"คุณหนู... เออ... มิทราบว่ามาทำการใดแถวนี้?"
บัวเดินเก็บดอกไม้ในสวนเลยมาทางเขตของพระยาไชยากร แก้วกำลังขุดดินหาจิ้งหรีดเห็นบัวก้มๆเงยๆจึงทักทายที่ได้เห็นหน้าหล่อนอีกครั้ง
"อ้าว นายคนที่ลานชนไก่นี่เป็นบ่าวบ้านขุนวิชิตดอกรึ"
แก้วพยักหน้า บัวดูแก้วขุดจิ้งหรีดอยู่ก็สนใจใครรู้
"โห้...ตัวบักเอก ใหญ่พอๆกับที่ท่าน้ำอ้อย จะเอาไปคั่วหรือพ่อข้าขอสักถ้วยได้หรือไม่ เห็นแล้วอยากกิน"
"ดะ ได้สิขอรับถ้าบ่าวคั่วเสร็จจะเอามาให้คุณหนู"
บัวยิ้มให้ขอบใจแก้ว ยอดที่เด็ดดอกไม้อยู่อีกฝั่งหนึ่งเรียกหาหล่อนจึงขอตัว
"เอ็งชื่อเรียงเสียงใดจะได้เรียกถูก"
"กะ แก้วขอรับ"
"อืม... ข้าจะจำไว้"
หล่อนพูดแค่นั้นก็เดินจากไปแต่ต้องสะดุดเข้ากับหลุมเล็กที่แก้วขุดไว้
"เหวอ!!"
แก้วรีบวิ่งเข้าไปรับบัวที่ซวนเซจะล้ม เขากอดที่ไหล่หล่อนไว้ก่อนจะพยุงให้หล่อนยืนตัวตรง
"ขอบน้ำใจ เกือบหน้าคว่ำแล้ว"
แก้วรีบปล่อยมือกลัวจะโดนดุ หล่อนกลับโบกมือเชิงว่าไม่เป็นไรหล่อนไม่ระวังเองแล้วรีบวิ่งตามเสียงเรียกของยอดปล่อยแก้วยืนมองอยู่อย่างนั้น พอเห็นหน้าใกล้ๆหล่อนช่างงามนักจนเขาแทบหยุดหายใจ กลิ่นตัวหล่อนนั้นก็หอมยิ่งนัก วันนี้ดูท่าเขาจะฝันดีเสียแล้ว
"ไอ้แก้ว! ไอ้แก้วโว้ย!! ตื่นๆๆ!! "
"หาว...ป้าศรี... ไม่เห็นคนนอนรึ"
แก้วที่หนีมานอนกลางวันที่ศาลาท่าอาบน้ำถูกป้าศรีปลุก เขาโงหัวขึ้นเลิกตาข้างหนึ่งดูนาง เขาเอาเสื้อผ้ามาซักเห็นอากาศเย็นสบายเสร็จงานจึงนอนตากลมเล่น
"เห็น! ตากูไม่ได้บอดมึงนี่ชักจะขี้เกียจตัวเป็นขน! คุณท่านเอ็นดูหน่อยแอบอู้งานเชียวนะมึง"
แก้วไม่สนใจล้มตัวนอนต่อ ป้าศรีเห็นอย่างนั้นก็ใช้ถังไม้ตักน้ำในคลองสาดใส่แก้ว
"มึงยังจะนอนอีก! ลุกเดี๋ยวนี้หรือมึงจะให้กูถีบ!"
นางยกเท้าขึ้นทำท่าจะถีบแก้วรีบยืนขึ้นทันที
"ลุกแล้วจ้า ป้ามีกระไรจะใช้สอยจ้ะ"
"ท่านเรียกมึงไปพบ" นางบ้วนน้ำหมากทิ้ง
"ท่านพระยาฯ กลับมาจากปักใต้เมื่อครู่ก็ถามหา แล้วผมเผ้าก็จัดให้เป็นทรงเสียหัวฟูอย่างกับรังนกกระจาบ แหม...ไม่ได้ดั่งใจเลยสักคน แล้วนี่ไอ้เจิมไอ้ผัวขี้ครอกหายหัวไปไหนอีก กลับมาจากปักใต้แทนที่จะมาให้เมียเห็นหน้าก็หายหัวไปอีกละ กูละเบื่อ..."
ป้าศรีเดินนำหน้า นางเดินไปบ่นไปแก้วต้องเอามือปิดหูด้วยความรำคาญ เหลือบไปเห็นเถาย่านางก็ถึงดึงมาศอกหนึ่งก่อนจะเอาคล้องไปที่คอป้าศรี
"งูๆๆ! ป้า! งู!"
"ว้ายๆ! งู งู งูชกกู! กูตายแน่! งูชกกู!!"
"ก๊ากกก ฮ่าๆ ๆ วู้! สะใจๆ!!"
แก้วตบไม้ตบมือชอบใจที่ได้แกล้งคน
"ไอ้แก้ว! ไอ้เวรตะไรวันนี้กูจะตีมึงให้ตาย!"
พอนางได้สติเห็นแก้วยืนหัวเราะพร้อมยื่นเถาย่านางให้ นางหันไปคว้าไม้ที่ชันอยู่ใกล้ๆฟาดใส่แก้วอย่างแรง
"โอ้ย! โอ้ย! ป้าเจ็บ!!"
บ่าวไพร่บนเรือนต่างชะโงกหน้ามาดู แก้ววิ่งหนีตายขึ้นเรือนหวังจะมีคนช่วย ป้าศรีวิ่งตามติดๆ ถึงนางจะอายุปาไปหกสิบกว่าแล้วแต่ก็ยังแข็งแรงเดินเหินสะดวกกว่าคนวัยเดียวกัน
"มึงจะหนีไปไหนมาให้กูตีซะดีๆไอ้แก้ว!!"
พอนางตามทันก็จับแขนไว้เอาไม้ฟาดแก้วไม่ยั้งมือ พวกบ่าวไพร่ต้องรีบมาช่วยกันดึงนางไว้
"อ้าวๆ เอะอะมะเทิ่งอันใดกันพวกเอ็ง"
ท่านพระยาไชยากรและภรรยา นั่งทานของว่างอยู่เอ่ยถามคิ้วขมวด
"ก็ไอ้ฉิบหายนี่สิเจ้าคะเอาย่านางมาคล้องคอบ่าวหลอกว่าเป็นงู! บ่าวตกใจเกือบตาย!!"
นางฟ้องเจ้านายพร้อมดึงหูแก้วอย่างแรง
"โอ้ยยย! ก็ป้าเล่นสาดน้ำใส่ข้าก่อนหายกัน! หูนี่ยานแทบหลุดติดมือแล้ว! ปล่อยเถอะข้าเจ็บ!!"
"เอ็งก็เหลือเกินไอ้แก้ว นังศรีแก่จะเข้าโลงอยู่แล้วยังไปแกล้งมันอีก เอ็งไม่กลัวบาปรึ"
ท่านเอ็ดแก้วที่นั่งลงกับพื้น ป้าศรีที่นั่งลงข้างกันก็ถีบสีข้างเข้าให้ทีหนึ่ง ท่านส่ายหัวให้แก้ว ด้วยความที่เขาชอบแกล้งป้าศรีอย่างนี้จึงทำให้โดนหวายนางประจำ ทั้งสองทะเลาะกันไม่เว้นแต่ละวันพอให้เป็นสีสันของเรือน
"ที่ข้าเรียกเอ็งมาด้วยมีข่าวดีจะบอก"
ท่านจิบน้ำชาให้โล่งคอ
"ข้าได้ข่าวพ่อแม่เอ็งจากสหายที่ใต้ว่าพ่อแม่เอ็งหนีไปเป็นชาวเลหาปลาอยู่นาน เมื่อปีกลายก็ไปเป็นชาวแพเร่ขายของอยู่แถวอัมพวา"
"จะ จริงหรือขอรับ! คุณพ่อคุณแม่บ่าวยังไม่ตายหรือขอรับ!"
แก้วแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาเขย่าขาท่านอย่างแรงถามซ้ำแล้วซ้ำอีก
"พ่อแม่ไอ้แก้วยังไม่ตาย! ป้าศรี! ท่านยังมีชีวิตอยู่!!"
แก้วกับป้าศรีจับมือกันลืมตัวว่าพึ่งมีเรื่องกัน เขาดีใจมากที่ท่านทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ได้แต่หวังว่าอีกไม่นานคงได้พบเจอกัน
"ข้าจะให้สหายแถวอัมพวาสืบดู นี่มันก็นานเป็นสิบปีละที่ไม่ได้ข่าวคราว"
ท่านหยิบหีบไม้กล่องเล็กออกจากหีบกล่องใหญ่เปิดเอาสร้อยพระเลี่ยมทองเส้นใหญ่หนึ่งเส้น ปลดองค์พระออกจากสร้อยทองแล้วยื่นให้แก้ว
"นี่เป็นพระที่พ่อเพิ่มพ่อของเอ็งฝากไว้ ข้าจะให้เอ็งห้อยคอไว้เผื่อพ่อแม่เอ็งเห็นพระองค์นี้จะได้จำเอ็งได้ ข้ากลัวพ่อแม่เอ็งจะไม่กล้ากลับมาหาเอ็งที่เรือนนี้"
แก้วรับมามือสั่น อยู่ๆน้ำตาเขาก็ไหลออกมา เขาเอามือปาดน้ำตาไม่อายใครภาพที่เห็นสร้างความเวทนาให้แก่คนบนเรือนยิ่งนัก ป้าศรีเห็นแก้วร้องไห้ก็ร้องตามด้วยความสงสาร ถึงนางไม่มีลูกแต่นางก็เข้าใจหัวอกคนบ้านแตกเพราะนางเองก็เสียพ่อตั้งแต่ยังสาว
"เอ็งจะร้องตามไอ้แก้วทำไมนังศรี"
"ฮือๆ ๆ ก็บ่าวสงสารมันนี่เจ้าคะ เลี้ยงมันมากับมือ ถึงมันจะทะลึ่งไปบ้างแต่มันก็เป็นเด็กดีไม่เสียแรงที่บ่าวป้อนข้าวป้อนน้ำมันมา"
ป้าศรีสั่งน้ำมูกเสียงดังพยายามห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้ตามแก้ว
"แล้วนี่ตกลงพ่อแม่มันคือผู้ใดกัน ทำความผิดอันใดท่านก็ไม่บอกให้พวกอิฉันรู้"
ป้าศรีถามด้วยความอยากรู้ แก้วก็เช่นกันแต่เขาก็ไม่กล้าถามรอให้ท่านพูดเอง
"เออ... เมื่อถึงเพลาก็จะรู้เอง เอ็งรู้แค่ว่าพ่อแม่เอ็งเป็นคนดีแค่นั้นพอ แลที่ข้าเคี้ยวเข็นเอ็งให้อ่านเขียนด้วยวันข้างหน้าสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์แก่ตัวเอ็ง"
ท่านพูดแค่นี้แล้วไม่พูดอะไรอีกปล่อยให้แก้วนั่งมองพระในมือเงียบๆคนเดียวแล้วหันไปฟังภรรยากระซิบกระซาบที่ข้างหู
"คุณพี่จะไม่บอกมันจริงหรือ? "
"ถึงเรื่องมันจะเงียบไปแต่เราจะมั่นใจได้เช่นไรว่าพวกเขาจะปลอดภัย ข้ารับปากแล้วว่าจะดูแลมันข้าจะมิผิดคำสัญญาเป็นอันขาดแม้จะต้องตายข้าก็จะปกป้องมัน เพราะครั้งหนึ่งถ้าไม่ได้พ่อไอ้แก้วช่วยชีวิตไว้ ข้าคงเป็นผีไปแล้ว"
ท่านชี้แจ้ง มีเพียงท่านสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องครอบครัวแก้วเมื่อสิบปีที่แล้ว คุณหญิงน้ำทิพย์ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ ด้วยอยากให้เรื่องราวจบโดยเร็วความทุกข์ใจของสามีจะได้หมดไปเสียที
"มีเรื่องกระไรกันหรือเจ้าคะ หน้าตาเคร่งเครียดเชียวคุณพี่"
คุณยิ้มน้องสาวคุณหญิงน้ำทิพย์พร้อมยศลูกชายวัยสิบเจ็ดปีเดินขึ้นเรือนมาพร้อมบ่าวติดตาม ทั้งสองกลับจากไปเยี่ยมญาติฝังสามีที่เสียชีวิตแล้วแถวคลองพระโขนง
"แม่ยิ้มพ่อยศ"
"ฉันไหว้เจ้าค่ะคุณพี่ จากเรือนไปนานหลายวันอีฉันละคิดถึงรสมือคุณพี่ยิ่งนัก ฝั่งกระโน้นรสมือไม่ได้เรื่อง ดูสิพ่อยศผอมลงมากโขเลยเจ้าค่ะ"
คุณยิ้มแม่ม่ายลูกหนึ่งอาศัยอยู่เรือนหลังเล็กกับลูกชาย นางเป็นคนหน้าตาดีสมกับเป็นลูกผู้ดีและเจ้ายศเจ้าอย่าง ลูกชายนางเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีผิวขาวอมเหลืองนิสัยเหมือนกันกับแม่และค่อนข้างที่จะเกเรเอาแต่ใจตนเอง นางหันไปมองแก้วที่อยู่ใกล้ๆ สีหน้าไม่ชอบใจนัก
"ไอ้ชาติไพร่ เอ็งเห็นข้าทำไมไม่ไหว้มือไม้แข็งเชียวนะ"
นางเอ็ดแก้วอย่างรำคาญตาที่พึ่งมาถึงก็พบคนที่ไม่ชอบหน้า
"แม่ยิ้มอย่าไปสนใจมันเลย คนกำลังเศร้าเรื่องพ่อแม่มัน"
คุณหญิงน้ำทิพย์บอกน้องสาวอย่าถือสา
"ตายแล้วหรือพ่อแม่มัน! นี่แหละเวรกรรมมันตามทัน ทำกระไรให้คนอื่นเจ็บช้ำใจก็ต้องได้รับกรรม"
"ยังไม่ตาย แค่ได้ข่าวคราวแค่นั้น เอ้...แม่ยิ้มก็ พี่บอกเจ้ากี่ครั้งละให้ปล่อยวางเจ้าจะผูกใจเจ็บไปไยกัน"
"ไม่เจ้าค่ะ!" นางกระแทกเสียง "จนตายอีฉันก็ไม่ลืมที่พ่อมันทำกับอีฉันไว้"
คุณยิ้มนึกถึงครั้งเมื่อเป็นสาวนางเคยหลงรักนายเพิ่มพ่อของแก้ว นางมั่นไปหาที่เรือนเทียวส่งข้าวส่งน้ำคอยทำดีด้วยตลอดแต่นายเพิ่มกลับปฏิเสธนางแล้วไปแต่งงานกับนางสร้อยแม่ของแก้ว นางทั้งอับอายและเจ็บใจที่ชายหนุ่มปฏิเสธจึงไปแต่งงานกับเศรษฐีฝั่งคลองพระโขนงที่ให้ผู้ใหญ่มาทาบทาม อยู่กินไม่กี่ปีสามีก็มาด่วนตายจากปล่อยให้นางลำบากเลี้ยงลูกคนเดียว อีกทั้งเมื่อมาขออยู่ที่เรือนเป็นเวลาเดียวกับแก้วที่เข้ามาอยู่ที่เรือนทุกคนก็หันไปให้ความสนในแต่แก้วที่ตอนนั้นอายุเพียงเจ็ดปีกำลังซึมเศร้าเรื่องพ่อแม่โดยไม่สนใจนางและลูก นางจึงรังเกียจเดียดฉันท์แก้วที่มาแย่งความรักของลูกนาง
"ไปไกลๆ หน้าข้า! มาเหนื่อยๆ ข้าไม่อยากอารมณ์เสียกับเอ็ง!"
แก้วเงยหน้ามองคุณหญิงฯเชิงถาม ท่านพยักหน้าให้ไปได้เขาจึงรีบลงเรือนไปปล่อยให้เจ้านายคุยกัน ก่อนจะลงบันไดไปก็สบตาเขากับยศที่มองเขาด้วยสายตาดูแคลน
"เมี่ยง วันนี้ข้าอยากไปตลาดชวนพี่ยอดไปกัน"
บัวนั่งร้อยมาลัยอย่างเบื่อหน่ายเอ่ยชวนบ่าวคนสนิทออกไปเที่ยวเล่นนอกเรือน
"จะไปได้เยี่ยงไรคะคุณหนูบัว แม่นายสั่งให้คุณหนูนั่งร้อยมาลัยให้เสร็จแลไอ้พี่ยอดตามคุณพุ่มไปธุระยังไม่กลับ เราเป็นหญิงจะเที่ยวตระเวนไปไหนตามลำพังมันดูไม่งามนะเจ้าคะ แม่นายพูดกรอกหูทุกวันหัดจำเสียบ้าง" เมี่ยงเตือนสติเจ้าหล่อน
"โอ้ย...เบื่อๆๆ! ทำกระไรก็มิได้! เอ็งก็เห็นข้าอยู่แต่ในเรือนหลายเพลาจนจะบ้าตายอยู่แล้ว! เบื่อๆๆ!! "
"แหกปากอีกแล้วนะแม่บัว! เป็นแม่หญิงเที่ยวแหกปากแหกคอไม่อายบ่าวมันรึ ลูกชาติลูกตระกูลข้าก็พึ่งเคยเห็นเจ้านี่แหละไม่มีความเป็นกุลสตรีเลย"
"ก็มันน่าเบื่อนี่เจ้าคะ นั่งเย็บปักถักร้อย เชอะ! โอ้ย! หยิกหลานทำไมเจ้าคะ!"
คุณหญิงประยงค์หยิกแขนบัวอย่างแรงด้วยความมั่นไส้
"เอานี่ จะสวมใส่เครื่องประดับชิ้นไหนก็เลือกเอา อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันงานแล้ว เจ้าจะต้องงามที่สุดในงานอย่าให้ยายเสียหน้า"
คุณหญิงประยงค์นำผ้าและเครื่องประดับมาให้หลานสาวเลือกล้วนแต่เป็นของสวยงามราคาแพง ซึ่งบ่งบอกฐานะของผู้สวมใส่เป็นอย่างดี หล่อนทำหน้ามุ้ยด้วยไม่ชอบออกงานและไม่ชอบสวมเครื่องประดับหลายชิ้นแกล้งเลือกส่งๆไปแล้วหันมาร้อยพวงมาลัยต่อ พอท่านเอนหลังหลับไปหล่อนก็แอบย่องลงเรือน บ่าวไพร่ที่อยู่แถวนั้นจะร้องห้ามแต่บัวยกกำปั้นขู่แล้ววิ่งลงเรือนไปปล่อยให้เมี่ยงที่นั่งสับปะงกนั่งเฝ้าคุณหญิงฯแทน บัวเดินเล่นจนถึงศาลาท่าน้ำที่สร้างอยู่ใกล้กันกับศาลาท่าน้ำเรือนพระยาไชยากร ซึ่งหล่อนก็ไม่เคยเข้าไปในเขตเรือนท่าน หล่อนนั่งย่อนขาเล่นน้ำดับร้อนเล่นไปเล่นมาเลยลงไปแช่ทั้งตัวเพราะไม่เห็นมีใครพายเรือผ่าน มีเพียงเด็กเล็กที่กระโดดน้ำเล่นอย่างสนุกสนานอยู่ไกลๆ ทางหัวโค้ง บัวว่ายน้ำเล่นไปเรื่อยๆจนเลยไปเขตท่านพระยาไชยากร อยู่ๆก็มีอะไรมาโดนขาเหมือนมือคน หล่อนนิ่งอยู่สักพักสังเกตดูน้ำกระเพื่อมไปมา
"กรี๊ด!!"
มีมือมาดึงผ้าแถบของหล่อนหลุดจนเห็นหน้าอก บัวจับผ้าแถบไว้แน่นแล้วออกแรงดึงอย่างแรงก็เห็นแก้วที่เป็นคนดึงผ้าแถบของหล่อนไว้แน่น สีหน้าไม่สู้ดีนัก!!