08

2297 คำ
ในชีวิตคนเรามักจะมีเพื่อนที่สามารถเล่าเรื่องราวทุกอย่างในชีวิตสู่กันฟังได้แบบไม่มีกักเก็บ เมื่อเกิดเรื่องใหญ่ในชีวิตแสงดาวก็ไม่พลาดที่จะวิดีโอคอลไปเล่าให้เพื่อนสนิทอย่างรินฤดี และภัทธิยาฟังพร้อมกัน แม้ว่าเพื่อนๆ จะย้ายไปทำงานที่บริษัทเทคโนโลยีอยู่คนละซีกโลกแต่ถึงกระนั้นพวกเธอสามารถนัดเมาท์กันได้เพียงแค่แสงดาวส่งข้อความไปในห้องแชตกลุ่มว่า 'พวกแก ฉันมีเรื่องสำคัญจะเล่าให้ฟัง' [แสง แกบอกว่ามีเรื่องจะเล่า ฉันนอนไม่หลับเลย] รินฤดี ลูกครึ่งไทยอเมริกันที่ชื่อไม่ได้บ่งบอกความเป็นลูกครึ่งเหมือนหน้าตารีบบอกทันทีที่โผล่หน้ามาบนจอวิดีโอคอล [ที่ว่านอนไม่หลับนั้นไม่เกินจริง] ภัทธิยา สาวไอทีที่ทำงานโพรเจกต์ใหญ่ร่วมกับบริษัทแอปเปิลที่อเมริกายังไม่พลาดที่จะมาร่วมเมาท์ "เออ ดีที่พวกแกว่างพร้อมกัน" แสงดาวว่ายิ้มๆ เธออาศัยช่วงที่ลูกหลับอยู่โทรหาเพื่อนเพื่อให้ได้เมาท์ปะป๊าของไคร่าอย่างเต็มที่ พวกเธอสามคนเรียนคณะเทคโนโลยีสารสนเทศภาคอินเตอร์ด้วยกัน แม้จะเรียนจบและแยกย้ายกันไปทำงานคนละมุมโลก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าห่างไกลเลยเพราะคุยกันผ่อนช่องทางออนไลน์ตลอด แสงดาวตัดสินใจเล่าเรื่องคีรินให้เพื่อนฟังตั้งแต่วันที่เขาเจอไคร่าจนถึงวันนี้ที่เขาส่งข้อความมาบอกว่าอยากเจอเธอกับลูก แต่ติดประชุมที่บริษัทจึงมาหาไม่ได้... หญิงสาวค่อนข้างแน่ใจว่าความสัมพันธ์ของพวกเธอก้าวหน้ามากพอที่จะเล่าให้เพื่อนฟังได้แล้วว่ามีคนมาจีบและเธอเองก็สนใจเขาเหมือนกัน [โอ๊ยแก น่าตื่นเต้นจัง เขาต้องจริงจังกับแกแค่ไหน ถึงกล้าจีบทั้งที่รู้ว่าแกมีไคร่าอยู่] รินฤดีว่า [ตอนจะรับไคร่ามาดูแล แกยังจำได้ไหมว่าฉันเคยค้านแก เพราะกลัวว่าแกจะหาแฟนยาก ตอนนั้นแกบอกว่าคนที่เข้ามาก็ต้องรับให้ได้ เพราะตอนนั้นแกอยากอุปถัมภ์ไคร่า ผ่านมาหลายปี ก็ยังไม่มีใครโอเคกับการที่แกมีไคร่าเลยยกเว้นผู้ชายคนนี้ เขาดูจริงใจมากอย่างที่รินมันว่าแหละ] แสงดาวนึกถึงผู้ชายที่เข้ามาจีบเธอ ไม่มีใครยอมรับไคร่าได้ ส่วนคีรินนั้นกลับแตกต่าง เหมือนเขาเข้ามาเพื่อเป็นปะป๊าของไคร่าโดยเฉพาะเลย [ต้องเป็นเพราะเราไปขอพรกับพระพิฆเนศที่ห้วยขวางแน่ๆ เลย] รินฤดีที่หน้าออกทางฝรั่งแต่หัวใจไทยแท้เอ่ยขึ้นเมื่อจำได้ว่าหลายเดือนก่อนพวกเธอได้นัดกินข้าวกันที่ร้านส้มตำแถวห้วยขวาง พอเห็นคนไปไหว้ขอพรพระพิฆเนศเยอะ พวกเธอเลยไปต่อคิวสักการะแล้วไปกระซิบที่หูของรูปปั้นหนูมุสิกกะซึ่งเป็นบริวารของพระพิฆเนศเพื่อขอพรตามที่คนเหล่านั้นพากันทำ หลังจากนั้นรินฤดีก็ถูกทาบทามจากบริษัทที่ตนสนใจจนได้ย้ายมาทำงานต่างประเทศ [เออจริง ขอเสร็จพวกเราก็ได้งานกับบริษัทที่ยื่นสมัครไว้เลย แต่ไอ้แสงมันของานเหมือนกันแต่ทำไมได้ผู้ชายล่ะ] ภัทธิยาเองก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองได้งานที่ขอไว้เช่นกัน "ตอนนั้น ฉันขอผู้ชายน่ะแก" แสงดาวบอกเขินๆ [อ้าวก็คุยกันอยู่ว่าต้องขอเรื่องงานเพราะท่านเป็นเทพแห่งความสำเร็จ ฉันนึกว่าแกจะขอเรื่องงานซะอีก] ภัทธิยาว่า "ก็ตอนนั้นฉันโอเคกับงานที่บริษัทพี่วายุมาก คอนโดก็เพิ่งโปะหมด รถก็มีแล้ว แถมยังมีลูกที่น่ารักอย่างไคร่าอีกก็เลยไม่รู้จะขออะไรเพราะรู้สึกว่ามีทุกอย่างแล้วยกเว้นผู้ชาย ฉันเลยลองขอให้เจอคู่แท้ที่รักฉันในทุกอย่างที่ฉันเป็นดูอะ" [ขนลุกว่ะ] รินฤดีว่า... [งั้นตอนนี้แกก็คงมีความสุขมากเลยที่มีคนเข้ามาจีบจริงจัง แถมยังถูกใจแก] ภัทธิยาเห็นอาการที่เพื่อนแสดงออกผ่านวิดีโอคอลก็รู้ชัดแล้วว่าแสงดาวโอเคกับผู้ชายคนนี้มากๆ "ใช่ เขาเข้ามาแบบมีจังหวะที่พอดี ไม่อึดอัด ไม่รู้สึกเหมือนอยากหนีเหมือนคนอื่นที่เคยมาจีบเลย" [คนมันใช่อ่าเนอะ] รินฤดีว่า "แต่พวกแก ฉันลองหาข้อมูลเกี่ยวกับเขาแล้วก็มีเรื่องกังวลอยู่นิดๆ จนไม่กล้าลงใจให้เต็มร้อย" [ทำไมเหรอ] เพื่อนสาวทั้งสองถามพร้อมกัน "เขาเป็นแฟนเก่า ฮาน่า หวังพันธกานต์ คบมาหลายปีแล้วก็เลิกกันไป ฉันคิดว่าขนาดฮาน่ายังเอาเขาไม่อยู่ แล้วฉันล่ะ" หลังจากที่เริ่มคิดว่าจะคบกับคีรินอย่างจริงจังเธอก็ไปค้นหาข้อมูลของเขาเพราะอยากรู้จักเขาในมุมที่คนอื่นมอง ช่วงนี้พวกเธอคุยกันมากขึ้น เธออยากรู้อะไรก็ถามเขาได้ทุกอย่าง แต่สัญชาตญาณของนักวิเคราะห์ข้อมูลก็ทำให้เธอไปค้นหาข่าวด้วยตัวเองจนไปรู้อดีตของเขาจนได้ [แกต้องมั่นใจในตัวเองสิ เขาเดินเข้ามาจีบแกแล้วจริงจังกับแกมากขนาดนั้นแปลว่าแกมีดีพอที่จะดึงเขาไว้แน่นอน] รินฤดีให้กำลังใจ [ฉันเห็นด้วยว่าเรื่องคบๆ เลิกๆ มันเป็นเรื่องส่วนบุคคลของสองคนนั้น เราจะเอาข้อมูลในอดีตมาตัดสินปัจจุบันไม่ได้] "ฉันเข้าใจ แต่มันอดคิดไม่ได้ไง" [แกไม่ต้องกังวลเรื่องอนาคตหรอกแสง วันนี้แกมีความสุขที่มีเขา อยากให้เขาอยู่ในชีวิต แกก็เลือกเขาแล้วอยู่กับปัจจุบันเลย ถ้าแกคิดมาก มันจะบั่นทอนเปล่าๆ] [ไม่เห็นต้องกลัววันที่ยังมาไม่ถึงเลย] ภัทธิยาช่วยปลอบอีกแรง "ขอบใจพวกแกมากนะที่ให้กำลังใจฉัน ฉันจะพยายามไม่คิดมากนะ" [เออ แล้วเขากับไคร่าเข้ากันได้ดีไหม] ภัทธิยาเป็นห่วงหลานสาวตัวน้อยว่าจะเข้ากับแฟนของคุณแม่ได้หรือเปล่า "สองคนนั้นเหมือนเป็นพ่อลูกกันจริงๆ เลย ตอนแรกฉันคิดว่าถ้าเขารู้ว่าไคร่าไม่ใช่ลูกแล้วก็คงเปลี่ยนไป แต่ไม่เลย พวกเขาผูกพันกันมากขึ้น ไคร่าเองก็รักเขามากๆ พอเห็นไคร่ามีความสุข ฉันก็มีความสุขตามไปด้วยเลย" และแน่นอนว่าเพราะเป็นแบบนี้คีรินเลยเดินเข้ามาในชีวิตของเธอได้ลึกมากกว่าที่คนอื่นเคยก้าวเข้ามา ตอนนี้ชายหนุ่มเข้านอกออกในคอนโดมิเนียมของเธอเป็นปกติ คนส่วนใหญ่ที่ไม่รู้ว่าเธอขอไคร่ามาเลี้ยงก็เข้าใจว่าเขาเป็นพ่อของไคร่าจริงๆ ภาพรวมของพวกเธอเวลาอยู่ด้วยกันมันเป็นเหมือนครอบครัวแสนสุขในฝันเลยก็ว่าได้... [ดีจัง กลับไทยไปคราวหน้าฉันว่าฉันได้ไปงานแต่งงานของพวกแกแน่เลย... รีบบอกฉันแต่เนิ่นๆ เลยนะ ฉันจะได้ลางาน] [ฉันด้วยๆ ] รินฤดีว่า "ใจเย็นๆ เรื่องนั้นคงอีกนาน ฉันแค่โทรมาเล่าว่าเขาจีบเฉยๆ พวกแกไปถึงขั้นแต่งงานได้ยังไงเนี่ย" [ไม่รู้สิ คนนี้ดูเป็นไปได้มากๆ เลย ว่าแต่... ลึกซึ้งถึงไหนแล้ว เพื่อนฉันเสียสาวหรือยัง] ภัทธิยายังเย้าต่อ เพราะเธอกับรินฤดีเปรี้ยวสุดใจแสงดาวเลยดูเป็นคนเรียบร้อยมาก ยิ่งเห็นเพื่อนไปรับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเป็นลูก พวกเธอก็ยิ่งกลัวว่าชาตินี้แสงดาวจะไม่ยอมมีสามี ตอนนี้มีหนุ่มมาจีบแล้วก็อดถามไม่ได้ แน่นอนว่าเรื่องใต้สะดือนั้นพวกเธอเมาท์มอยกันได้อย่างชินปากสุดๆ แบบไม่คิดอะไรมาก เพราะเวลาไปเดตกับผู้ชายยัยคนเรียบร้อยไม่มีประสบการณ์เป็นของตัวเองเลยชอบฟังเป็นพิเศษ คราวนี้ยัยคนที่ชอบถามเรื่องเพื่อนโดนถามกลับบ้าง เจ้าตัวถึงกับอึ้งไปหลายวินาทีเลยทีเดียว "ก็ยังไม่ได้ลึกซึ้ง มีกอดมีหอม แล้วก็จูบครั้งหนึ่ง..." แสงดาวเล่าเขินๆ ตอนแรกเขาก็ไม่ได้รุกล้ำถึงเนื้อถึงตัวเธอมากเท่าไหร่ แต่ยัยไคร่าตัวแสบก็เอาแต่ขอให้เขากอดและหอมคุณแม่เพื่อแสดงความรัก พวกเธอเลยเริ่มมีสกินชิปกันมากขึ้น... จากนั้นความสนิทสนมก็เพิ่มพูน จนวันหนึ่งที่เขามาช่วยเลี้ยงลูกที่คอนโดมิเนียมของเธอแล้วบรรยากาศมันเป็นใจ... ชายหนุ่มเข้าใกล้แล้วก็เริ่มจูบเธอ แต่ก่อนที่อะไรจะเลยเถิดยัยไคร่าก็ตื่นมายืนจ้องพวกเธอจนต้องแยกจากกันอย่างไวราวกับต้องของร้อน ตอนนั้นเธอได้ยินคีรินพึมพำกับลูกสาวว่าไหนบอกว่าอยากได้น้อง แต่ทำไมตื่นมาแยกพ่อกับแม่ ไคร่ารีบตอบกลับว่าคราวหน้าจะไม่ทำอีก ให้ปะป๊ารีบทำน้องให้ด่วนๆ เลย... คิดถึงตอนนั้นแล้วเธอก็หน้าร้อนขึ้นมาเลย... [โอ๊ย ความรักของพวกแกมันสวีตหวานไม่เร่าร้อนเลอออออ เสียชื่อแก๊งสาวไอทีฮอตเนิร์ดหมดเลย] รินฤดีว่า เอาจริงๆ คนอื่นที่มองอาจจะคิดว่าแสงดาวฮอตสุดเพราะเจ้าตัวมีเซ็กซ์แอพพีลสูงมาก แต่มีแค่พวกเธอที่รู้ความจริง... "ให้มันค่อยเป็นค่อยไปเถอะน่า...." พอแสงดาวบอกอย่างนั้นเพื่อนๆ ก็บ่นพึมพำถึงความชักช้าของเธอ แต่ก็นั่นล่ะที่พูดๆ มานั้นไม่ได้จริงจังอะไรมาก พวกเธอต่างรู้อยู่แล้วว่าความสัมพันธ์มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวที่กำหนดอะไรไม่ได้ แล้วแต่สถานการณ์ล้วนๆ [ทำไมเสียงสะดุดๆ วะแสง แกไม่ได้เตรียมใจไว้เหรอ] รินฤดีถามตามตรง "พวกแก อย่าชวนคุยแต่เรื่องแบบนี้ได้ไหม" [ชัวร์เลยว่ายัยแสงมันกลัวเรื่องนี้ ฉันบอกเลยนะ ถ้ายังไม่อยากมีน้องให้ไคร่า แกรีบเตรียมถุงยางไว้เลย] ภัทธิยาว่า "ฉันไม่ได้กลัวสักหน่อย" แสงดาวเถียง แต่ก็ยอมรับแหละว่าเรื่องนี้ทำให้เธอแทบเป็นบ้าอยู่เหมือนกัน ก็คนมันยังไม่เคยนี่นา... [คราวนี้แหละแกจะได้มีประสบการณ์เอง จะได้ไม่ต้องมาคอยถามพวกฉัน] แล้วเพื่อนๆ ที่มีประสบการณ์ไปก่อนก็เอาแต่แซวแสงดาวไม่หยุดแล้วยังบอกวิธีเตรียมตัวเตรียมใจสำหรับครั้งแรกของเธอที่จะมาถึง... พอคุยกันได้สักพักยัยหนูไคร่าก็ตื่นแล้วเรียกหาคุณแม่ แสงดาวจึงขอตัวจากเพื่อนๆ ไปดูแลลูก "ว่าไงคะคนดีของแม่" เธอเข้ามาหาเด็กน้อยแล้วถามด้วยเสียงอ่อนโยน ปกติไคร่าตื่นแล้วจะเล่นของเล่นหรือนอนกอดตุ๊กตาจนกว่าเธอจะไปเจอว่าตื่นแล้ว เจ้าตัวไม่ค่อยร้องเรียกหานอกจากจะฝันร้าย "แม่ขา ไคร่าฝันร้าย" นั่นยังไงล่ะ! "หืมมม หนูฝันว่าอะไรคะ" "ฝันว่าปะป๊าทิ้งเราไป" แล้วยัยตัวเล็กก็เบะปากร้องไห้ "มันเป็นฝันนะลูก ความฝันกับความจริงไม่เหมือนกัน" เธอไม่กล้าบอกลูกว่าปะป๊าของแกจะไม่มีวันทิ้งเราไปเพราะโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน... "แล้วความจริงปะป๊าจะทิ้งเราไปไหมคะ" "แม่ไม่คิดว่าปะป๊าจะทิ้งเรานะ" อย่างน้อยก็ในตอนนี้ เพราะเขาเองก็เพิ่งส่งข้อความมาบอกว่าคิดถึงเธอกับลูก ในขณะที่คนเป็นแม่กำลังคิดหาวิธีที่จะคุยกับลูกน้อยเรื่องไม่ให้ยึดติดกับปะป๊ามากเกินไป เสียงกดกริ่งที่หน้าประตูห้องก็ดังขึ้น "ปะป๊ามาหาเราหรือเปล่าคะ" "ปะป๊าติดงานอยู่ อาจจะมีคนมาเรียกผิดห้องก็ได้" หญิงสาวอุ้มลูกแล้วเดินไปส่องดูหน้าจอคอนโทรลที่เชื่อมกับกล้องวงจรปิดหน้าประตูห้องว่าแขกของเธอเป็นใคร... เมื่อเห็นว่าเป็นนิติบุคคลที่คุ้นหน้ากันพร้อมกับชายหญิงสูงวัยคู่หนึ่ง เธอก็เปิดประตูห้องทันทีเพราะแน่ใจว่าพวกเขามาผิดห้องแน่นอน... แต่สุดท้ายหญิงสาวก็ต้องอึ้งเมื่อนิติบุคคลแจ้งว่า... "มีแขกมาขอพบคุณแสงดาว พวกท่านบอกว่าเป็นพ่อแม่ของคุณคีรินผมเลยพาขึ้นมาส่ง" พี่ตะวัน หัวหน้านิติบุคคลที่คีรินไปทำความรู้จักด้วยเพราะต้องสแกนลายนิ้วมือเข้าตึกเอ่ยบอกแสงดาว หญิงสาวกอดกระชับไคร่าเอาไว้แน่น เมื่อสบตากับแววตาที่คาดเดาอารมณ์ได้ยากจากผู้สูงวัยทั้งสอง "คุณพ่อคุณแม่ปะป๊าเหรอค้าาาา สวัสดีค่าาาาาา" เป็นยัยไคร่าตัวน้อยที่ทำลายบรรยากาศอึดอัดด้วยการเอ่ยทักทายแล้วก็โค้งตัวลงไหว้ สถานการณ์จึงค่อยคลายความตึงเครียดลง หญิงสาวขอบคุณพี่นิติบุคคล แล้วเชิญผู้ใหญ่เข้ามาคุยกัน แม้ในใจจะรู้สึกหวาดหวั่นอย่างแปลกประหลาดแต่เธอก็ยิ้มให้พวกท่านและพยายามเป็นตัวของตัวเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม