GEAR 11 : พ่อทูลหัว 2

1474 คำ
เอาล่ะ พวกพี่เขาจะมองฉันยังไงเนี่ย มาอยู่ห้องผู้ชายสองต่อสอง ดูหน้าพวกพี่เขาตอนนี้คือตกใจกันมากๆและฉันรู้ว่าพวกพี่เขาพร้อมจะล้อแน่นอน ถ้าหากฉันไม่มีเหตุผลดีๆ ที่ฟังขึ้นว่าทำไมมาอยู่ห้องเฮียได้ “เอ่อ” ฉันก็ไม่รู้จะเริ่มพูดอะไรก่อนดี ควรกล่าวทักทายสวัสดีค่ะ หรือควรรีบหนีไปจากตรงนี้ แต่เอาเข้าจริงถ้าหนีตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว เล่นยืนประชันหน้ากันขนาดนี้ เรื่องนี้ต้องไปถึงหูเหล่าเพื่อนตัวแสบของฉันแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังร้อนรนทำตัวไม่ถูก และคงแสดงอาการออกให้พวกพี่เขาเห็น “น้องซินมาทำอะไรที่นี่” เป็นพี่สิบทิศแฟนสุดหล่อของเพื่อนสาวฉันเองที่ถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูสงสัย แต่สายตาของพี่เขานอกจากจะดูไม่สงสัยเท่าไรแล้ว ยังมองมาอย่างรู้ทัน อย่ามาต้อนฉันนะ แล้วจะให้ฉันตอบไปว่าอะไร ถ้าตามความจริงก็ ‘อ้อเฮียชวนมาดูหนังค่ะ แต่เฮียไม่ยอมดู แถมยังนอนตักฉันแล้วหลับไป แล้วฉันก็หลับตามไปด้วยความง่วง หลังจากนั้นตื่นมาอีกทีก็อยู่บนที่นอนของเฮีย ด้วยบรรยากาศและอารมณ์พาไปก็จูบกันนิดหน่อยค่ะ แต่เราไม่ได้เกินเลยนะคะ’ บ้าไปแล้วถ้าตอบแบบนั้นต้องโดนแซวไปตลอดแน่ เพราะงั้นฉันจะไม่มีวันบอกความจริงเด็ดขาด สมองอันน้อยนิดกำลังประมวลผลด้วยความรวดเร็ว เพื่อหาข้ออ้างที่ดูดี และเพื่อให้หลุดพ้นจากสายตาของเหล่าคนขี้สงสัยทั้งหลาย “อ่อ มา...” กำลังจะตอบว่ามารอเฮีย รอเฮียแต่งตัวไปกินข้าวค่ะ เออฉันก็คิดได้แค่นี้แหละ ในสถานการณ์ที่บีบคั้นแบบนี้สมองฉันมันทำงานไม่ทันหรอกนะ แต่ก็ยังไม่ทันได้ตอบก็เหมือนมีสิ่งที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเข้ามาประชิดด้านหลังของฉัน พร้อมกับมือเรียวยาวที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดอย่างที่ผู้หญิงคลั่งไคล้ยื่นมาเพื่อปิดประตู ปัง! นั่นเป็นการตัดการสนทนากับพี่ๆ อย่างสิ้นเชิง แต่ด้วยการกระทำของนี้ ฉันก็รีบหันหลังกลับไปหาเขาทันที ยิ่งเขาทำแบบนี้ พี่ๆ ก็จะยิ่งแซว น่ะสิ แล้วนี่ก็โวยวายกันอยู่ด้านนอกเสียงดัง จนเสียงทะลุผ่านประตูเข้ามา ได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน “เฮ้ย! ไอ้อัค เปิดประตูให้พวกกูนะเว้ย!!!” “มาแอบทำอะไรกันว้า” “อย่าหนีนะเว้ยยย” “น้องซินนนน เปิดประตูให้พี่หน่อยค่า” ตุบๆๆๆ ตุ๊บ! คราวนี้ไม่เคาะแต่ทุบเลยต่างหาก แล้วเขานี่มายืนเฉยอะไรอยู่นี่จะพูดจะทำอะไรก็ไม่ทำ ช่วยกันแก้ก่อนได้ไหม “เฮีย! ทำแบบนี้ทำไม เดี๋ยวพวกพี่เขาก็สงสัยไปกันใหญ่หรอก ถ้าเขารู้แล้วแซวขึ้นมาฉันจะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน” ฉันพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าปกติมากๆ และดันตัวเขาเดินออกมาให้ห่างจากประตู เพราะกลัวคนข้างนอกจะได้ยิน “พวกมันไม่โง่...” เออก็รู้ว่าพวกพี่เขาไม่โง่หรอก แต่เราก็ควรทำตัวให้เป็นปกติมากกว่านี้สิ ถึงพวกพี่ๆ เขาจะรู้ว่าเราสองคนคุย ๆ กันอยู่ก็เถอะ แต่พอพวกเขามาเห็นว่าฉันอยู่กับเฮียสองต่อสองแบบนี้ ฉันก็ทำตัวไม่ถูก แล้วยังทำท่ามีพิรุธอีก ฉันกลัวว่าพวกพี่เขาจะคิดไปไกลเกินกว่าความเป็นจริง “รู้...แต่...” เขาก็ควรอธิบายเหตุผลดีๆ ที่ดูฟังขึ้นเพื่อไม่ให้คนอื่นคิดไกลไม่ใช่การปิดประตูหนีแบบนี้ “ถึงอธิบายมันก็ไม่เชื่อกันหรอก” เหมือนเขาจะรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไร จากท่าทางและสายตาที่เป็นกังวล “…” “ปิดประตูหนีพวกมันเพราะคิดว่าเธอต้องพยายามอธิบายอะไรที่มันเด๋อๆ ... และจะทำให้พวกมันล้อมากกว่าเดิม เข้าใจไหมเด็กน้อย” เขาพูดด้วยประโยคยาวๆ อย่างที่ไม่เคยพูดมาก่อน เพื่อพยายามอธิบายให้ฉันเข้าใจ แถมยังยกมือมาขยี้ผมฉันอีกต่างหาก อย่ามามีโมเมนต์ทำท่าทางเอ็นดูฉันตอนนี้นะ แต่พอคิดไปคิดมาตามที่เขาพูดแล้ว เข้าใจก็ได้ เพราะฉันคิดว่าเขาคงมีสติมากกว่าฉันและน่าจะรู้จักเพื่อนของเขาดี “แล้วเฮียจะทำไงต่อ” “เปิดประตู...เธอไม่ต้องอธิบายเดี๋ยวฉันจัดการเอง” เขาว่าพร้อมกับดันตัวฉันให้ไปนั่งรอที่โซฟา แล้วเขาก็เดินไปเพื่อเปิดประตู ที่ตอนนี้เสียงโวยวายข้างนอกเริ่มเงียบไปแล้ว คงพยายามหาทางอื่นน่ะสิ เพราะตอนนี้โทรศัพท์ของเฮียที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟากำลังสั่นรัวๆ และแสดงหน้าจอว่าเป็นพี่ดินที่โทรเข้ามา ฉันมองหน้าจอสลับกับเฮียที่กำลังจะเปิดประตู ก็ได่แต่ถอนหายใจด้วยความปลงตก แต่การสั่นของสายเรียกเข้าก็หยุดไปเพราะเฮียเปิดประตูให้พวกพี่เขาแล้ว และยังไม่ทันที่เฮียจะได้พูดอะไร พวกเขาก็รีบผลักตัวเฮียออกจากประตูทางเข้า เพื่อให้ตัวเองได้เข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว โดยมีพี่ดินเป็นแกนนำ (เสมอ) “น้องซินนนนน” พอเข้ามาได้ก็ถลาเข้ามาหาฉันทันที แต่ยังไม่ทันได้ถึงตัวฉันก็มีขาของคนที่คุณรู้ว่าใครเข้ามาสกัดขาพี่ดินไว้ก่อน ทำให้เขาสะดุดและล้มลงไปกับพื้น เฮียก็หยอกกันแรงไป การกระทำนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากพี่ๆคนอื่นทันที “มึงสกัดขากูทำไม!?” พี่ดินหันไปด่าเฮียด้วยใบหน้าบูดบึ้งทันที แต่ก็ทำอะไรคืนไม่ได้ คงจะเจ็บอยู่นะนั่น แล้วก็ไม่มีใครช่วยเขาเลย พี่ๆ คนอื่นตอนนี้ก็มาจับจองนั่งเก้าอี้ที่ว่างๆ ภายในโซนรับแขกกันหมดแล้ว ยังเหลือพี่ดินที่นั่งจับกบอยู่กับพื้นโดยไม่มีใครสนใจ พอเข้ามากันหมดห้องที่ว่าใหญ่ตอนนี้ดูเล็กไปเลย “รำคาญ” เขาว่าพร้อมกับเดินมานั่งตรงที่พนักแขนโซฟาตัวที่ฉันนั่ง เพราะไม่มีที่นั่งที่อื่นแล้ว “ไอ้...” พี่ดินว่าแล้วลุกมานั่งที่พื้นหน้าทีวี “มึงก็อย่าไปเล่นกับคนของมัน” พี่กานต์ว่าพร้อมกับมองมาที่ฉันกับเฮียแบบยิ้มๆ “รู้ดี” เฮียพึมพำเบาๆ เหมือนกับพูดกับตัวเอง แต่ว่าฉันที่อยู่ใกล้ดันได้ยิน อ่าเขาทำเพราะกันพี่ดินไม่ให้เข้าหาฉันนี่เอง “มาทำไมกัน” เขากวาดสายตามองเพื่อนตัวเองแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เข้าโหมดแล้วสินะ ตอนนี้ฉันก็เริ่มจะเกร็งจากสายตาพี่ๆ ที่มองมาแล้ว พวกเขาต้องถามต่อแน่ “อย่าพึ่งถามพวกกูเลย มึงบอกมาก่อนดีกว่าน้องซินมาอยู่ที่ห้องมึงได้ยังไง” “เออ...ตอนแรกแค่ตกใจ กูไม่คิดว่าจะมาเจอน้องที่นี่ แต่มึงดันมาปิดประตูหนีเหมือนมีลับลมคมใน พวกมึงทำอะไรกันอยู่” “บอกว่ากำลังคุยกัน ศึกษากัน แต่มาอยู่กันสองต่อสอง ไม่แค่ศึกษากันแล้วม้างงงงง” ‘รู้ดี’ ฉันคิดว่าเฮียต้องอยากจะพูดคำนี้อีกรอบแน่นอน “อธิบายมา!!!” นั่นไง รอดซะที่ไหน พวกพี่ๆ เริ่มเปิดฉาก ถามถึงความสงสัยของตัวเอง แล้วนี่คืออยากจะรู้เรื่องคนอื่นอะไรขนาดนั้นกัน ขอยืมคำเฮียที่ด่าเพื่อนตัวเองบ่อยๆ ได้ไหม ขี้เจือก (เสือก) กันจังเลย “เป็นเมียกูรึไง ทำไมต้องอธิบาย” เออนั่นสิ และนี่คงเป็นการหลีกเลี่ยงการตอบคำถามของคนขี้สงสัยอย่างเพื่อนเขา “อย่ามาเฉไฉ พูดมา” พี่สิบทิศว่าพร้อมกับพิมพ์ๆ กดๆ โทรศัพท์ไปด้วย ไม่ใช่ว่าเขากำลังเล่าให้ยัยแพรวฟังหรอกนะ ตายแล้วฉัน เพื่อนฉันมันต้องว่าฉันไวไฟแน่ๆ ทุกคนอย่าพึ่งคิดไปไกล พอเขาโดนเค้น ฉันก็ทำหน้าเลิ่กลั่กมองหน้าเขาทันที เขาจะแก้ตัวว่าอะไร พวกพี่ๆ ไม่ปล่อยไปแน่ “คบกัน...ทำไมจะมาห้องกูไม่ได้” อ่าเขาพูดเพื่อไม่ให้ฉันเสียหายสินะ แต่เฮ้ย! เดี๋ยวนะ คบบ้าคบบออะไรล่ะ!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม