ตอนที่ 5 ไป๋อวี่การละคร

1814 คำ
ไป๋อวี่ไม่ได้รู้เลยว่าอาการเจ็บหัวใจครั้งนี้จะทำให้ตนเองสลบไปถึงสามวัน ครั้นลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่านอนอยู่ในห้องมืดที่มีแสงรำไรส่องผ่านน้อยนิด ด้านหลังเป็นกำแพงหินหนา ด้านหน้าเป็นลูกกรงเหล็ก มีตะเกียงจุดอยู่ทางด้านซ้าย ไร้ผู้คนและเสียงอื่น “โฮสต์ ฟื้นแล้วหรือขอรับ” เสียงของหลิวเมิ่งเป็นสิ่งที่ยืนยันว่าไป๋อวี่ยังคงอยู่ในระบบตัวตายตัวแทนของโลกนิยายเช่นเดิม “เกิดอะไรขึ้นบ้าง” เขาเอ่ยปากถามเพราะไม่รู้สถานการณ์ของตัวเองในเวลานี้ ข้อเท้าข้างขวาหนักอึ้งเพราะมีโซ่เส้นใหญ่ล่ามผูกติดกับเสาด้านหลัง มันรัดแน่นจนเกิดรอยแผลแดงบริเวณรอบ ๆ “หลังจากที่โฮสต์สลบไป เฉินเฟยหย่าสั่งให้คนนำตัวโฮสต์มาขังไว้ที่คุกใต้ดินอดข้าวอดน้ำเป็นเวลาเจ็ดวันและห้ามให้ผู้ใดเข้ามาที่แห่งนี้จนกว่าจะได้รับอนุญาต” หลิวเมิ่งเล่าไปพลางฉายให้เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไป๋อวี่จึงได้เห็นความเลวร้ายของอ๋องผู้นี้มากขึ้น “ขนาดสลบไปแล้วยังไม่วายจับมาขังในคุกใต้ดิน ไม่ส่งหมอมารักษาสักคน ใจคอจะปล่อยให้ตายจริง ๆ เหรอ” เขาบ่นพึมพำพลาง กากบาทสีแดงไว้บนหัวของเฉินเฟยหย่าว่าบุคคลผู้นี้อันตรายอย่างยิ่งยวด ไม่ควรเข้าใกล้แม้แต่นิดเดียว “ขณะนี้โฮสต์เหลือค่าชีวิตอยู่แปดชีวิต หลังจากนี้กรุณาดำเนินเนื้อเรื่องตามต้นฉบับในนิยายด้วยนะขอรับ” ระบบผู้ช่วยย้ำเตือนความจำผู้เป็นโฮสต์ “ที่ฉันเจ็บหัวใจตุบตุบเป็นเพราะว่าถูกลงโทษเหรอ” ไป๋อวี่เลิกคิ้วถามหลิวเมิ่งให้แน่ชัดเพราะมั่นใจว่าตัวละครตัวนี้ไม่ได้มีอาการใด ๆ เกี่ยวกับหัวใจที่ทำให้เจ็บป่วยได้ถึงเพียงนี้ ในใจคิดว่าถ้าร่างกายอ่อนแอขึ้นมาอีก ตัวละครนี้คงจะมีชีวิตที่รันทดเกินไปแล้ว ทว่า หลิวเมิ่งกลับตอบมาว่า “เปล่าขอรับ ดูเหมือนว่าอาการนั้นจะเป็นเพราะร่างกายของโฮสต์อ่อนแอ ระบบจะไม่มีการลงโทษใด ๆ ที่ทำให้โฮสต์เจ็บตัวนอกจากตอนกลับบ้านเก่าทีเดียวขอรับ” ผ่าม เหมือนฟ้าผ่ากลางหัวใจของไป๋อวี่อีกรอบ ตัวละครนี้ช่างแสนรันทดจนไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว “แต่ว่าไป๋อวี่ไม่เคยมีอาการแบบนี้นี่นา หรือว่าฉันยังอ่านไม่ถึง” เขากำลังสับสนว่าตัวเองลืมเนื้อเรื่องช่วงไหนไปหรือเปล่าถึงไม่รู้ว่าไป๋อวี่มีอาการแบบนี้ด้วย “จริง ๆ เป็นเนื้อเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่โฮสต์ฉีกบทนิยายเดิมจึงส่งผลให้เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปเล็กน้อย แลกกับค่าชีวิตของโฮสต์ แล้ว เหตุการณ์จะคงดำเนินต่อไปตามบทเดิมขอรับ” หลิวเมิ่งพูดจบก็แสดงระบบภายในที่อัปเดตเรียบร้อยให้ไป๋อวี่ดู พูดว่า “โฮสต์ต้องการยารักษาตัวหรือไม่” นักโทษในคุกใต้ดินพบเจอเรื่องราวมากมายจนไม่รู้จะทำอย่างไรดีได้แต่ถอนหายใจเข้าออกช้า ๆ รวบรวมสติของตนเองเปิดดูยาแต่ละตัวในคลังสะสมของหลิวเมิ่ง “ในเมื่อมีโรคเกี่ยวกับหัวใจก็รักษาอันนั้นก่อนแล้วกัน” เขาจิ้มไปที่ยารักษาแต่ระบบปฏิเสธพร้อมข้อความแจ้งเตือน “ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลารักษาโรคหัวใจ เนื่องจากเนื้อเรื่องยังดำเนินไปไม่ถึง” หลิวเมิ่งอ่านข้อความนั้นให้เขาฟัง แล้วพูดต่อ “การเปิดใช้ของในคลังสะสม โฮสต์จะต้องเก็บคะแนนเพื่อแลกสิ่งของ อุปกรณ์ประกอบฉาก รวมถึงของรางวัลพิเศษอื่น ๆ” “แล้วถ้าไม่เก็บคะแนนล่ะ” ไป๋อวี่ถามพลางเปิดดูของที่น่าสนใจในคลัง “โฮสต์จะต้องดำเนินการตามเนื้อเรื่องโดยไม่มีอุปกรณ์ประกอบฉากช่วยเหลือ อย่างเช่น หากถึงฉากที่เฉินเฟยอย่าต้องการร่วมเตียงยามค่ำคืนกับไป๋อวี่สามวันสามคืนในเนื้อเรื่องต่อจากนี้อีกสามบท โฮสต์จะต้องผ่านเรื่องพวกนั้นไปด้วยตัวเอง หลิวเมิ่งจะไม่ยุ่งเรื่องนี้” ระบบช่วยเหลืออธิบายให้ไป๋อวี่ฟังชัด ๆ แล้วแสดงเนื้อเรื่องช่วงถัดไปอีกสามบทให้ดู หลังจากสั่งลงโทษไป๋อวี่เจ็ดวันเจ็ดคืนในคุกใต้ดิน เฉินเฟยหย่าลงมาตรวจดูสภาพขององค์ชายผู้ถูกลืมด้วยตัวเอง สายตาจับจ้องร่างบางนอนไร้เรี่ยวแรงอยู่บนกองฟาง ครั้นไป๋อวี่ได้ยินเสียงของเขาเดินเข้ามาใกล้จึงพยายามขยับตัวมาจับข้อเท้าของอ๋องผู้นี้พูดพึมพำซ้ำไปมาว่า “กระหม่อมสำนึกผิดแล้ว ยกโทษให้กระหม่อมด้วย” เฉินเฟยหย่าแสยะยิ้มสั่งให้เสิ่นอวี๋และโม่เป่ยพาตัวของเขากลับเรือนน้อย แต่ไม่ยอมให้หมอคนไหนเข้ามารักษา ไม่ยอมให้ผู้ใดแตะต้องตัวไป๋อวี่อย่างเด็ดขาด ดังนั้น อาการของไป๋อวี่จึงหายช้ากว่าที่ควร ผ่านไปไม่ถึงสองวัน ร่างกายที่พอจะรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างกลับถูกเฉินเฟยหย่าคิดจะครอบครองอีกครั้งราวกับคนกลัดมันที่อัดอั้นมานาน สามวันสามคืน สติไป๋อวี่หลุดลอยหายไปไม่รู้กี่รอบ ร่างกายระบมระทมทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนห้วงหายใจแทบขาด แต่ชีวิตกลับไม่ได้ตายง่ายถึงเพียงนั้น “มารดามันเถอะ!” ไป๋อวี่ที่นั่งอ่านเนื้อเรื่องตอนต่อไปขมวดคิ้วทำหน้าย่น “บอกมาเดียวนี้ว่าจะสะสมคะแนนยังไง” หลิวเมิ่งวางขวดโหลแก้วใส ๆ สามขนาดไว้ข้างหน้าไป๋อวี่ ด้านในขวดโหลมีเม็ดถั่วเขียวเล็ก ๆ จำนวนไม่เท่ากันบรรจุอยู่ จากนั้นจึงอธิบายว่า “การสะสมคะแนนนั้นง่ายมาก โฮสต์เพียงแค่ต้องนับเม็ดถั่วเขียวในโหลดแก้วให้ถูกต้อง ก็จะได้คะแนนสำหรับสะสมแลกของที่จำเป็นต้องใช้ได้แล้วขอรับ” โหลใบเล็กใช้เวลาประมาณหนึ่งก้านธูป คะแนนเก็บสิบคะแนน โหลใบกลางใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วยาม คะแนนเก็บห้าสิบคะแนน โหลใบใหญ่ใช้เวลาประมาณสามชั่วยาม คะแนนเก็บหนึ่งร้อยคะแนน ไป๋อวี่อ่านคำอธิบายที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอต่อ คะแนนเก็บแต่ละคะแนนสามารถใช้แลกของประกอบฉากและของใช้จำเป็นได้ สายตาเหลือบไปเห็นของดีในหน้าที่สี่ของคลังสะสม สามร้อยคะแนน ข้ามฉากสยิว ตัดเข้าโคม ทันใดนั้น รอยยิ้มก็ผุดขึ้นที่มุมปากของไป๋อวี่เพราะมองเห็นทางรอดของตัวเองเรียบร้อยแล้ว “หลิวเมิ่ง นายบอกว่าฉันสลบไปสามวันใช่ไหม” เขาถามอีกครั้งเพื่อคำนวณเวลาที่เหลือ “ขอรับ เนื้อเรื่องจากนี้จนกระทั่งเจ็ดวันจะไม่มีใครลงมาหาโฮสต์ที่นี่ เท่ากับว่า โฮสต์จะอยู่ที่นี่คนเดียวขอรับ” หลิวเมิ่งตอบเขาไปเช่นนั้นราวกับรู้ว่าไป๋อวี่กำลังคิดอะไร แต่เมื่อมองสภาพร่างกายของตนเองแล้ว ก่อนอื่น ไป๋อวี่ต้องการอาหาร และยารักษาบาดแผลภายนอก เพื่อฟื้นฟูร่างกายจึงเริ่มต้นนับเม็ดถั่วในโหลใบเล็กเพื่อแลกสิบคะแนนกับบะหมี่ไก่ตุ๋นหนึ่งชามใหญ่ หลังจากกินจนอิ่มแล้ว ไป๋อวี่ไม่รอช้าเริ่มนับเม็ดถั่วจากโหลใบใหญ่เพื่อเก็บสามร้อยคะแนนรวมถึงสะสมแลกของรางวัลอื่น ๆ สำหรับฉากต่อไป เนื่องจากไม่มีใครมากวนใจตลอดสี่วันที่เหลือ เขาจึงสามารถจดจ่อกับสิ่งที่ต้องทำอย่างเร่งด่วนได้อย่างง่ายดาย เก็บคะแนนได้อย่างมหาศาลจนมีคะแนนสำรองไว้ใช้ในฉากที่เหลือ ครั้นสบายใจแล้วว่าชีวิตต่อจากนี้ไปจะไม่ต้องพบกับความลำบากใด ๆ แล้ว ไป๋อวี่ก็แลกสามสิบคะแนนสำหรับไก่ทอดกับเบียร์เย็น ๆ ตามด้วยไอศกรีมรสวานิลลาให้อิ่มท้อง เตรียมพร้อมรับมือกับความประสาทกลับของเฉินเฟยหย่าอย่างอารมณ์ดี เคร้ง ๆ เสียงเหล็กกระทบกันดังมาจากทางเข้าที่อยู่อีกฝั่งไกล ๆ หลิวเมิ่งจึงเตือนเขาเช่นเคยว่าให้ทำตามเนื้อเรื่องในนิยาย ไป๋อวี่รีบเอามือสางผมให้ยุ่ง ๆ ปาดเศษผงฝุ่นและดินให้เปื้อนใบหน้าและลำตัว แลกคะแนนกับรอยช้ำและเลือดปลอมมาติดบนร่างกายบอบบางของตนเองเพราะร่องรอยที่เกิดขึ้นจริงได้ใช้ยารักษาจนหายดีแล้ว จากนั้นหยอดน้ำตาเทียมจนนองใบหน้า แล้วนอนรอเข้าฉากอันสมบูรณ์แบบ เฉินเฟยหย่าค่อย ๆ เดินมาที่ร่างของเขา ยืนนิ่งมองร่างบาง จากนั้นไป๋อวี่การละครจึงได้เริ่มต้นขึ้น “กระหม่อมสำนึกผิดแล้ว ยกโทษให้กระหม่อมด้วย” มือน้อย ๆ ของไป๋อวี่จับข้อเท้าของอ๋องผู้เป็นเจ้าชีวิตเอาไว้ ใบหน้าอาบน้ำตาไม่กล้าสบมองเขาแต่มีเสียงสะอื้นเบา ๆ ดังเป็นพิธี “เฮอะ” เขาสะบัดขาของตัวเองออกแล้วเหยียบมือของไป๋อวี่ จงใจให้อีกฝ่ายกลัวจนไม่กล้าทำอะไรอย่างเมื่อตอนนั้นอีก “ท่านอ๋อง กระหม่อมจะไม่ทำเช่นนั้นอีกแล้ว กระหม่อมเจ็บ ฮึก ฮึก” ร่างของเขาสั่นสะท้านจับมือข้างที่ถูกเหยียบเอาไว้ “พาตัวกลับเรือน” เฉินเฟยหย่าสั่งเสิ่นอวี๋และโม่เป่ย “ให้ตามหมอมาหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นอวี๋ถามเขาเพราะอาการและบาดแผลของไป๋อวี่ดูจะหนักหนามากทีเดียว หากแต่ว่าอ๋องใจโฉดยังคงใจดำเช่นเดิมบอกแต่เพียงว่า “ไม่ต้อง อย่าริอาจทำเกินคำสั่งของข้า” “แต่ว่าพระสนมไป๋อวี่อาการไม่ดีเลยพ่ะย่ะค่ะ” โม่เป่ยมีสีหน้ากังวลใจ รู้ดีว่าถึงอ๋องเฉินเฟยหย่าจะไม่ชอบหน้าของพระสนมผู้นี้แต่อย่างไรก็มีศักดิ์เป็นองค์ชายตัวประกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา เกรงว่าจะเดือดร้อนถึงฮ่องเต้ “จะตายหรืออยู่ไม่เกี่ยวกับข้า อย่าได้ยุ่งยากให้มากความ” เฉินเฟยหย่ายังคงยืนยันคำเดิม คำพูดของเขาทำให้ไป๋อวี่ต้องพยายามเก็บสีหน้าและแววตาเพราะความคิดที่อยากจะต่อยหน้าเขาอีกสักครั้งให้สามัญสำนึกกลับมาบ้างสักนิด ถึงจะรู้ว่าเฉินเฟยหย่ามีนิสัยเช่นไรจากการอ่านนิยายมาสามเล่ม แต่พอมาเจอกับตัวเองแล้วก็เริ่มเข้าใจไป๋อวี่ตัวจริง ใครกันจะทนอยู่กับคนผู้นี้ได้ ถ้านรกมีจริง ที่แห่งนี้คงจะเป็นขุมนรกแสนโหดร้าย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม