“ ก็ตั้งเลยสิจ๊ะ เดี๋ยววุ้นช่วยยก ”
“ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่การยกการตั้งโต๊ะหรอก มันอยู่ที่ว่าพี่สมรไม่ได้เตรียมอาหารสำหรับคุณรามไว้น่ะสิ อาหารที่ทำไว้มันจะใช้ได้หรือเปล่านะ ”
“ ไม่น่าจะได้ คุณรามท่านไม่ทานเผ็ดมากไม่ใช่เหรอ นี่ก็มีแต่แกงเทโพกับน้ำพริกกะปิ ” ลุงดำว่า
“ เออนั่นสิ ไข่เจียวก็แล้วกันวะ เดี๋ยวฉันจะทำเอง ”
ป้าจันดีว่า นางไม่ได้มีฝีมือทางด้านทำอาหารมากนักเหมือนแม่ของวุ้นหวานที่เป็นน้องสาว พอมาทำงานที่บ้าน หลังนี้ก็ไม่ได้ลงครัวเลยด้วยซ้ำเพราะเป็นหน้าที่ของแม่ครัวเท่านั้น ดังนั้นแค่เพียงอาหารง่าย ๆ อย่างไข่เจียวนางก็กังวลเหลือเกินว่าจะกินได้หรือไม่
พลันนั้นเสียงใส ๆ ก็เอ่ยขึ้น
“ เดี๋ยววุ้นทำให้ก็ได้จ้ะ ตอนอยู่บ้านวุ้นเป็นคนทำกับข้าว ” ทั้งลุงดำทั้งป้าจันดีหันมามองเด็กสาวทันที
“ เออจริงด้วย เห็นสมรมันว่านังหนูนี่ช่วยหยิบจับอะไรได้หลายอย่าง ทำขนมหวานก็เก่งไม่ใช่เรอะ ”
“ เออ แม่มันทำขนมขาย แต่กับข้าวน่ะฉันไม่แน่ใจ ”
“ โธ่ ป้าจ๋า ทำได้จริง ๆ ปกติวุ้นก็เป็นคนทำกับข้าวที่บ้าน รับรองว่ากินได้แน่จ้า ”
“ ฉันก็ว่าให้หนูวุ้นมันทำเถอะ คงจะน่าไว้ใจกว่าแกทำล่ะจันดี ” ลุงดำว่าพลางหัวเราะ ป้าจันดีจึงยอมให้เธอทำ ในที่สุด พลางสาธยายถึงสิ่งที่คุณรามชอบหรือไม่ชอบให้ฟัง
“ คุณรามเธอไม่ชอบกินเผ็ดมาตั้งแต่เด็ก นอกนั้นก็ได้หมด ”
“ ไม่แพ้อะไรใช่ไหมจ๊ะ ”
“ ไม่ ”
“ แล้วชอบกินอะไรเป็นพิเศษ ”
“ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงวะ พี่ดำรู้ไหม ” ป้าจันดีหันไปถามลุงดำที่ส่ายหน้าดิกเหมือนกัน
“ ไม่รู้เหมือนกัน ทำอะไรก็ทำ ๆ ไปเหอะ เร็วเข้า เดี๋ยวฉันจะไปดูท่านละนะ ” ชายแก่ว่าพลางรีบตักข้าวเข้าปากแล้วดื่มน้ำตาม ก่อนลุกพรวดสาวเท้าไปยังเรือนใหญ่ทันที
“ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวเปิดตู้เย็นดูก่อนว่ามีอะไรบ้าง ”
เด็กสาวว่าพลางเดินไปเปิดประตูตู้เย็นขนาดใหญ่ออกมาดู
“ มีไข่ มีหมูสับ มีกุ้งแกะเปลือกแล้ว ผักก็มีหน่อไม้ฝรั่งมีเห็ดหอมสด มีผักกาด ทำอะไรดีน้า ” เธอว่าพลางคิดอยู่ ชั่วอึดใจก่อนจะยิ้มออกมาได้
“ เดี๋ยวจะทำไข่ตุ๋นโรยหน้าด้วยหมูสับทรงเครื่องกับผัดหน่อไม้ฝรั่งกับเห็ดหอมสดใส่กุ้งก็แล้วกัน เอ๊ะ แต่ในตู้เย็นไม่มีต้นหอมเลย ว่าจะเอาโรยหน้าไข่ตุ๋นสักหน่อย ”
“ มีอยู่ในสวนหลังครัว ลุงดำแกปลูกผักไว้เยอะแยะ เดี๋ยวป้าไปเก็บให้นะ ” นางจันดีว่าพลางกุลีกุจอเดินจากไป
“ ขอบคุณจ้ะป้า ” วุ้นหวานตะโกนไล่หลังก่อนจะหันมาง่วนกับการเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำอาหาร
เธอเริ่มจากการนำไข่ไก่ออกมาสองฟองตอกมันลงในชามแล้วตีเบา ๆ ตวงน้ำใส่สองเท่าของไข่ ปรุงรส กรองด้วยกระชอนก่อนจะเทมันลงในถ้วยทนความร้อนแล้วนำไปใส่ในลังถึงที่ตั้งบนเตาไฟจนร้อนอยู่แล้ว
“ ทีนี้ก็เหลือแค่ผัดหมูไว้โรยข้างหน้า หั่นผักผัดก็จบแล้ว รออีกนิดนะคะคุณราม อย่าพึ่งอารมณ์เสียนะคะ ”
เด็กสาวพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง ทว่าก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงทุ้มจากทางด้านหลัง
“ นี่ฉันดูเป็นคนตะกละโมโหหิวนักหรือไง ”
เธอหันขวับไปมองทันที พบร่างสูงใหญ่ในชุดกางเกงขาสั้นสามส่วนถึงหัวเข่าสีกรมท่าและเสื้อกล้ามสีขาวอวดสรีระงดงามผึ่งผายแห่งเรือนกายชายอันสมบูรณ์แบบ ยืนกอดอก พิงประตูครัวด้วยทีท่าสบาย ๆ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มนิด ๆ ที่มุมปากพร้อมจ้องมองมาที่เธอ
“ คะ... คุณราม ! ”
“ ก็ฉันน่ะสิ ทำไมทำหน้าอย่างกับเห็นผี นี่ฉันดูน่ากลัวมากขนาดนั้นเลยหรือไง ”
“ เปล่าค่ะ คือว่าวุ้นแค่ตกใจที่จู่ ๆ คุณก็อยู่ตรงนี้ วุ้นกำลังรีบทำอาหารให้แทนป้าสมรออกไปตลาด คุณรามรออีกสักครู่นะคะ จะรีบอย่างที่สุดค่ะ โอ๊ย ว้าย ! ” เธออุทานเมื่อเกิดลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกแล้วถอยหลังไปชนกระชอนหล่นลงพื้นดังโพล้งเพล้ง พอจะก้มเก็บก็ดันชนเข้ากับเก้าอี้ด้านหลังจนเกือบจบหงายหลังล้ม
แต่คนตัวใหญ่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก พริบตาเดียวก็เข้ามาประคองเธอที่ดูลนลานเหลือเกินเอาไว้ในอ้อมแขนได้ทัน เธอเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาและสีหน้าตระหนกตกตื่นเหลือเกิน
“ ใจเย็น ๆ หายใจเข้าลึก ๆ นะ หนูวุ้น ”
บ้าจริง น้ำเสียงทุ้มนุ่มกับสายตาล้ำลึกคู่นั้นมันจะทำให้เธอใจเย็นลงได้อย่างไรกันเล่า !
ไหนจะอ้อมอกอุ่น ๆ กลิ่นหอม ๆ ที่โชยกรุ่นออกมาจากตัวเขา อาจจะเป็นกลิ่นครีมอาบน้ำ ครีมบำรุงผิว ไม่ก็โคโลญจน์ราคาแพงบางอย่างที่วุ้นหวานมิอาจรู้ได้ แต่มันเล่นเอาเธอมัวเมาลุ่มหลงไปกับกลิ่นนั้น
“ ต้นหอมมาแล้ว ว้าย ! ” เสียงร้องอย่างตกอกตกใจดังมาจากป้าจันดีที่พึ่งกลับมาจากการไปเก็บต้นหอมในสวนให้วุ้นหวาน และได้มาเห็นภาพตรงหน้าที่หลานสาวอยู่ในอ้อมแขนของเจ้านายอย่างคุณรามต่อหน้าต่อตา
วุ้นหวานได้สติรีบดิ้นรนออกจากพันธนาการทันที
“ พอดีวุ้นหวานจะล้ม ฉันก็เลยวิ่งเข้ามาประคองให้ ”