรงนี้
“ข้า...เอ่อข้า...ข้าไม่ได้ซ่อน ตะ..แต่..แต่ว่า...” เสี่ยวหลานเอ่ยตะกุกตะกักไม่กล้าตอบ หากนางกล้าแล้วจะให้นางตอบว่าอย่างไร
“นางจิ้งจอก! เจ้าเห็นข้าโง่หรือไงห๊า! อายุแค่นี้...ริอาจอยากเป็นอนุไม่ดูฐานะของตน คิดยั่วสามีข้า จำไว้ถ้าข้าไม่อนุญาตอย่าหวังเลยว่าเจ้าจะได้แต่งเข้าจวน ไอ้สุนัขหน้าไหนได้เจ้าไปมีแต่ซวย ทั้งรู้ร่างหน้าตายั่วยวนมีหวังได้พาชู้มาเริงระบำจนสามีเจ้าต้องจุกอกตาย พ่อแม่สามีมีแต่...” ฮูหยินของย่งหลันตี๋ด่ากราดเท่านั้นยังไม่พอนางยังตรงเข้าไปทำร้ายร่างกายของนาง ทว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเดินไปห้ามปราม ส่วนเฟิงฉือเกือบสำลักตั้งแต่คำว่า ‘ซวย’ เขาพาลนึกถึงเหตุการณ์ที่ท่านอ๋องกับแม่นางน้อยในกระโจม เขายังแอบลอบมองหลงฉีเป็นระยะ เห็นเขายังไม่มีทีท่าอะไรทว่าในใจเขาตระหนักรู้ว่าท่านอ๋องเดือดดาลเพียงแต่ระงับเอาไว้ก่อน แต่เพราะสตรีปากพล่อยทำร้ายเสี่ยวหลานต่อหน้าต่อตาหลงฉี เขาเองยังทนดูไม่ได้จึงเอ่ยสักนิด
“เอ่อ...ท่านอ๋องขอรับ ท่านไม่คิดที่จะช่วยแม่นางน้อยหน่อยหรือขอรับ” เฟิงฉือนายกองคนสนิทกระซิบเสียงเบาเพราะรู้สึกสงสารนางขึ้นมาจับใจทั้งๆ ที่นางไม่ได้ผิดอันใดเลย
“เจ้าสงสารนางรึ” หลงฉีเอ่ยถามเสียงเรียบ เฟิงฉือหลุบตาต่ำเอ่ยตอบอย่างเกรง
“เอ่อ...แต่ว่า นางโดน...” เฟิงฉือไม่กล้าที่จะบอกว่านางโดนอะไรตอนนี้ อยากให้อ๋องใจดำคนนี้หันไปมองเสียหน่อยไม่ดีกว่าหรือ ได้ลูกสาวชาวบ้านมาแล้วแค่ยื่นมือยุ่งเรื่องชาวบ้านสักนิดจะเป็นไรไปเชียว
“หึ! คิดทำการใหญ่ อย่าสนเรื่องเล็กน้อย” หลงฉีเอ่ยขึ้นไม่ยี่หระต่อสายตาว่าเฟิงสือจะมองอย่างไร เขาแค่หลุบตาต่ำไม่มองภาพเมื่อครู่ทว่าในใจกับคิดย้อนแย้ง
"ขอรับท่านอ๋อง" เฟิงสือตอบกลับอย่างจำใจทว่าความสงสารก็ทวีมากขึ้นเรื่อยๆ ในใจนึกกระวนกระวายครั้นตนเองจะเข้าไปช่วยก็คงไม่ได้