จิ๊บๆ! จิ๊บๆ! จิ๊บๆ!
เชลยสาวหันไปตามเสียงร้องของนก คล้ายว่ามันจะอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนี้นัก เท้าเล็กจึงรีบซอยถี่ยิบเดินออกตามค้นหาที่มาของเสียงทันที
“นายหญิงจะไปไหนเจ้าคะ”
อาร์ซูเรียกตามหลังร่างโปร่งบางในชุดอาบาย่าสีหวานไป พร้อมกับเดินตามหลังเจ้านายไปแทบไม่ทัน เพราะอารียาเดินไวมาก ราชองครักษ์หนุ่มก็รีบเดินตามไปติดๆ
จิ๊บๆ! จิ๊บๆ!
“นั่นไง! เจ้านกน้อยตกลงมาจากรังของมันแน่เลย”
ร่างบางจึงค่อยๆ ย่องเข้าไปหาเจ้านกน้อยที่กำลังเรียกหาแม่ เพื่อที่จะเอื้อมมือไปกอบประคองมันมาไว้ในอุ้งมืออบอุ่นที่แสนอ่อนโยน แล้วเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่มีรังของมันอยู่บนนั้น
“นายหญิงจะทำอะไรกับเจ้านกน้อยนี่หรือเจ้าคะ” อาร์ซูถามหน้าตาตื่น
“ฉันก็จะเอามันขึ้นไปไว้ที่เดิมน่ะสิ”
“อย่าบอกนะว่านายหญิงจะเอามันขึ้นไปวางไว้บนรังนกบนยอดไม้โน่นนะเจ้าคะ ทำไม่ได้นะเจ้าคะ ห้ามขึ้นไปเด็ดขาด”
อาร์ซูรีบห้ามปรามเพราะคิดว่านายหญิงของเธอจะขึ้นไปบนต้นไม้สูงนั่นจริงๆ เพราะถ้านายสาวของเธอขึ้นไปบนต้นไม้นั่นแล้วตกลงมาแข้งขาหัก เธอจะไม่ถูกต้องโทษสถานหนักหรอกหรือ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ฉันเคยปีนต้นไม้ออกจะบ่อย แค่นี้ไม่ตกหรอกปีนได้สบายอยู่แล้ว” อารียาตอบอย่างมั่นใจ
แต่ทว่าอาร์ซูกับอาดัมรีบเข้ามาห้ามกันใหญ่ เพราะทั้งสองคนได้รับคำสั่งจากท่านชีควาคิลว่าให้ดูแลนายหญิงของพวกเขาให้ดีๆ
“นายหญิงขึ้นไปไม่ได้นะขอรับ”
อาดัมรีบห้ามปรามอีกคน ขณะที่เจ้านกน้อยก็ส่งเสียงร้องไม่หยุด จนอารียานึกสงสารมันมากขึ้น นกน้อยที่ต้องพลัดพรากจากอกแม่ พลัดพรากจากพี่จากน้อง มันคงน่าสงสารเหมือนกับเธอตอนนี้ คิดแล้วก็แทบน้ำตาซึม แต่เธอจะต้องเข้มแข็ง เพราะแสดงความอ่อนแอไปก็ไม่มีใครเขาจะสงสารหรือช่วยเหลือเธอได้หรอก
“อาดัม ถ้าเธอไม่ให้ฉันขึ้นไป เธอก็ต้องเอามันขึ้นไปไว้เอง ได้หรือเปล่าล่ะ”
ราชองครักษ์หนุ่มที่เก่งแต่เอาอาวุธไปฟาดฟันข้าศึกศัตรูแต่ปีนต้นไม้ไม่เก่ง เพราะเขาโตมาบนทะเลทราย ถนัดแต่การเดินทางบนผืนทราย และการเอาตัวรอดจากพายุทรายเท่านั้น ชายหนุ่มจึงรีบปฏิเสธทันควัน
“มะมะ...ไม่ได้ขอรับ กระผมปีนต้นไม้ไม่เก่งเลยขอรับ”
“เหรอ ถ้างั้นก็ปล่อยฉันขึ้นไปเอง”
“ไม่ได้นะเจ้าคะ!// ไม่ได้นะขอรับ!” ทั้งอาดัมและอาร์ซูรีบห้ามขึ้นมาพร้อมกันเสียงดังลั่น
“ทำไมจะไม่ได้ พวกเธอไม่เห็นเหรอ รู้หรือเปล่าว่าการต้องจากอ้อมอกของพ่อแม่ ต้องพลัดพรากจากพี่จากน้องที่ตนเองรัก มันแสนเหงาเปล่าเปลี่ยวมากแค่ไหน เหมือนกับฉันตอนนี้ ที่กำลังคิดถึงท่านพ่อ คิดถึงท่านแม่ และคิดถึงพี่สาวใจจะขาด รู้มั้ยว่ามันอาดูรในหัวใจมากแค่ไหน เคยรู้บ้างมั้ย!”
อารียาพูดไปร้องไห้ไป จนคนรับใช้ทั้งสองคนทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะพูดปลอบใจนายหญิงของพวกเขายังไงดี
อาดัมเองก็เริ่มรู้สึกเห็นใจนายสาวมากขึ้นทุกที ถึงแม้จะรู้ว่าเจ้านายของเขาจับตัวเธอมาเพราะเหตุใด และจับมาเพื่อจุดประสงค์อันใด แต่เพราะเขาเป็นคนนอกไม่ได้ไปรู้เห็นการกระทำของนายหญิงที่ผู้อื่นเป็นคนเล่าให้ฟังเขาก็ยังไม่เชื่อสนิทใจ แต่ราชองครักษ์อย่างเขาเป็นคนชั้นผู้น้อยจะมีสิทธิ์ออกความคิดเห็นอันใดได้
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งอาดัมกับอาร์ซู ไม่กล้าที่จะขัดใจนายสาวของพวกเขาเป็นครั้งที่สาม คงได้แต่ปล่อยให้ร่างเล็กพาเจ้านกน้อยตัวนั้นขึ้นไปบนต้นไม้ และพากันมองตาปริบๆ อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี คงได้แต่เพียงยืนตั้งท่ารอรับร่างนายสาวที่อาจจะตกลงมาได้ทุกเมื่อ
“ระวังนะเจ้าคะนายหญิง จับกิ่งไม้ให้ดีๆ นะเจ้าคะ!”
อาร์ซูซึ่งเป็นห่วงทั้งนายหญิงและเป็นห่วงทั้งตัวเองจะถูกลงอาญา ตะโกนบอกนายสาวที่ทำตัวราวกับเป็นลิงสาวแสนซนดังลั่น สลับกับเสียงของอาดัมที่ตะโกนขึ้นไปบอกให้นายหญิงของเขาจับกิ่งไม้ให้ดีๆ เสียงดังไม่แพ้อาร์ซูเช่นกัน
เสียงร้องเอะอะโวยวายของราชองครักษ์หนุ่มกับสาวรับใช้ดังเข้าไปถึงพระตำหนักที่ชีควาคิลกำลังทรงพระอักษรอยู่ ชีคหนุ่มสงสัยจึงลุกขึ้นไปตามเสียงที่กำลังดังโวยวายอยู่ข้างนอกนั่น เพื่อที่จะทอดพระเนตรว่ามันเกิดอะไรขึ้นในอุทยานของพระองค์
แล้วสิ่งที่ชีคแห่งดาร์บูย่าทรงทอดพระเนตรเห็น ก็คือ ร่างบอบบางในชุดอาบาย่ายาวรุ่มร่ามกำลังปีนป่ายต้นไม้ไปยังรังนกที่อยู่เบื้องหน้าของเธอ
มือน้อยๆ ที่กอบประคองนกน้อยที่กำลังร้องจิ๊บๆ อยู่ในนั้น ทำให้พระองค์รู้ว่าเชลยสาวกำลังคิดจะทำสิ่งใด แขนกลมกลึงค่อยๆ ยื่นออกไปเพื่อจะวางเจ้านกน้อยลงไปในรังของมันที่มีพี่น้องของมันร้องจิ๊บๆ อยู่ในนั้นหลายตัว
ช่วงเวลาที่มือน้อยกำลังจะเอาลูกนกไปวางไว้ในรังของมัน ราวกับเป็นภาพสโลว์โมชั่น ที่ทำให้ทุกคนที่เห็นต้องกลั้นหายใจ และพากันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเจ้านกกลับสู่รังของมันได้สำเร็จ พร้อมทั้งความรู้สึกตื้นตันบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังอึ้งไปกับภาพซาบซึ้งนั้น ร่างบางที่กำลังปีนป่ายลงมาจากต้นไม้ใหญ่ก็พลัดตกลงมา พร้อมกับเสียงร้องของเจ้าตัวดังลั่น
“กรี๊ด!!”
ตุ้บ!!
“นายหญิง!// นายหญิง!”
ทั้งราชองครักษ์หนุ่มและสาวรับใช้ ต่างก็อุทานเรียกนายสาวของพวกเขาเสียงหลงดังลั่นเกือบจะพร้อมๆ กัน
และภาพที่เห็นก็ทำให้ข้ารับใช้ทั้งสองคนอุทานเบาๆ ออกมาอีกครั้ง
“ท่านชีค!// ท่านชีค!”
‘ตายแน่ๆ! คราวนี้อาร์ซูตายแน่ๆ’ สาวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์และภักดีทำหน้าอย่างกับอมยาขม
ไม่รู้ว่าคราวนี้ท่านชีคจะลงอาญาอะไรเธอบ้าง ‘นายหญิงนะนายหญิง อาร์ซูบอกแล้วก็ไม่ยอมฟัง ไม่รู้ว่าจะได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้างเนี่ย’ อาร์ซูแอบบ่นกระปอดกระแปดในใจ มองไปทางนายหญิงจอมซนของเธอด้วยใบหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
‘ตายห่า! คราวนี้เขาต้องถูกลงโทษสถานหนักแน่ๆ โทษฐานที่ปล่อยให้นายหญิงได้รับบาดเจ็บ’ อาดัมคิดด้วยสีหน้าวิตกกังวลไม่แพ้อาร์ซูเท่าไหร่นัก ทางฝ่ายลิงสาวที่ตกลงมาเกยทับอยู่บนร่างหนาของใครบางคนที่มารองรับร่างของเธอเอาไว้ได้ทันเวลาพอดี ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาดูอะไรบางอย่างที่เธอกำลังนอนทับอยู่ รู้สึกขอบคุณสวรรค์จริงๆ ที่เธอยังไม่ตาย และยังไม่รู้สึกเจ็บตรงส่วนไหนของร่างกายอีกด้วย
ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ มองภาพตรงหน้าขณะที่ยังอกสั่นไม่หาย และทันทีที่เห็นว่าคนที่เธอนอนทับอยู่เป็นใคร อารียาก็ตกใจจนแทบจะกรีดร้องออกมาอีกครั้ง
“ท่านชีค!”
“ใช่ เราเอง”
“ขะ...ขะขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ร่างบางรีบลนลานออกจากพระอุระกว้างอย่างขัดเขิน รู้สึกใบหน้าร้อนวูบวาบ เมื่อถูกสายตาคมกล้าดุดันดุจเหยี่ยวทะเลทรายคู่นั้นจ้องมองมา มันมีทั้งแววตาแห่งความห่วงใยระคนตำหนิและคาดโทษปะปนกัน จนเธอต้องหลบก้มหน้างุด ตามนิสัยที่ไม่ค่อยกล้าสู้คนเท่าไหร่นัก ถ้าหากไม่โดนรังแกก่อน
อีกอย่างอารียาก็รู้ตัวว่าอาจจะทำให้ใครบางคนเดือดร้อนเพราะเธอ ก็เลยทำให้หญิงสาวอดที่จะเป็นห่วงสองคนนั้นที่กำลังมองมาทางเจ้านายของพวกเขาไม่ได้ ไม่รู้ว่าท่านชีคจอมเถื่อนคนนี้จะลงโทษอาดัมกับอาร์ซูยังไงบ้าง
“กลับเข้าตำหนักกับเราเดี๋ยวนี้!” ทรงรับสั่งเสียงดัง จนข้ารับใช้ทั้งสองคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ถึงกับสะดุ้ง