ข้าไม่อยากแต่ง

1743 คำ
ระหว่างนั้นทั้งเสี่ยวหลานและเสี่ยวเค่อได้ยกอาหารไปต้อนรับคณะของทางราชสำนัก ก่อนจะเดินออกไปหลังร้านและประจวบเหมาะที่ทั้งมารดา พี่ชายและพี่สะใภ้ทราบเรื่องของเสี่ยวหลานได้เดินทางมาที่ร้านหากแต่อ้อมมาทางหลังร้าน ตรงเข้ามาคุยกับเสี่ยวหลานกับเรื่องที่เกิดขึ้น "นี่มันเรื่องอันใด เสี่ยวหลาน" มารดาเอ่ยถามอย่างร้อนใจ "ข้า...ข้ามิทราบท่านแม่ ข้าไม่ไปได้หรือไม่ ข้าไม่อยากเป็นอนุของจวิ้นอ๋อง" เสี่ยวหลานเอ่ย พร้อมเสียงสั่นเครือก่อนที่น้ำตาค่อยๆ ล่วงหล่นลงมา "เราลองไปของร้องท่านเสนาบดีดีหรือไม่ บอกว่านางป่วยหรือไม่ก็แจ้งไปว่านางออกเรือนแล้ว ดีหรือไม่ท่านพ่อ" พี่ชายคนรองเสนอความคิดที่ตนเองคิดได้เวลานี้ออกไป "ไม่ได้! " ทั้งกลุ่มหันมาตามเสียงที่ไม่คุ้นเคยแล้วก็ต้องตกใจ "อ๊ะ! ท่าน" เสียงเสี่ยวเค่อตกใจจนร้องอุทานขึ้นมา "โกหกเบื้องสูงถึงกับประหารทั้งตระกูล! " สีหน้าของคนฟังตื่นตระหนกไม่น้อยยิ่งได้ยินคำว่าประหารทั้งตระกูล มารดาของเสี่ยวหลานถึงกับเข่าอ่อนและแทบจะเป็นลมทั้งที่ยังยืน ต้องเหนื่อยลูกสะใภ้เข้ามาประคอง โกหกเบื้องสูงมีโทษประหารทั้งตระกูล คำพูดนี้ยังคงกึกก้องยังโสตประสาทของคนตระกูลหม่า "ขออภัยที่ข้าต้องพูดความจริง" เฟิ่งสือกล่าว สายตาของเขากวาดไปยังครอบครัวของนาง รวมถึงเสี่ยวหลานเช่นกัน เขารู้ดีว่าความที่นางเป็นสาวชาวบ้านป่า ต้องมาจากพ่อจากแม่และคนในครอบครัวไปอยู่ที่อื่นเพียงลำพังนั้นมีความรู้สึกเช่นไร มิหนำซ้ำชื่อเสียงของหลงฉีจวิ้นอ๋อง ก็สุดแสนจะโหดร้ายยิ่งกับการรบแล้วละก็... รบชนะอย่างเดียวไม่เลือกวิธีการ ส่วนเรื่องสตรีหลงฉีก็ไม่เคยคิดแต่งชายาหรือรับอนุ หากสตรีใดทำให้ขุ่นเคืองใจล่ะก็ หลงฉีจวิ้นอ๋องจะหาวิธีสร้างความอับอายให้สตรีนางนั้น แต่ความจริงแล้วเฟิ่งสืออยู่กับเขามานานย่อมรู้นิสัยเขาเป็นอย่างดี อย่างน้อยท่านอ๋องต้องมีใจให้เสี่ยวหลานบ้างเป็นแน่ มิฉะนั้นหรือจะยอมออกหน้ารับนางเป็นอนุ เพื่อช่วยนางเช่นนั้น ดังนั้นเขาตัดสินใจเอ่ย "แม่นางเสี่ยวหลาน ข้าน้อยขอคุยกับท่านสักหน่อยได้หรือไม่" เสี่ยวหลานมองหน้าผู้ที่สนทนากับนางด้วยใจระทึก ทั้งที่ไม่อยากจะสนทนาด้วยแต่เพราะนางคาดคิดว่าบทสนทนาที่คุยต้องเกี่ยวพันกับครอบครัวของนางเป็นแน่ นางจึงรับปากและเดินไปหาเฟิ่งสือ "เชิญท่านตามข้ามาทางนี้" นางเดินนำเฟิ่งสือไปที่อื่นเพื่อให้ได้ยินเพียงแค่สองคนเท่านั้นหากแต่คนภายในครอบครัวยังเห็นทั้งคู่สนทนากันได้ "ท่านกล่าวมาเถอะ" "ข้าจะไม่พูดอ้อมค้อมนะ ข้ารู้ว่าเจ้าลำบากใจที่ต้องมาเจอสถานการณ์เช่นนี้ ข้าเองก็เห็นใจเจ้าไม่น้อย เฮ้อ! มันเป็นพระราชเสาวนีย์ที่ฮองเฮาตรัสรับสั่งมา ข้าเองก็จนปัญญา อีกทั้งจวิ้นอ๋องก็เคยช่วยเจ้าไว้แม้จะ...ช่างเถอะ! ถ้าเจ้าไม่ไปเป็นอนุของจวิ้นอ๋อง เจ้าก็ต้องแต่งงานกับคนที่ฮองเฮาหาให้อยู่ดี เพราะว่า...เรื่องที่เจ้ากับจวิ้นอ๋อง เอ่อ.. ฮองเฮาทรงทราบเรื่องแล้ว" "ละ..แล้ว พระองค์ทรงทราบได้อย่างไร" เสี่ยวหลานตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน มือทาบอกของนางเพื่อพยายามฝืนกล่าวคำถามที่แสนจะยากเย็น "แม่นาง เจ้าก็น่าจะรู้นะ ถ้าพระองค์อยากทราบอะไร เพียงเวลาไม่ถึงชั่วยามก็รู้รายละเอียดทั้งหมดแล้ว หูตากว้างไกลเยี่ยงนั้น" "พระองค์ทราบจากจวิ้นอ๋องหรือ? " นางอดที่จะสงสัยไม่ได้ "ที่ไหนเล่า! จวิ้นอ๋องหรือจะพูด แค่วังหลวงยังไม่อยากจะก้าวเท้าเข้าไปเลย เอาน่า! เจ้าก็อย่าถามข้ามากนักเลย ข้าว่าเจ้าเตรียมตัวเถอะ พวกข้ามีเวลาไม่มากนักหรอก" "แต่ว่าข้า..ข้า...เอ่อ...ข้า" "ข้า ข้า ข้าอะไรของเจ้าอีกเล่า เจ้าจะกลัวอะไรนักหนา" "ข้าไม่อยากเป็นอนุของจวิ้นอ๋อง " "โถ! ข้านึกว่าเรื่องอะไร แค่นี้นี่เอง จริงๆ แล้วจวิ้นอ๋องไม่เคยคิดจะรับพระชายาหรืออนุเลยสักคน แต่เจ้าโชคดีมากเลยนะ อยู่กับจวิ้นอ๋องก็ใช่จะเสียหาย บิดามารดาเจ้าก็มีหน้ามีตา ไหนๆ เจ้าก็ต้องแต่งออกสักวัน เจ้าก็แต่งเข้าจวนจวิ้นอ๋องเสีย อย่างน้อยก็ยังรู้จักหรือว่าข้าพูดไม่จริง เจ้าแต่งกับใครจะมั่นใจได้อย่างไรว่าครอบครัวเจ้าจะไม่ลำบาก ข้ามั่นใจในตัวนายของข้า ถ้าไม่หวังดีกับเจ้า ท่านอ๋องคงยินยอมให้ฮองเฮาจับคู่ให้เจ้าแต่งกับใครก็ไม่รู้ไปแล้ว" นายกองเฟิ่งสือกล่าวพร้อมมองสีหน้าหญิงสาวเห็นนางยังคงวิตกทั้งไม่กล่าวสิ่งใดเพียงแต่หลุบตาต่ำ "จริงๆ แล้วจวิ้นอ๋องก็ไม่ใช่คนโหดร้ายอย่างที่ใครเค้าลือกันหรอกนะ เจ้าอยู่กับท่านอ๋องไปสักวันเจ้าก็รู้เองนั่นแหละ" "แต่..แต่ว่า.. " "เจ้าอย่าทำให้ข้าลำบากใจน่า นึกถึงบิดา มารดาเจ้าเอาไว้เยอะๆ จวิ้นอ๋องมีพร้อมทุกอย่าง ท่านมอบความสุขให้เจ้าและครอบครัวเจ้าได้น่า" "แต่ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่อยากแต่ง" "นี่แม่นาง...ที่ข้าพูดมาเจ้ายังไม่เข้าใจรึ หรือว่าเจ้าอยากแต่งกับคนอื่น แต่เจ้าอย่าคิดว่าจะได้แต่งกับคนที่เจ้าพึงพอใจ ฮองเฮาท่านเตรียมการไว้หมดแล้ว" คำพูดของนายกองเฟิ่ง ทำให้นางแทบจะทรุด นางถึงกับหันไปมองบิดามารดาของนางที่โอบกอดกันอยู่ นางจะทำเช่นไร ความร้ายกาจของเขาใช่ว่านางจะไม่เคยรับรู้ เพื่อครอบครัวที่ต้องปกป้อง "ข้ายอมไปก็ได้ แต่ข้าขอเวลากล่าวลาครอบครัวข้าก่อนได้หรือไม่" "อืม” เขาตอบรับอย่างเหนื่อยใจกว่าจะอธิบายความจริงที่เกิดขึ้นกับนางได้ ยากยิ่งกว่าจับดาบฟาดฟันเสียอีก หลังจากที่ทั้งคู่จบการสนทนาพูดคุยกันแล้ว นางตรงไปหาครอบครัวเพื่อจับเข่าคุยกันถึงเรื่องนี้ ทางด้านเฟิ่งสือเขารู้ว่านางต้องการเวลาส่วนตัว คนภายนอกเช่นเขาจะอยู่ร่วมฟังหรือเสนอความคิดด้วยไม่ได้ จึงได้แต่เดินออกไปรอด้านนอก เมื่อเห็นว่านายกองเฟิ่งสือออกไปด้านนอกแล้ว นางก็เริ่มคุยกับคนในครอบครัวตน "ท่านพ่อท่านแม่ ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะไปอยู่กับจวิ้นอ๋อง" นางกล่าวพร้อมหลุบตาไม่กล้ามองคนในครอบครัว "เจ้า...เจ้าเสียสติหรือยังไง จวิ้นอ๋องเป็นคนยังไงก็ไม่รู้แน่ชัด เจ้าอยู่กับเขา มีแต่เจ้าจะลำบากกายลำบากใจ" บิดานางกล่าว ส่วนมารดาก็เอาแต่ร่ำไห้ต่อเรื่องที่เกิดขึ้น "ไม่หรอกท่านพ่อ จวิ้นอ๋องเคยช่วยลูกไว้ นี่แสดงให้เห็นว่าเขาก็เป็นคนดีคนหนึ่ง อีกอย่างจวิ้นอ๋องก็มีพระคุณ ซื้อร้านนี้ให้แก่เรา บุญคุณต้องตอบแทน" นางพูดอธิบายเหตุผลให้กับคนในครอบครัวนาง "เราคืนร้านนี้ให้กับเขาได้หรือไม่" พี่ชายคนโตท้วง เพราะระหว่างร้านกับน้องสาว เขาย่อมต้องเลือกน้องสาว "คิดมันง่ายแต่ทำคงยากแน่พี่ใหญ่ อย่างน้อยร้านนี้ก็ทำให้ครอบครัวเราดีขึ้นมิใช่หรือ" "แต่เจ้าจะไปอยู่ยังไง ตัวคนเดียวในเมืองหลวง ไร้ญาติขาดมิตร" คำพูดของมารดา กระแทกไปยังโสตประสาทของสาววัยแรกรุ่นถึงแม้จะเป็นวัยเจริญพันธุ์ทว่ามิใช่จะโตเต็มวัยในการออกเรือนนัก "ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ใหญ่ พี่รอง ข้ารู้ว่าพวกท่านเป็นห่วงข้า แต่จะทำอย่างไรได้เล่า ข้ากลัว กลัวแม้กระทั่งลมหายใจของพวกเขา แต่ข้ากลัวมากกว่าคือพวกท่านจะต้องลำบากไปกับข้าด้วย จริงอย่างที่ท่านทหารผู้นั้นกล่าว สักวันข้าก็ต้องออกเรือน วันข้างหน้าสามีข้าจะเป็นใคร นิสัยเช่นไรข้ามิทราบได้ แต่ถ้าแต่งให้จวิ้นอ๋อง อย่างน้อยพวกท่านก็ไม่ลำบาก ลูกมิอาจทำตัวเป็นคนอกตัญญูดึงพวกท่านต้องมาลำบากด้วยได้" "เจ้าตัดสินใจดีแล้วรึ เสี่ยวหลาน" ผู้เป็นพ่อเอ่ยถาม นางหันไปมองพิจารณาชายตรงหน้าที่ใบหน้ามีริ้วรอยของความเหน็ดเหนื่อยมาทั้งชีวิต ผมสีเลาขาวแซมขึ้นบนศีรษะที่ชี้ให้เห็นการผ่านชีวิตต่างๆ นานามามากมาย ใช่! การตัดสินใจครั้งนี้ดีที่สุดแล้วนางจึงพยักหน้ารับ "เจ้าค่ะท่านพ่อ" "แต่เจ้าบอบบางถึงเพียงนี้นะเสี่ยวหลาน" ผู้เป็นมารดาเดินตรงมา แล้วใช้มือจับไปที่ศีรษะของบุตรสาวตน "ข้าจะไม่อ่อนแอท่านแม่ ข้าสัญญาแล้วข้าจะเขียนจดหมายมาถึงท่านบ่อยๆ เจ้าค่ะ" "ถ้าเจ้าตัดสินใจเช่นนั้น พวกเราก็จะเคารพการตัดสินใจของเจ้า พ่อจะให้พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ ไปนำของมีค่าติดตัวไป" "ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ" รอเวลาประมาณหนึ่งชั่วยาม เสี่ยวหลานเดินออกมาพร้อมกับคนในครอบครัวของนาง ใบหน้าของนางไม่ได้สู้ดีนัก เพราะดวงตาทั้งสองยังแดงก่ำทั้งบวมแดงหลังผ่านการร้องไห้ ใครๆ ต่างรู้สถานการณ์ว่านางคงจะชอกช้ำใจอย่างมาก แต่จะทำอย่างใดได้เล่า "ข้าพร้อมแล้ว ไปเถอะเจ้าค่ะ" สิ้นเสียงของเสี่ยวหลานคนทั้งหมดที่นั่งรอนางจึงลุกจากที่นั่ง มีเพียงเสนาบดีที่เดินมาคารวะบิดามารดาของเสี่ยวหลานทั้งพูดเพียงแผ่วเบา "พวกท่านอย่าได้กังวลไป ข้าน้อยจะดูแลนางเหมือนบุตรสาวคนหนึ่ง" "ขอบคุณใต้เท้า ข้าน้อยฝากบุตรสาวด้วย นางยังเยาว์นัก หากทำอะไรผิดพลาดก็บอกกล่าวนางด้วยเถอะใต้เท้า" "ได้ๆ ข้าไปก่อนล่ะ” หลังจากร่ำลากันพวกเขาทั้งหมดหมุนกายเดินออกไปจากร้านมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม