มุกระวีลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ที่ไหนสักแห่งที่อากาศเย็นสบาย มีที่นอนหนานุ่มรองรับแผ่นหลัง เมื่อสายตาค่อยๆ ปรับโฟกัสก็พบว่ารอบๆ ห้องตกแต่งด้วยกระจกโมเสกหลากสี เครื่องเรือนตกแต่งหรูหราสไตล์อาหรับ มีผ้าม่านผืนหนาสีทองขลิบลายอย่างดีแขวนไว้ที่หน้าต่างบานใหญ่
สมองของมุกระวีค่อยๆ ทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แต่ร่างของใครบางคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงก็ทำให้มุกระวีต้องเบิกตากว้าง แม่เจ้า นั่นคนหรือเทพบุตร เพราะชายในชุดกันดูราสีขาว มีผ้าคลุมศีรษะเสริมให้ใบหน้าดูโดดเด่นออกมา ดวงตา คิ้ว คาง รับกันอย่างเหมาะเจาะ ใบหน้าแบบนี้เธอเคยเห็นในข่าวเฟซบุ๊ก พวกชีคอาหรับ
“ตื่นแล้วเหรอ ผมต้องการคุยกับคุณ” เสียงห้าวทุ้มบอกเป็นภาษาอังกฤษ
“คุยกับฉันเหรอ คุยอะไร” มุกระวียังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่พอจะขยับตัวเองลุกขึ้นเพื่อนั่งคุยกับเขาก็รู้สึกว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่ดูแปลกๆ เป็นชุดยาวคลุมไปถึงข้อเท้า “นี่ชุดของใครกัน แล้วที่นี่ที่ไหน”
“ผมจะคุยกับคุณเรื่องนี้แหละ คุณเป็นพวกเดียวกับไอ้โจรทะเลทรายนั่นหรือเปล่า”
พอเจอคำถามแรกของคนหล่อก็เล่นเอาสไตลิสต์คนสวยไปไม่ถูก “คุณพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ ฉันเป็นนักท่องเที่ยว แต่ถูกคนขับของกรุ๊ปทัวร์ทิ้งไว้กลางทะเลทราย แล้วคุณเป็นใครกัน คนอื่นๆ ไปไหนกันหมด”
“ผมชื่อฟาริส เป็นคนสั่งให้ลูกน้องพาคุณมาที่นี่เพื่อสอบสวน”
“สอบสวนเรื่องอะไรกัน” คิ้วเรียวขมวดมุ่น “ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว พาฉันไปสถานีตำรวจที ฉันจะไปแจ้งความว่าถูกโจรปล้นกลางทะเลทราย จะฟ้องกรุ๊ปทัวร์ที่พามาทิ้งกลางทะเลทรายด้วย” มุกระวีทำท่าจะลุกเดินไปที่ประตู แต่ถูกรั้งไว้ด้วยคำสั่งเหี้ยม
“หยุดอยู่ตรงนั้น คุณจะไปไหนไม่ได้ ผมต้องการรู้ว่าคุณเกี่ยวข้องอะไรกับพวกโจรนั่นหรือเปล่า ทำไมมันถึงจะพาคุณหนีไปด้วย ทั้งที่ทิ้งคนอื่นๆ ไว้” ไม่เพียงแค่ถาม แต่ฟาริสยังเดินเข้าไปใกล้เชลยสาวแสนสวย
ตอนที่หล่อนนอนหมดสติอยู่กลางดงปืน เป็นเขาเองที่ไปอุ้มเธอมาขึ้นรถและสั่งให้สาวใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ เขาเห็นชัดว่าภายใต้ชุดคลุมยาวนี้ซ่อนความงดงาม ยั่วยวนตาไว้แค่ไหน
“คุณพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ บอกแล้วไงว่าฉันเป็นนักท่องเที่ยวถูกทัวร์เอาไปทิ้งกลางทะเลทราย ทำไมคุณไม่ไปถามกรุ๊ปทัวร์ดูล่ะ ว่าฉันเป็นนักท่องเที่ยวจริงไหม”
“ผมทำแน่ แต่ว่าตอนนี้ยังไงก็ต้องกักตัวคุณไว้ก่อน จนกว่าผมจะแน่ใจว่าคุณไม่ใช่พวกเดียวกับโจร พวกมันขโมยชุดมรกตล้อมเพชรของผมไป แล้วมีคุณคนเดียวที่เห็นหน้าพวกมัน เพราะฉะนั้น คุณจะต้องอยู่กับผมเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ใช่พวกเดียวกับโจร”
“บ้าไปแล้ว ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว ฉันจะกลับประเทศไทย” มุกระวีเหลืออด ทั้งกับคนหล่อและสถานการณ์บ้าๆ ตรงนี้ เธออยากคิดว่ามันเป็นแค่ฝัน แล้วให้ตัวเองตื่นจากความฝันนี้เสียที
ร่างบางปราดไปที่ประตู พอเปิดออกไปก็พบกับชายฉกรรจ์หน้าตาเหี้ยมโหดสามคนยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง เท้าน้อยๆ รีบผละถอยหลังอย่างตกใจ
“คุณหนีไปไหนไม่ได้หรอก ถ้าผมไม่อนุญาต ตอนนี้คุณต้องอยู่กับผมที่นี่ก่อน จนกว่าทุกอย่างจะชัดเจนว่าคุณไม่ใช่พวกเดียวกับมันผมถึงจะปล่อยไป”
มุกระวีหันกลับมาเม้มริมฝีปากแน่น “จะให้ฉันบอกกี่รอบว่าฉันไม่ใช่พวกเดียวกับโจร พวกมันจะข่มขืนฉันด้วยซ้ำ ฉันจะเป็นพวกเดียวกับมันได้ยังไง ฟังกันบ้างสิ”
“ผมไม่รู้เรื่องนั้นด้วย ผมเห็นแค่ว่ามันจะพาคุณไปด้วย แต่คุณเป็นลมหมดสติไปเสียก่อน เพราะฉะนั้นผมจะปล่อยคุณไปไม่ได้ ดีไม่ดีคุณอาจจะเป็นเมียของพวกมันคนใดคนหนึ่ง แล้วพวกมันก็ส่งคุณมาเป็นนางนกต่ออีกทีก็เป็นได้” เพราะเหตุการณ์แบบนี้ฟาริสเคยเจอมาแล้ว ตอนที่ท่านพ่อของเขารับสนมคนหนึ่งเข้ามา หล่อนเป็นคนของพวกชนกลุ่มน้อยที่อยากแยกตัวเป็นอิสระเลยส่งลูกสาวของหัวหน้ากลุ่มเข้ามาเพื่อหวังสังหารท่านพ่อของเขา แต่ดีที่เขาเข้าไปช่วยท่านพ่อไว้ทัน ท่านพ่อจึงรอดมาได้
มุกระวีกำมือแน่น แม้จะชอบหน้าหล่อๆ ของคนตรงหน้า แต่เกลียดปากเสียของเขาที่สุด “ปากมอม ฉันไม่ใช่เมียโจรและไม่ใช่นางนกต่ออย่างที่คุณคิด ฉันเป็นสไตลิสต์มีงานทำที่เมืองไทย ไม่เชื่อไปสืบดูได้”
และบังเอิญว่าเขาฟังภาษาไทยเข้าใจในระดับดีมากจึงตอบกลับอย่างเผ็ดร้อนไม่แพ้กัน “รู้ไหมว่าไม่เคยมีใครด่าผมว่าปากมอมมาก่อน คุณกล้ามากนะ”
มุกระวีเชิดหน้าตอบ นาทีนี้เธอลืมความกลัวชายตรงหน้าไปหมดสิ้นเมื่อถูกตราหน้าว่าเป็นเมียโจร “ฉันกล้ามากกว่านี้แน่ ถ้าหากคุณยังยัดเยียดข้อหาบ้าๆ ให้ฉัน ที่นี่มันดินแดนเถื่อนหรือยังไงกันนะ ถึงได้กักขังคนไว้ได้ อย่าให้หลุดไปได้นะ ฉันจะแจ้งความจับเข้าคุกให้หมด” มุกระวีขู่ฟ่อ จ้องหน้าคนหล่อเข้มอย่างไม่กลัวเกรง
แต่นั่นทำให้คนที่ไม่เคยถูกใครด่าโต้งๆ มาก่อน ยิ้มเหี้ยม แล้วใช้มือหนาบีบพวงแก้มนวลไว้จนมุกระวีต้องเบ้หน้า พยายามสะบัดให้หลุดมือแกร่ง
“ปล่อยนะ ฉันเจ็บ”
“อย่าดีแต่ปากนะ ต้องทำให้ได้ด้วย ผมจะรอดูว่าคุณจะออกไปแจ้งความ แล้วให้ตำรวจมาลากคอผมยังไง”
“คุณมันก็ดีแต่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า แน่จริงก็ปล่อยฉันออกไปสิ ฉันจะไปแจ้งความให้ตำรวจมาลากคอคุณเข้าคุกให้ดู” มุกระวีโกรธจนควันออกหู
ฟาริสแสยะยิ้ม นึกสนุกอยากแกล้งแม่สาวตัวเล็กคนนี้ขึ้นมา “จะลากคอผมเข้าคุก ถ้าอย่างนั้นผมต้องมีข้อหาให้คุณไปแจ้งความจับเสียก่อนแล้วล่ะ เอาข้อหาข่มขืนกระทำชำเราก่อนดีไหม จากนั้นค่อยฆ่าปิดปาก”
มุกระวีกรีดร้องลั่น ดิ้นรนให้หลุดจากมือแกร่งที่พันธนาการไว้ แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งกลายเป็นว่าถูกมือหนากระชากเข้าหาแผงอกกว้าง แล้วกอดรัดแน่น มุกระวีกระทืบเท้าเขา เพื่อหวังให้หลุดพ้น แต่เหมือนไปเทน้ำมันราดบนกองไฟ
“ฤทธิ์เยอะจริงนะ”
“ก็คุณจะรังแกฉันก่อนนี่ ไอ้คนบ้า ไอ้คนหื่นกาม”
“งั้นผมก็จะทำจริงๆ อย่างที่คุณต้องการ หื่นกาม” ไม่พูดเปล่าฟาริสหมั่นไส้จัด เขาไม่เคยถูกว่าหื่นกาม เพราะคนอย่างเขาไม่เคยอดอยากเรื่องบนเตียง
เขาตรึงร่างของหญิงสาวไว้แล้วประคองใบหน้าเล็กให้แหงนขึ้นรับจูบร้อนๆ ฟาริสบดจูบอย่างดุดัน ขบเม้มริมฝีปากอิ่มอย่างเอาแต่ใจ เขาต้องการสั่งสอนผู้หญิงปากดีคนนี้ให้สิ้นฤทธิ์ แต่กลายเป็นว่าจะสั่งสอนเพียงนิดเดียว ทำไมถึงไม่อยากหยุด เขาไม่เคยรังแกผู้หญิงแต่ตอนนี้นึกอยากรังแก ฟาริสรู้สึกว่าริมฝีปากอิ่มช่างหวานล้ำ เนื้อตัวนุ่มนิ่มทำให้กายแกร่งร้อนฉ่าจนเกิดความรู้สึกต้องการมากกว่านี้ขึ้นมา
บ้าฉิบ