บทนำ

1359 คำ
บทนำ “รับงาน NV ทำได้ทุกอย่าง สนใจอินบ๊อคนะคะ เรทราคาตามตกลง” ...กำลังโพสต์ ยกเลิก ฉันลังเลระหว่างที่รอการอัปโหลดรูปภาพลงกลุ่มหางานเรื่องอย่างว่า ซึ่งนิ้วมือก็กำลังแตะลงปุ่มยกเลิก ทว่ามันก็ถูกอัปโหลดรูปภาพสำเร็จเสียก่อน “เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจออกมา เดินมาไกลขนาดนี้คงถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว แถมยังไม่มีทางเลือกมากอีกต่างหาก ทว่าขณะนั้นเอง ติ๊ง! ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนข้อความผ่านเฟซบุ๊กก็ดังขึ้น ไม่ได้มีแค่เสียงเดียว แต่มันกลับเต็มไปด้วยเสียงของข้อความที่เด้งออกมาราวกับว่าเกิดสงคราม โทรศัพท์ของฉันตั้งระบบสั่นไว้ด้วย มันสั่นหนักมาก ซึ่งพอเอื้อมมือไปกดมาดู ฉันก็พบว่าโทรศัพท์มันค้างไปเสียแล้ว “อะไรเนี่ย” โทรศัพท์เครื่องเส็งเคร็งของฉันพังแล้วแน่ ๆ อยู่ ๆ มันก็ดับไปต่อหน้าต่อตาฉัน ก่อนที่ฉันจะรีบแกะฝาทางด้านหลังโทรศัพท์เครื่องเก่านี้ออก เพื่อดึงแบตเตอรี่ที่กำลังบวมเป่งออกมาพักไว้ ก่อนจะใส่กลับเข้าไปใหม่ “ให้ตายสิ” แต่พอฉันกดเปิดมันก็ไม่ติดอยู่ดี ฉันสบถออกมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิด เสียงข้อความเมื่อครู่ต้องเป็นเสียงข้อความจากกลุ่มปิดเฟซบุ๊กที่ฉันเป็นสมาชิกอยู่แน่ ๆ ก็เมื่อครู่ฉันโพสต์ตามหางานขายตัว ซึ่งฉันใช้เวลาในการหาข้อมูลนานมาก กว่าจะกล้าตัดสินใจโพสต์ออกไป N = entertain V = VIP ที่ฉันโพสต์หมายถึงงานสร้างความบันเทิงที่มากกว่าบันเทิงมันคือการขายตัวที่เรียกชื่อให้เข้าใจกันระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย ซึ่งฉันรับทั้ง N และ V ความน่าเสียดายเกิดขึ้นกับฉัน หากว่าฉันตอบช้า ฉันอาจจะไม่ได้งานเลยก็ได้ คิดได้ดังนั้นฉันก็เดินไปหยิบเอาสายชาร์จโทรศัพท์มาชาร์จ ทว่าสายชาร์จที่ขาดทำให้ฉันต้องคอยตรวจเช็กก่อนว่าเทปกาวที่ติดอยู่นี้ไม่ได้หลุดแต่อย่างใด “เฮ้อ...ชีวิต” คำพูดตัดพ้อดังออกมาจากปากของฉันหลังจากเสียบสายชาร์จแบตฯเรียบร้อยแล้ว ฉันกำลังตัดพ้อให้กับชีวิตเฮงซวยของตัวเอง แม้จะพยายามมองโลกในแง่ดีมากแค่ไหน แต่สุดท้ายฉันก็ต้องทำใจยอมรับโชคชะตาที่ขยันกลั่นแกล้งฉัน ทว่าขณะนั้นเอง “อีอาย!! มึงอยู่ไหน” ฉันสะดุ้งเฮือกให้กับเสียงเรียกของลุงกิจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปตามเสียงเรียกนั้น ทว่าพอเปิดประตูบ้านออกมาก็ได้ยินเสียงเซ็งแซ่ของคนในชุมชน เสียงเหล่านี้ทำให้ฉันปวดหัวจนต้องยกมือขึ้นมากดนวดขมับ “มีอะไรเหรอลุง” ฉันมองลุงกิจที่ตอนนี้กำลังกำคอขวดเหล้าขาว รูปร่างท้วมกำลังโซซัดโซเซพร้อมกับยกนิ้วมือขึ้นชี้หน้าฉัน “มึง! มึงไปทำประกันให้แม่มึงหรือยัง” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเอือมระอา ก่อนจะปิดประตูเสียงดังลั่น ซึ่งประตูไม้เก่าคร่ำคร่านี้เกือบจะพัง ฉันไม่สนใจเสียงตบประตูที่ดังตามหลังมา ทำประกันอย่างนั้นเหรอ? เขินอายคนนี้ไม่มีแม้แต่เงินเดินทางไปทำประกันชีวิตให้แม่เสียด้วยซ้ำ แล้วจะมีเงินที่ไหนส่งค่าประกันชีวิตกันล่ะ “ฮึก ฮืออ~” ความรู้สึกไร้หนทางเกิดขึ้นทันที ฉันไม่รู้ว่าจะก้าวขาเดินไปทางไหนดี ทุกอย่างมันดูแย่ไปหมด รอบกายฉัน สลัมที่ฉันอยู่ ไม่มีใครเหลียวมองแม่ของฉันเลยสักคน ทุกคนต่างบอกว่าถ้าแม่ตายไปก็ไม่ได้ทำให้เกิดอะไรขึ้น รีบตาย ๆ ไป ชุมชนของเราคนจะได้มีคนน้อยลง คำพูดของพวกเขาไม่ได้คิดถึงจิตใจของฉันเลยสักนิด ฉันร้องไห้จนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว ควรรีบดึงตัวเองออกจากสิ่งที่เป็นอยู่ อย่างน้อยก็ต้องโทรให้พอร์ชมารับเพื่อออกจากตรงนี้สักพัก ทว่าขณะนั้นเอง ติ๊ง! เสียงแจ้งเตือนโทรศัพท์ของฉันกลับดังขึ้นอีกครั้ง ฉันไม่ลังเลที่จะลุกขึ้นไปคว้ามันมาดู [สนใจครับ ราคาเท่าไร] [พี่เป็นคนดูแลเด็ก ๆ ในสังกัด สนใจในตัวคุณน้อง] [เห็นรูปแล้วของขึ้นเลยครับ อยู่แถวไหนครับ ต่างจังหวัดรับไหม] [คุณน้องพี่สนใจในตัวคุณน้อง สนใจมาอยู่กับพี่หรือเปล่า เสี่ยใจดีให้หลายแสนต่อครั้งนะ] อย่าว่าฉันเห็นแก่เงินเลยนะ พอฉันเลื่อนดูข้อความที่ส่งมา ฉันก็สะดุดตากับข้อความนี้มากที่สุด อาจจะเป็นเพราะมันมีตัวเลขโชว์ก็เป็นได้ เงินแสนเลยเหรอ...ขายตัวครั้งเดียวจะได้เงินแสนอย่างนั้นหรือ “ไม่เป็นไรหรอก” ฉันส่ายหน้าเบา ๆ เพื่อปลอบใจให้กับสิ่งที่จะทำ ลังเลไม่นานฉันก็กดเข้าไปพิมพ์ข้อความตอบกลับเจ้าของข้อความนี้ “ให้ฉันทำยังไงคะ” [มาหาพี่หน้ามหา’ ลัยเอ...พี่ไม่โกงแน่นอน น้องเอาเลขบัญชีมาก่อนเลยก็ได้] ฉันกะพริบเปลือกตามองข้อความที่เห็น ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าโอนเงินให้ก่อนล่วงหน้าแบบนี้ ซึ่งคนต้องการเงินอย่างฉัน...ทำไมจะไม่ส่งให้ล่ะ “ส่งแล้วนะคะ” ฉันพิมพ์เลขบัญชีธนาคารก่อนจะกดส่งไป เขาคงไม่โกงหรอก ซึ่งรอไม่นานเสียงข้อความว่าเงินเข้าก็ดังขึ้น ติ๊ง! “สะ แสนเลยเหรอ” ฉันตกใจมากที่ได้เห็นจำนวนเงินที่มากขนาดนี้ ต้องทำงานเป็นปีถึงจะมีเงินรวมเป็นแสนแบบนี้ ความตื่นเต้นทำให้ฉันลุกลี้ลุกลน แต่ก็ต้องพยายามตั้งสติก่อนจะส่งข้อความกลับไปอีกครั้ง “โอเคค่ะ ฉันกำลังไปนะคะ” ฉันยื่นมือไปคว้าเอากระเป๋าผ้ามาสะพายเคียงบ่า ก่อนจะรีบออกไปขึ้นรถสองแถวหน้าปากซอยด้วยความรวดเร็ว หลายชั่วโมงต่อมา.... @The best Condo ร่างกายของฉันถูกห่อหุ้มด้วยชุดเดรสกระโปรงสายเดี่ยวสีดำนิล มันเล่นแสงระยิบระยับสวยงาม ทางด้านหลังแหวกลงมาจนเกือบเห็นก้นของฉัน ขณะเดียวกันทางด้านหน้าก็แหวกลงมาจนถึงร่องอก ทางด้านล่างก็สั้นเลยเข่ามาเยอะเลย ความรู้สึกวาบหวิวนี้ทำให้ฉันเลื่อนมือไปดึงชายกระโปรงลง “ไม่ต้องอายหรอกจ้ะ ขี้อายเหมือนชื่อหรือเรา” ฉันพยักหน้ารับ ปกติแล้วฉันเป็นคนชอบคิดในใจ แต่การแสดงออกของฉันนั้นทุกอย่างเต็มไปด้วยความเหนียมอาย “ค่ะ ว่าแต่ฉันต้องแต่งตัวแบบนี้เหรอ” “โอ๊ยนังหนู เจ๊ไม่มีทางให้หนูแต่งตัวซอมซ่อไปเจอแขกหรอก” ฉันเม้มริมฝีปาก ก็ถูกของเจ๊พัด เจ๊พัดเป็นสาวสองหรือที่ฉันเข้าใจว่าเขาเป็นแม่เล้า เธอเป็นคนติดต่อฉันไป และเป็นคนโอนเงินให้ฉัน “เอาเป็นว่าไปรอที่ห้องนี้...ขึ้นไปชั้นบนสุด” ฉันรับคีย์การ์ดแผ่นหนึ่งมาถือไว้ ก่อนจะยกมือขึ้นสวัสดีเธอคนนี้ “ไม่ต้องขอบคุณจ้ะ เจ๊ต่างหากที่ต้องขอบคุณ หนูมาทันเวลาพอดีเลย เจ๊ว่าคุณเขาจะต้องพอใจมาก ๆ ดูสิ...สวยอะไรขนาดนี้” ฉันอมยิ้มเล็กน้อยที่ได้ยินอย่างนี้ ฉันไม่เคยแต่งหน้าเลย แค่ลิปสติกยังไม่มีเงินซื้อ แต่พอได้แต่งหน้าได้แต่งตัวแบบนี้ ฉันก็สวยเหมือนกันนะ “ว่าแต่...เสี่ยที่ว่าชื่ออะไรเหรอคะ” ฉันถามด้วยความใคร่รู้ ฉันต้องรู้ว่าเขาชื่ออะไร เพื่อจะได้บริการให้ถูกใจ เงินมากขนาดนั้นต้องรวยมากแน่ ๆ และน่าจะมีอายุมากเช่นกัน ทว่าชื่อที่เจ๊พัดพูดออกมาดูเหมือนเขาจะยังไม่แก่เลย “อ้อ...น้ำไนล์ คุณน้ำไนล์”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม