อาหารธรรมดาที่ไม่ธรรมดา

1211 คำ
“มาม่าเหรอ?” มาม่าคัปรสหมูสับถูกยื่นให้พิพิมที่นั่งมองอยู่ ดวงตากลมโตกะพริบตาปริบ ๆ จ้องมองมาม่าคัปถ้วยนั้นไม่วางตา และไม่แม้จะยื่นมือไปรับ “รับไปสิ” “กินได้เหรอ? จะไม่เป็นอันตรายกับร่างกายใช่มั้ย?” พิพิมเอ่ยถามชุนด้วยความใสซื่อ เพราะตั้งแต่เกิดมา น้อยครั้งที่เธอจะได้ทานอาหารสำเร็จรูปหรือกึ่งสำเร็จรูป เนื่องจากถูกครอบครัวบอกเอาไว้ว่า เป็นอาหารขยะที่อันตรายต่อสุขภาพ “ไม่เคยกิน?” คิ้วเข้มขมวดกันเป็นปม เขารู้ว่าผู้หญิงคนนี้คงเป็นลูกคุณหนู แต่ไม่คิดว่าชีวิตนี้เธอไม่เคยทานอาหารแบบนี้มาก่อน สร้างความตะลึงให้กับชุนไม่น้อย “ไม่เคย คุณพ่อคุณแม่บอกว่าเป็นอาหารขยะ ถ้ากินเข้าไปสุขภาพจะแย่เอาได้” คุณพ่อของเธอเป็นคุณหมอฝีมือดีที่มักดูแลสุขภาพของคนในครอบครัวเป็นอย่างดี “เข้าใจแล้ว จะไม่กินก็ได้นะ” เมื่อเห็นท่าทางลังเลของพิพิม ชุนจะดึงมาม่ามาวางเอาไว้ข้างตัวเอง ก่อนที่เขาจะหย่อนสะโพกนั่งข้าง ๆ เสือหมอบ ที่กำลังหลับตาพริ้ม ๆ เสพบรรยากาศอยู่ “มันกินได้จริง ๆ ใช่มั้ย” พิพิมเอ่ยถามย้ำกับชุน เพื่อให้แน่ใจอีกครั้ง ร่างบางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อเห็นชุนกำลังตักเส้นมาม่าขึ้นมาเป่าไล่ความร้อนเบา ๆ “กินได้ แต่เธออย่ากินบ่อยนะ มันไม่มีประโยชน์จริง ๆ นั่นแหละ” ชุนหันหน้าไปบอกหญิงสาวอย่างใจเย็น ก่อนจะตักเส้นมาม่าเข้าปากซู้ดรอบเดียวหมด “งั้นขอลองชิมหน่อยแล้วกัน” ในเมื่อเธอเห็นชุนทานได้ พิพิมจึงยื่นมือไปขอมาม่าที่วางอยู่ข้างตัวของชุนทันที “โห!! อร่อยมาก พิมไม่คิดว่ามันจะอร่อยขนาดนี้” หลังจากที่พิพิมได้ลองทานมาม่าคัป เสียงหวานก็เอ่ยชมมาม่าที่อยู่ในมือไม่ขาดปาก บวกกับบรรยากาศสายลมโชย ยิ่งทำให้การรับรสมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้นเป็นเท่าตัว “ขนาดนั้นเลย” “มาก!!” ร่างบางจัดการมาม่าคัปจนหมด หลับตาพริ้ม ๆ สัมผัสรสชาติด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข เธอรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้ผู้ชายคนนี้ ความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย ที่เธอไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนจนได้พบกับผู้ชายชื่อชุนคนนี้ “อย่ากินบ่อย” “พิมจะกินตอนที่คิดถึงชุนก็แล้วกัน” “ว่าไงนะ!!” ชายหนุ่มตกใจกับประโยคคำพูดของหญิงสาวไม่น้อย คำพูดของพิพิมสร้างความตกใจให้กับชุน หัวใจก็เต้นแรงมากขึ้น จนชายหนุ่มกลัวจะเป็นโรคหัวใจวายตายก่อนวัยอันควร “ก็ชุนชอบไม่ว่าง ทำงานอะไรนักหนาตัวแค่เนี้ย” “ฉันต้องส่งเสียตัวเองเรียน ไหนจะต้องใช้หนี้ที่แม่เคยกู้ยืมมาอีก” แม่ของเขาจากไปก่อนวัยอันควร โดยทิ้งหนี้ก้อนโตเอาไว้ให้กับเขา ซึ่งชุนเองก็ไม่เคยกล่าวโทษแม่ของตัวเองเลยสักครั้ง ชายหนุ่มพยายามหาเงินมาใช้คืนเจ้าหนี้ทุกบาทโดยไม่ร้องขอให้เจ้าหนี้เห็นใจเลยสักครั้ง ถึงแม้ว่าเงินพวกนั้นจะสามารถต่อลมหายใจของแม่เขาให้อยู่กับเขาต่อได้อีกเพียงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม “พิมเชื่อว่าชุนทำได้ ชุนเก่ง มีอะไรให้พิมช่วยบอกได้เสมอเลยนะ” ไม่รู้ทำไม ประโยคธรรมดาที่หลุดออกจากปากของพิพิมเหมือนน้ำหล่อเลี้ยงในใจของเขา จากความเหนื่อยล้ากลับทำให้อยากลุกขึ้นสู้อีกครั้ง “ขอบคุณนะ” “ทำไม เดี๋ยวนี้แกกลับบ้านค่ำนักนะ” พิพิมกำลังจะก้าวขาเดินเข้าบ้านก็เป็นอันต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงน้าสาวดังขึ้นมาจากโถงบ้านหลังใหญ่ “แวะไปเที่ยวกับเพื่อนมาค่ะ” พิพิมเอ่ยตอบน้าสาวด้วยน้ำเสียงสุภาพ อย่างน้อยน้าสาวของเธอก็เป็นผู้ใหญ่มากกว่า “เดี๋ยวนี้หัดเที่ยวเก่งนะ ทำไมไม่เอาหนูวรินทร์เป็นตัวอย่างบ้าง เลิกเรียนก็รีบกลับบ้านมาอ่านหนังสือ”น้ำเสียงจิกกัดจากน้าสาว ทำให้พิพิมได้แต่ถอนหายใจเบา ๆ พิพิมเบื่อที่ตัวเองถูกเปรียบเทียบกับลูกติดของสามีน้าสาวตัวเอง “พิมแค่อยากไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน” “เสียงดังเอะอะโวยวายอะไรกัน” เสียงดังของคุณหญิงพิสมัยดังขึ้นแทรกบทสนทนาของสองน้าหลาน เพียงแค่มนต์นภา น้าสาวเห็นคุณแม่ของตัวเองเดินมา มนต์นภาถึงกับรีบหันหน้าไปฟ้องแม่ของตัวเองทันที “คุณแม่ก็ดูพิพิมสิคะ!! เดี๋ยวนี้เอาใหญ่แล้ว กลับบ้านค่ำ ๆ มืด ๆ” “ตอนนี้พิพิมก็โตแล้วนะมนต์” คุณหญิงพิสมัยเอ่ยบอกกับลูกสาวของตัวเอง สายตาอบอุ่นมองไปยังหลานสาวคนเดียวของตัวเองด้วยความเอ็นดูปนเข้าใจ “แต่มนต์แค่เป็นห่วง ไม่อยากให้หลานกลับบ้านค่ำเกินไป” “แต่พิมไม่ได้กลับค่ำแบบนี้บ่อย ๆ นะคะ อีกอย่างพิมแค่ออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน” พิพิมยังคงแสดงเจตนาของตัวเองให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้ ตอนนี้เธออยู่มัธยมปลายแล้ว และอีกไม่นานก็จะได้เข้าเรียนมหา’ลัย “คุณแม่ดูพิพิมสิคะ” น้าสาวยังคงหันหน้าไปฟ้องแม่ของตัวเองที่ยืนคั่นกลางระหว่างพิพิมกับตัวเธอเองเอาไว้ “คุณยายขา พิมตั้งใจเรียนอยู่แล้ว ไม่ทำให้คุณยายผิดหวังหรอกค่ะ” พิพิมโน้มตัวเข้าไปกอดคุณหญิงพิสมัยท่าทางออดอ้อน โดยไม่สนสายตาไม่พอใจจากน้าสาวของเธอเลยสักนิด ถึงแม้ว่าเธอจะอยู่ในความดูแลของน้าสาว และยังคงต้องพึ่งน้าสาวให้บริหารงานโรงพยาบาลของคุณพ่อและคุณแม่แทนเธอระหว่างรอเธอเรียนจบก็ตาม “ให้หลานไปเที่ยวเล่นบ้างจะเป็นอะไรยายมนต์” คุณหญิงพิสมัยเอ่ยบอกกับลูกสาวของตัวเอง เธอไม่ได้เข้าข้างหลานสาวแต่อย่างใด เพียงแค่รู้นิสัยของพิพิมดี “คุณแม่ก็เข้าข้างหลานรักตลอด มนต์เป็นลูกแม่นะคะ” “มนต์แกนี่!! ทำตัวเป็นเด็กไปได้” “คุณแม่ก็เอาแต่เข้าข้างพิพิม ไม่เคยเข้าข้างมนต์!! นี่ขนาดลูกสาวคนโตตายไปแล้วนะคะยังเข้าข้างหลานอยู่ได้” มนต์นภาตัดพ้อในความน้อยใจของแม่ตัวเองที่มักจะเข้าข้างพี่สาวอยู่เสมอ แทบไม่เคยเห็นหัวเธอเลยด้วยซ้ำ “แกหยุดพูดแบบนี้นะมนต์!!” เสียงเข้มของคุณหญิงพิสมัยแว้ดใส่ลูกสาวคนเล็กของตัวเอง คุณหญิงพิสมัยไม่อยากให้มนต์นภาหยิบยกคนตายขึ้นมาพูด ยิ่งพูดต่อหน้าของหลานสาวที่สูญเสียทั้งพ่อและแม่ไป เธอยิ่งไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น “อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ อีกอย่างพิมโตแล้วนะคะน้ามนต์ ดูแลตัวเองได้” “น้าก็แค่ไม่อยากให้แกตาต่ำไปหาผู้ชายไม่มีอะไรมาเป็นแฟน เหมือนที่แม่แกเคยทำไง คว้าผู้ชายไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาทำผัว” มนต์นภายังไม่ยอมแพ้ เธอพยายามหาข้ออ้างพูดดูถูกพี่สาวที่เสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุขึ้นมากล่าวอ้าง หาข้อเสียของพี่สาวสาดใส่พิพิมที่ยืนฟังอยู่ “น้ามนต์ / ยายมนต์!!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม