สองวันต่อมาคุณคู่หมั้นฟื้นขึ้นมาแล้วค่ะ และก็กำลัง “ฉันบอกเธอแล้วว่าอย่าเสนอหน้าไปอยู่ในที่อันตราย เธอก็รู้ว่าตรงนั้นอันตราย อยากตายหรือไง โง่เง่า”
“บ่นอะไรนักเล่า ก็คนไปช่วยไง” ยื่นอกยิ้มรับแล้วนะ ทว่าคุณคู่หมั้นโวยวายมาจะครบชั่วโมงอยู่แล้ว น้องหนูพูดอะไรก็ขัดตลอดเลย ทำหน้ายักษ์ใส่ด้วย
“พูดแล้วยังมาเถียง เธอมันอ่อนต่อโลก รู้บ้างไหมว่าพวกที่มันรับสายเธอมันตัวอันตราย พวกอันธพาล ไปขอร้องพวกมันพล่อย ๆ อย่างนั้นได้ไง”
“ก็...”
“อย่าเถียง!”
“งื้อ ทำไมต้องดุขนาดนี้ด้วยเล่า น้องหนูก็ทำไปแล้วไง ที่ทำก็เพราะห่วงไงคะ”
“ต่อไปนี้ อย่ามาห่วงฉัน คนที่เธอต้องห่วงคือตัวเธอเอง ดูแลตัวเองให้ได้ก่อนค่อยเสนอหน้ามาห่วงคนอื่น”
“...” บางทีน้องหนูก็ชักจะอยากโกรธคุณคู่หมั้นแล้วค่ะ ทำไมต้องใช้คำพูดแรง ๆ แบบนี้ด้วย
“เธอคงรู้อยู่แล้วว่าฉันต้องเป็นผู้ปกครองของเธอจนกว่าเธอจะอายุ 20 เพราะงั้นอย่าสร้างความวุ่นวายให้ฉัน ถ้าเรื่องไหนฉันบอกว่าอย่าก็คืออย่า อย่าริคิดขัดคำสั่งฉันเด็ดขาด ฉันมีปัญหาหลายอย่างต้องแก้ มีงานหลายอย่างต้องทำ ไม่มีเวลามาวิ่งเล่นกับเด็กน้อยอย่างเธอ”
“ไม่ต้องพูดมากขนาดนี้ก็ได้ค่ะ ต่อไปเราต่างคนต่างอยู่ ถ้าไม่มีปัญหาที่มันหนักหนา น้องหนูจะไม่กวนผู้ปกครองอย่างคุณคู่หมั้นค่ะ”
“...”
“จะไม่รบกวนอะไรอีกด้วย จะไม่เสนอหน้าไปวุ่นวาย ถ้าจะตายก็ตายไปเลย”
“ก็ดี งั้นก็กลับบ้านเธอไปซะ”
“กลับอยู่แล้วค่ะ ไม่อยู่ด้วยแล้ว ใครจะอยากอยู่กับคนปากร้ายคลั่งรักจนไม่รักตัวเอง ด่าแต่คนอื่นโง่ ตัวเองฉลาดมากมั้ง”
“ยัยอ้วน!” วิ่งสิ จะอยู่ทำไมคะ ก่อนจะออกจากห้องน้องหนูหันไปจ้องคุณคู่หมั้นด้วยสายตาดุ ๆ
“รอบนี้เราทะเลาะกันคุณคู่หมั้นสติครบถ้วน ไม่ต้องมาง้อนะคะ ต่อให้ทาร์ตไข่เป็นร้อย น้องหนูก็จะไม่สน”
“สำคัญตัว ฉันไม่ง้อเธอ รอบนี้ฉันไม่ผิด”
“ชิชะ ไม่ให้ง้อเหมือนกัน” คนอะไรปากร้าย คนเขาเป็นห่วงเป็นใยยังมาพูดจาร้าย ๆ ใส่ หึ รอบนี้น้องหนูไม่ให้อภัยง่าย ๆ แน่
เวลาโกรธมาก ๆ ก็อย่างนั้นอย่างนี้ ทว่าสุดท้ายหลังจากนั้นสองวันคุณคู่หมั้นก็ส่งขนมหวานต่าง ๆ มาให้น้องหนูที่บ้าน พร้อมข้อความมาทางโทรศัพท์ว่า ‘ฉันพูดแรงไป ขอโทษ แต่ฉันยังยืนยันคำเดิม อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน’
น้องหนูก็เลยส่งกลับไป ‘เชิญตามสบายค่ะคุณคู่หมั้น’
นับแต่นั้นเราสองคนไม่ได้เจอกันอีก กระทั่งถึงวันแต่งงาน และด้วยความที่เหมือนมีบางอย่างคอยบอกให้เว้นระยะห่าง น้องหนูจึงพยายามไม่ก่อกวนคุณคู่หมั้นเกินความจำเป็น และพยายามไม่ทำตัวห่างเหินจะผิดนิสัย
เหตุการณ์ปัจจุบัน
หนึ่งอาทิตย์หลังงานแต่ง
น้องหนูใช้ชีวิตที่โรงเรียนเหมือนปกติ ตอนนี้ขึ้นม.5 เพื่อนที่สนิทที่สุดก็คือน้ำเหนือ เรื่องแต่งงานน้องหนูไม่ได้บอกน้ำเหนือนะ คิดว่ามันคือเรื่องภายในครอบครัวก็เลยคิดว่าไม่เล่าดีกว่า และโชคดีที่ตรงกับช่วงหยุดยาวพอดี ทำให้ไม่มีใครสงสัย
“วันนี้ใครมารับ” วันนี้เปิดเรียนวันแรกหลังจากหยุดยาวค่ะ
“เรากลับเอง” ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปน้องหนูต้องไปกลับเอง ไม่มีคนมารับ น้องหนูไม่อยากทำตัวเป็นภาระของคุณไทเกอร์ อะไรก็ตามที่พึ่งพาตัวเองได้ น้องหนูจะทำ จะไม่ทำให้เขาปวดหัว
“เราไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไร”
“แต่เหนืออยากไปส่ง”
“ก็ได้ก็ได้ อยากไปก็ได้ แต่ถ้าน้องหนูติดใจขึ้นมาต่อไปเหนือต้องไปส่งน้องหนูบ่อย ๆ นะ”
“อื้ม ได้ดิ” น้ำเหนือเดินนำมาตรงที่จอดรถ
“นี่รถเหนือเหรอ” เพราะน้ำเหนือหยุดที่รถ BMW M4 น่าจะตัวใหม่ล่าสุด เพิ่งเห็นเปิดตัวไปไม่นานมานี้ คุณแม่ชอบให้น้องหนูดูด้วย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม น้องหนูก็ดู ๆ ไปงั้น แต่ที่บ้านไม่ได้ใช้รถยี่ห้อนี้สักคัน
“อื้ม พี่ชายเหนือจัดการให้” น้ำเหนือพยักหน้ารับก่อนจะเปิดประตูให้น้องหนู ที่ถามก็เพราะท่าทางของน้ำเหนือดูไม่ใช่คนที่จะขับรถแบบนี้ หรือน้องหนูนิสัยไม่ดีตัดสินคนที่ภายนอกเหรอ
“พี่ชายเหนือใจดีจัง” คนมีพี่นี่ดีแบบนี้ทุกคนไหมนะ น้องหนูอยากมีพี่ชายพี่สาวหรือน้องชายน้องสาวก็ได้บ้างจัง
“หึ เขาใจร้ายจะตายชัก” น้ำเสียงที่น้ำเหนือพูดถึงพี่ชายฟังแล้วรู้สึกพิลึกจัง
“คนใจร้ายอะไรจะซื้อรถราคาสิบล้านให้น้องชาย” น้ำเหนือหันมายิ้มมุมปากแทนคำตอบ แล้วถอยรถ
“เย็นนี้รีบไหม”
“ไม่นะ ทำไมอ่า”
“ตั้งแต่เราเป็นเพื่อนกันมาเหนือยังไม่เคยแนะนำให้น้องหนูรู้จักแม่เลย ไปกินข้าวบ้านเหนือปะ แม่เหนือทำกับข้าวอร่อยมาก”
“หืม?” น้องหนูหันไปทำหน้างง
“ทำไมอะ ไม่อยากไปเหรอ”
“เปล่า” ก็จู่ ๆ มาชวน ก็เลยคิดว่ามันแปลกไง “แค่สงสัยว่าทำไมถึงชวน”
“ไม่มีอะไรมาก ความจริงวันนี้วันเกิดแม่ เหนือกับแม่อยู่กันแค่สองคนทุกปี เหนือก็เลยอยากให้ปีนี้มันต่างออกไป เพราะว่าเหนือมีน้องหนูเป็นเพื่อนไง”
“หืม แล้วแบบนี้แม่ของเหนือจะไม่ว่าเหรอ น้องหนูเป็นคนนอกนะ” วันเกิดก็ต้องอยากอยู่กับครอบครัวสิ
“เหนือเล่าเรื่องของน้องหนูให้แม่ฟังบ่อย ๆ แม่ยังบอกว่าอยากเจออยู่เลย”
“อ่อ” เล่าว่าน้องหนูกินเก่งแน่ ๆ เลย
“นะ ไปนะ”
“อะ ๆ ก็ได้ แต่พาน้องหนูแวะซื้อของขวัญให้แม่เหนือก่อนนะ”
“ไม่ต้องซื้อ ไปตัวเปล่าก็ได้”
“ไม่เอา ต้องซื้อสิ มารยาท”
“แค่เพื่อนของเหนือไปก็ดีมาก ๆ แล้ว”
“ถ้างั้นแวะซื้อเค้กก็ได้ น้องหนูรู้จักร้านอร่อย”
“เหนือบอกแล้วไงว่าไม่…”
“ห้ามปฏิเสธ ไม่งั้นน้องหนูไม่ไป” ตั้งท่าจะลงจากรถ
“ก็ได้ครับ ยอมแพ้เลย”
“จะว่าไปเหนือมีใบขับขี่หรือยัง” ต้องอายุ 18 ปีไม่ใช่เหรอถึงทำได้
“นี่ไง” น้ำเหนือหยิบใบขับขี่มาโชว์
“หือ? เหนือเป็นพี่น้องหนูเหรอ”
“ใช่ ๆ ต่อไปเรียกพี่เหนือนะ”
“พี่เหนือ?”
“อื้ม ก็รุ่นพี่ที่โรงเรียนน้องหนูยังเรียกพี่เลย เพราะงั้นก็ต้องเรียกเหนือว่าพี่ด้วยสิ”
“พี่เหนือ”
“ครับ”
“ไม่ได้เรียก น้องหนูแค่จะบอกว่าถ้าอยากได้ยินต้องเลี้ยงหนมเป็นข้อแลกเปลี่ยน”
“นั่นไง ว่าละ” จากนั้นเราสองคนพูดคุยกวนกันไปมาค่ะ และแวะซื้อเค้กร้านที่น้องหนูมั่นใจว่าอร่อยที่สุด
เวลา 20.56 น.
น้องหนูกลับมาถึงบ้าน บ้านนี้เป็นบ้านที่พ่อของคุณไทเกอร์ยกให้น้องหนูกับคุณไทเกอร์ แต่ว่าตั้งแต่ที่คุณไทเกอร์หนีห้องหอออกไปคืนนั้น โดยที่สั่งให้คนสนิทเอาทาร์ตไข่มาให้น้องหนู คุณไทเกอร์ก็ยังไม่กลับมาอีกเลย
น้องหนูก็เลยเหมือนกับอยู่ที่บ้านหลังนี้คนเดียว มีแม่บ้านมาทำความสะอาดให้สามวันครั้ง มีคนเฝ้าบ้านเปลี่ยนผลัดกันมาครั้งละ 4 คนเช้าเย็น คุณแม่บินไปเที่ยวรอบโลกตามที่ได้บอกเอาไว้ บ้านหลังใหญ่ที่มีแค่น้องหนูมันก็จะเหงา ๆ หน่อย ซึ่งน้องหนูพยายามหาซีรีย์ดูและยัดขนมหวานเยอะ ๆ จะได้ไม่ต้องรู้สึกเหงา อยากงอแงใส่คุณแม่ ทว่านึกขึ้นได้ว่าที่ผ่านมาคุณแม่ให้น้องหนูมามากแล้ว น้องหนูก็เลยต้องอดทน อายุ 20 เมื่อไหร่น้องหนูจะโบยบิน ไม่เป็นภาระของใคร
แต่ว่าวันนี้ ขนมหวานที่อยู่ในมือไม่ได้ทำให้น้องหนูรู้สึกอร่อยเลย ไม่อยากจะกลืนกินมันด้วย ทั้งที่ของเหล่านี้เคยเป็นตัวช่วยเยียวยาจิตใจอย่างดี
“ไปไหนมา” เสียงของคุณไทเกอร์นี่ แล้วเข้ามาทำอะไรในห้องนอนของน้องหนู
“ไปบ้านเพื่อนค่ะ”
“ใครอนุญาต” ทำไมต้องทำท่าทีโมโหด้วย น้องหนูไม่ได้ทำอะไรผิดไหม แค่ไปบ้านเพื่อน
“อนุญาตตัวเองค่ะ”
“กวนประสาท ฉันเป็นผู้ปกครองเธอ ลืมหรือไง”
“ไม่ได้ลืมค่ะ แต่ผู้ปกครองมีสิทธิ์อะไรมาอยู่ในห้องนอนคนอื่น”
“ห้องนอนคนอื่น? เธอลืมเหรอว่าเราเป็นอะไรกัน”
“ก็มีตั้งหลายห้อง ก็ไปห้องอื่นก็ได้นี่คะ”
“เธออยู่ในสถานะที่สั่งฉันได้เหรอยัยเด็กอ้วน”
“คุณไท คุณโมโหอะไรมาคะ ทำไมต้องมาลงที่น้องหนูด้วย”
“ฉันโมโหที่เธอไม่รับสายไง ทักข้อความก็ไม่ตอบ พกไว้ทำสากกะเบืออะไรโทรศัพท์” น้องหนูรีบล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดู โทรเข้ามาจริง ๆ ด้วย
“ปิดเสียงไว้ ขอโทษค่ะ” ครั้งนี้น้องหนูผิด
“ขอโทษ?” สายตาที่มองมาคือ ‘แค่ขอโทษ’
“ต่อไปจะไม่ทำอีกค่ะ” คุณไทเกอร์น่ะเปลี่ยนไป เขาดูดุร้ายขึ้น ยิ่งวันนี้ น้องหนูก็ยิ่งคิดขึ้นมาได้ว่า น้องหนูไม่เคยรู้จักตัวตนจริง ๆ ของคุณไทเกอร์เลย เพราะงั้นน้องหนูไม่ควรพูดจาไม่คิดใส่เขาอีก
คุณไทเกอร์จับจ้องมาที่น้องหนูด้วยสายตาหงุดหงิดก่อนจะลุกจากเตียงนอนแล้วเดินมาทางนี้ คุณไทเกอร์หยุดยืนตรงหน้า ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาจับปลายคางน้องหนูให้เชยขึ้น พร้อมทั้งใบหน้าเขาโน้มลงมา “ทีหลังถ้าเธอคิดจะนอกเส้นทางที่ฉันวางไว้ ฉันจะไม่ให้อิสระเธอ จะให้คนคอยไปรับไปส่งเธอแทน ทุกอย่างจะอยู่ในสายตาฉันตลอด เธอจะโอดครวญอะไรไม่ได้อีก”
“ค่ะ น้องหนูจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก” เมื่อน้องหนูให้คำตอบ คุณไทเกอร์ก็จ้องเข้ามาในดวงตาของน้องหนู จากนั้นเขาปล่อยมือจากปลายคาง ตีหน้านิ่งขรึม
“ดี” คุณไทเกอร์พูดก่อนจะเดินออกจากห้องไป
“คนเลว” คือคำเอ่ยเบา ๆ เมื่อประตูห้องปิดลง เขาเป็นคนเลว
END Nongnoo