EPISODE06 ง้อ

1811 คำ
หลายวันมาแล้วตั้งแต่น้องหนูโดนคุณคู่หมั้นดุมา ก็ไม่ได้มีอะไรแปลกไป นอกเสียจากความเป็นห่วงที่น้องหนูรู้สึกเป็นห่วงคุณคู่หมั้น ครืด ครืด... เสียงสมาร์ตโฟนที่แผดร้องทำให้น้องหนูละสายตาจากซีรีย์ที่กำลังดูมามองที่สมาร์ตโฟน หืม? แปลกใจอยู่เล็กน้อยนะคะที่เบอร์คุณคู่หมั้นโทรเข้ามา น้องหนูกดรับสายแล้วไม่ได้พูดอะไร (ทำไร) เสียงคุณคู่หมั้นจริงด้วย “ดูผู้ชายค่ะ” ก็ในซีรีย์ไง (หมายถึงในซีรีย์?) “ใช่ค่ะ” (หิวไหม) “ถามทำไมคะ” ปกติไม่เห็นจะถามนี่ (อยู่หน้าบ้าน ไปกินทาร์ตไข่กัน) “เอ๋?” น้องหนูหูไม่ดีหรือเปล่า (จะเอ๋ จะเอ๋ออีกนานไหม รอนานมากแล้ว ให้ไว) “ก็ได้ค่ะ น้องหนูไปก็ได้” เพราะหิวหรอกน่า กำลังหิวพอดี เล่นเอาของโปรดมาล่อนี่นา (อืม) คุณคู่หมั้นวางสาย น้องหนูรีบลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ช่วงนี้คุณแม่เริ่มควบคุมน้ำหนักน้องหนูอย่างจริงจัง ทำให้น้องหนูไม่ค่อยมีความสุขเลย ใช้เวลา 5 นาที น้องหนูก็มาหยุดอยู่ที่ข้างรถของคุณคู่หมั้น ดีนะคะที่วันนี้ทางสะดวกคุณแม่ไม่อยู่ คุณแม่จะได้ไม่ขัดขวางที่น้องหนูจะไปเพิ่มความหวานให้ร่างกาย “ขึ้นมาสิ ยืนอ้วนอะไร” “ชิชะ” หายดีแล้วใช่ไหมถึงได้ปากร้ายใส่น้องหนู อ้อไม่สิ ปากร้ายเป็นปกติอยู่แล้ว “ทำไมถึงได้ชวนน้องหนูคะ” เข้ามานั่งในรถน้องหนูตั้งคำถามทันที มันแปลกนี่คะ “ฉันได้พูดไม่ดีกับเธอหรือเปล่า” เขาถามด้วยใบหน้านิ่งเฉย “ตลอดนะคะ” รีบตอบเลยค่ะ ก็มันเรื่องจริงนี่ น้องหนูพูดผิดอะไร ทำไมต้องหันขวับมามองด้วยใบหน้าดุ ๆ แบบนั้นด้วย “ฉันหมายถึงคืนที่เธอไปบ้านฉัน” “อ่อ” คืนที่น้องหนูเป็นห่วง ทว่าคุณคู่หมั้นลงมือทำร้ายซ้ำยังพูดจาร้าย ๆ ไม่ต่างกับการกระทำ “ฉันขอโทษ ฉันเมาน่ะ” น้ำเสียงแข็ง ๆ ของคุณคู่หมั้นอ่อนลงค่ะ “งั้นที่มาเนี่ยเพราะอยากง้อน้องหนูเหรอคะ” หันไปทำหน้ายู่ แสร้งทำเป็นงอนค่ะ เผื่อว่าจะได้มากกว่าทาร์ตไข่ “ถ้าโกรธก็จะง้อ ก็นี่ไงกำลังพาไปกินของโปรด” “เห็นน้องหนูห่วงกินมากหรือไง ถึงได้เอาของกินมาล่อ” เล่นใหญ่หน่อยค่ะ “ฉันผิด ฉันรู้ ขอโทษ” “เรื่องไหนบ้าง” ง่ะ ก็เล่นทำหน้ารู้สึกผิดจริง ๆ จะให้เล่นต่อก็ยังไงอยู่ สงสาร คุณคู่หมั้นมองทั่วใบหน้าของน้องหนูก่อนจะยื่นมือมาแตะเส้นผมของน้องหนูออกแล้วมองที่ต้นคอ ต้นคอของน้องหนูยังเป็นรอยมืออยู่ค่ะ น้องหนูปล่อยผมลงมาปิด ไม่อยากให้คุณแม่เห็น “เจ็บมากไหม” “หื้อ อย่ามาหาจับค่ะคุณคู่หมั้น แล้วก็เลิกพูดถึงด้วย น้องหนูให้รถดูดส้วมมาเก็บไปหมดแล้ว” “หือ?” “ก็วันนั้นน้องหนูเป็นชักโครกเคลื่อนที่นี่คะ แต่วันนี้เลิกเป็นแล้วนะคะ” รีบบอกก่อนค่ะ เผื่อจะเผลอโวยวายใส่น้องหนูอีก “ไม่ทำแล้ว ขอโทษนะครับ” “ว้าว มาโหมดสุภาพแบบนี้ไม่ดีเลยค่ะ” “ก็ฉันผิดไหม คนผิดก็ต้องขอโทษสิ” “ค่า ๆ เห็นคุณคู่หมั้นอาการดีขึ้นน้องหนูก็ดีใจแล้วค่ะ” หันไปยิ้มกว้าง ๆ ให้คุณคู่หมั้นค่ะ ตอนนั้นเขาเครียดก็แค่หาที่ระบายเท่านั้น “แล้วสรุปของกินแทนคำขอโทษได้ไหม” “ไม่ค่ะ” “แน่ใจ” “ค่ะ” “งั้นกลับรถไปส่งเด็กอ้วนกลับบ้าน” คุณคู่หมั้นบอกคนขับรถ “งื้อ… น้องหนูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น คุณคู่หมั้นอ่า ไม่เข้าใจกันบ้างเลย” “งั้นหมายความว่าไง ก็พูดมาสิ ฉันจะได้เข้าใจ เพราะฉันน่ะไม่เข้าใจภาษาเด็กอย่างเธอมากนักนะ” “ก็แค่ทาร์ตไข่มันไม่พอไง ทั้งดุด่าแล้วยังบีบคอเค้า จะมาง้อเค้าทั้งทีมีแค่ทาร์ตไข่ของโปรดเองเหรอ” “…” คุณคู่หมั้นหันมาสบตากับน้องหนู น้องหนูก็เลยเม้มปาก กะพริบตาอ้อน “ง่ะ เดี๋ยวหาว่าเห็นแก่กินอีก จริง ๆ ไม่ใช่นะคะ แค่อยากได้แบบสมน้ำสมเนื้อเอง” “เออ ๆ วันนี้ฉันยกเวลาให้เธอถึงเย็น อยากกินอะไร ไปไหนจะตามใจ” คุณคู่หมั้นน่ะพูดตัดรำคาญ แต่แล้วยังไงเล่า น้องหนูสนที่ไหนกัน วันนี้วันของน้องหนูนี่ ด้วยความดีใจจินตนาการถึงของหวานที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า น้องหนูจึงคล้องแขนคุณคู่หมั้นแล้วเอนหัวไปซบ “งื้อ คุณคู่หมั้นน่ารักที่สุดเลย ดุน้องหนูบ่อย ๆ ก็ได้ถ้าดุแล้วมาตามใจทีหลังแบบนี้ น่ารัก ๆ” “พอเลยยัยบื้อ เธอควรคิดในแง่ร้ายบ้างว่าที่ฉันตามใจเธอน่ะ อยากให้เธอกินจนตัวแตกไงละ” “งื้อ ยังไงก็ช่างค่ะ น้องหนูได้กินก็พอ” “งั้นก็ปล่อยแขนฉัน ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ” รีบปล่อยสิคะ คนอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างคุณคู่หมั้น คนอย่างน้องหนูไม่หาทำอะไรที่มันเสี่ยงต่อการงดของหวานหรอกค่ะ “แง่ะ หวงเนื้อหวงตัวไปได้” พอปล่อยแล้วก็ยู่หน้าใส่เขาด้วยความหมั่นไส้ การจ้องหน้าเขาทำให้เห็นบางอย่าง “ว่าแต่ว่าคุณคู่หมั้นดื่มหนักมากเหรอคะ” “ทำไม?” “ก็หูแดงเชียว แพ้แอลกอฮอล์หรือเปล่าคะเนี่ย” พูดถามพลางยื่นมือไปแตะที่ใบหูเขาด้วย “พอ ๆ เธอจะมาสังเกตอะไรฉันนัก มีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป อย่าพูดมาก รำคาญ” “คุณคู่หมั้นอะ” “อะไร” “ถ้าจะง้อน้องหนู นอกจากของหวานก็คือห้ามหน้าบึ้งใส่น้องหนู 1 วันค่ะ ถ้าทำไม่ได้ก็ไปส่งน้องหนูที่บ้านเลย น้องหนูไม่ไปกับคุณคู่หมั้นแล้ว” “นี่ ๆ น้อย ๆ หน่อยคุณน้องหมู ได้คืบจะเอาศอก” “เนี่ย ๆ บูลลี่น้องหนูอีกแล้ว” “บูลลี่อะไร ฉันแค่พูดความจริง เธออะรับไม่ได้เอง” “ชิ ๆ เงียบไปเลยค่ะ น้องหนูเหนื่อยจะพูดกับคุณคู่หมั้น” “หึ” คุณคู่หมั้นส่ายหน้าค่ะ น้องหนูก็เลยยู่ปากใส่และตามหาพิกัดร้านที่อยากจะไป ต่อมาเรามาถึงร้านแรก เป็นร้านขายเค้กขึ้นชื่อ ทาร์ตไข่เอาไว้ทีหลัง เพราะน้องหนูจะหาวิธีซุกเอากลับเข้าบ้านโดยที่ไม่ให้คุณแม่เห็นด้วย “นอกจากผู้ชายในซีรีย์แล้ว เธอสนใจผู้ชายคนอื่นไหม” เกิดคำถามระหว่างนั่งรอเค้ก “สนใจ? สนใจแบบไหนคะ แบบไหนเรียกสนใจ” “…” ซื่อบื้อ คือสายตาที่คุณคู่หมั้นกำลังตำหนิน้องหนูในตอนนี้ “ถ้าคุณคู่หมั้นหมายถึงแฟน น้องหนูไม่มีหรอกค่ะ ก็คุณคู่หมั้นบอกคุณแม่เองนี่คะว่าห้ามผิดข้อตกลง น้องหนูจะมองคนอื่นได้ไง” น้องหนูไม่อยากให้คุณแม่เสียใจ “แล้วถ้าฉันให้เธอมีแฟน” “ไม่เอาอะ ไม่ชอบเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร” “ทำไมเธอคิดงั้น” “คิดว่าผู้ชายหล่อ ๆ จะมารักกับผู้หญิงอ้วนเหรอคะ ควงไปไหนอายเพื่อนแย่” “ถ้านั่นคือเหตุผล แล้วทำไมเธอไม่ลดหุ่น” “เอ๊ะ? ก็บอกอยู่ว่าไม่ชอบเปลี่ยนตัวเองเพื่อใคร ถ้าจะเข้ามาเป็นแฟนแล้วทำให้ความสุขของน้องหนูหายไป อย่ามาดีกว่า แบบนั้นเรียกเข้ามาทำให้ทุกข์ ว้าว เค้กมาแล้ว น่าทานมากเลยค่ะ” เปลี่ยนอารมณ์ทันทีค่ะ ของตรงหน้าน่าทานมาก เหมือนมันกำลังร้องบอกว่า กินฉันสิ กินฉันสิ ฉันอร่อยนะ “…” “ทานสิคะคุณคู่หมั้น น้องหนูสั่งมาเผื่อแล้วนะ” “ฉันไม่ชอบของหวาน แค่เห็นเธอเขมือบเข้าไปฉันก็รู้สึกขนลุกแล้ว” “ใช้คำได้รุนแรงมาก เขมือบ พูดมาได้ น้องหนูเป็นคนนะคะ แต่ช่างเถอะ วันนี้อารมณ์ดี ขอบคุณที่พามานะคะ” เอ่ยขอบคุณแล้วตักทานค่ะ งื้ม ฟิน ฟินมาก ๆ เลย “ทีหลังถ้ารู้ว่าฉันขาดสติ หรือคิดว่าตัวเองจะไม่ปลอดภัย อย่าไปอยู่ใกล้ฉัน ฉันไม่ใช่คนดี” “อื้ม จริงค่ะ ประโยคหลังจริงมาก ๆ” “ที่พูดที่บอกเข้าหูบ้างไหม” จะโมโหทำไมเล่า “เข้าสิคะ งั้นน้องหนูจะตอบโต้ได้ไง” “เฮ้อ เธอนี่มัน…” “ซื่อบื้อ” “จิ” เหมือนอารมณ์เสียเวลาที่น้องหนูคุยด้วยเลยค่ะ อายุห่างกันไม่เท่าไหร่ คุณคู่หมั้นเข้าใกล้วัยทองก่อนวัยอันควรหรือเปล่านะ “จะว่าไปฉันได้ยินมาว่าเธอสนิทกับเด็กผู้ชาย?” “เด็กผู้ชาย? ใครคะ น้องหนูไม่ได้เล่นกับเด็กที่ไหนนะ” “ยัยซื่อบื้อ ฉันหมายถึงเด็กที่อายุเท่า ๆ เธอ” “อ้อ น้ำเหนือ น้ำเหนือเด็กที่ไหนกันเล่า นั่นเพื่อนค่ะ” “ก็เธอเด็กกว่าฉันไหม สรุปยังไง” “ไม่ยังไงนี่คะ น้ำเหนือคือเพื่อนค่ะ เขาเพิ่งย้ายมา ชอบโดนเพื่อนบูลลี่เพราะชอบอ่านหนังสือ พวกไม่เข้าสังคมอะค่ะ ไลฟ์สไตล์แบบน้องหนูเลย” “แบบเธอยังไง เธอชอบเรียนเหรอ ฉันเห็นที่เธอชอบคือของหวาน ของหวาน และของหวาน” “ก็เราชอบโดนบูลลี่เหมือนกันไง คุณคู่หมั้นนี่น้า ชอบแขวะ ชอบแซะ ชอบกัดน้องหนูอยู่เรื่อยเลย” “แล้วเธอไม่ได้ชอบมันใช่ไหม” “ชอบ ใครคะ?” “ไอ้เด็กนั่นไง” “ชอบค่ะ ชอบมากด้วย” “…” ทำไมมองหน้าน้องหนูแบบนั้น ทำอย่างกับว่าน้องหนูพูดไม่เคลียร์ หรือเราจะพูดไม่เคลียร์จริง ๆ “น้องหนูหมายถึง น้ำเหนือเป็นเพื่อน ชอบแบบเพื่อนอะค่ะ เหมือนเพื่อนรักงี้” “ไม่ได้เรื่อง” “งื้ม อะไรอีกอะ” น้องหนูเริ่มสับสนกับอารมณ์ของคุณคู่หมั้นแล้วนะคะ อะไรยังไงกัน “ไว้ใจคนง่าย กล้าบอกเพื่อนรักทั้งที่เธอก็บอกอยู่ว่าไอ้เด็กนั่นเพิ่งย้ายเข้ามา แบบนี้ใครทำดี ใครมีปมแบบเธอ เธอไม่เรียกเพื่อนรักหมดหรือไง” “ก็ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ น้องหนูแค่เชื่อสัญชาตญาณตัวเอง…” “สัญชาตญาณโลกสวยของเธอน่ะเหรอ ห่วยแตก” “มันก็ดีกว่าสัญชาตญาณโลกแคบ ขวางโลกของคุณคู่หมั้นแล้วกัน” “นี่เธอว่าฉันเหรอยัยเด็กอ้วน” “ใช่น่ะสิ ภูมิใจเลยค่ะ เพราะคุณคู่หมั้นเป็นคนแรกที่น้องหนูต่อว่า และหงุดหงิดใส่” “ยัยอ้วน! รีบ ๆ กินเข้าไปเลย หุบปากของเธอไปซะ” พูดเปล่าที่ไหน จับช้อนตักเค้กมายัดปากน้องหนูที่กำลังจะอ้าปากเถียงด้วย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม