“คลาดกันตอนออกจากโรงพยาบาลครับ” ไอ้มหันต์ตอบกลับมาอีกครั้ง
“บอกพวกมันว่าหาให้เจอถ้าหาไม่เจอกูจะไปเป่าหัวพวกมันทีละตัว” ผมพูดขึ้นทันทีเพราะถ้ามันหาเธอไม่เจอและผมต้องลงมือหาเองก็เท่ากับว่าพวกมันไร้ประโยชน์จะเก็บไว้ก็มีแต่จะเป็นภาระสู้กำจัดไปให้พ้นๆ
“นายพูดเล่นใช่ไหมครับ” ไอ้มหันต์ผมขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าหวั่นๆ เพราะมันไม่บ่อยหรือผมจะพูดแบบนี้
“รวมถึงมึงด้วย” ผมพูดขึ้นอีกครั้งทำไอ้มหันต์หน้าถอดสีทันที
“ผมจะสั่งคนของเราให้ลงไปกรุงเทพเพิ่มจะได้คอยออกตามหาเด็กคนนั้น” ไอ้มหันต์ตอบกลับมาอีกครั้ง
“แล้วแต่มึงรู้ไว้ว่าตามหาเธอให้เจอแล้วดูไว้อย่าให้คลาดสายตา” ผมพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับไอ้มหันต์ที่เดินออกไปทันที
ถ้าอยู่ที่นี่แล้วทำตัวดีๆคงไม่ต้องลำบากดิ้นรนไปไกลถึงกรุงเทพโง่จริงๆ
หลังจากเลิกคิดถึงเรื่องเด็กเมษาผมก็ขับรถมาที่โกดังเพราะวันนี้คือวันที่ผลไม้องุ่นของไร่ผมจะถูกส่งไปยังประเทศจีนแน่นอนว่าผมไม่อยากให้มันถูกตีกลับผมจึงต้องมาคอยตรวจเช็คเองหน้างานอีกครั้ง
“จบผลไม้ล็อตนี้กูจะแจกโบนัสทุกคน” ผมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนที่คนงานจะเฮกันดังลั่น
สไตล์ผมก็เป็นคนแบบนี้ หยาบ กร่างกระด้างและไม่เคยที่จะพูดเพราะกับใครนอกจากป๊ากับม๊า
“ขอบคุณครับพ่อเลี้ยง ขอบคุณนะคะพ่อเลี้ยง” เสียงของคนงานพูดขึ้นพร้อมๆกัน ส่วนผมก็ไม่ตอบอะไรอีกได้แต่ยืนดูรถบรรทุกขนองุ่นออกไปจากไร่
หวังว่าทางนั้นตรวจสอบแล้วสินค้าของผมต้องผ่านมาตรฐานและได้ส่งออกไปจีนในที่สุด เพราะถ้าเป็นการส่งออกไปต่างประเทศแน่นอนว่ามันต้องผ่านหลายกระบวนการผิดกับการส่งออกในไทยที่ไม่ต้องมีขั้นตอนอะไรมากแค่มารับไปก็ได้เลย
“นายจะไปไหนไหมครับ” ไอ้มหันต์ถามผมขึ้นอีกครั้ง
“พวกมันหาเด็กคนนั้นเจอยัง” ผมถามกลับทันทีโดยไม่สนใจคำถามของมันเพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่ผมอยากรู้คือเรื่องของเมษา
“ยังครับแต่ตอนนี้พวกมันกำลังเฝ้าดูแถวโรงพยาบาล” ไอ้มหันต์ตอบกลับมาอีกทีก่อนที่ผมจะถอนหายใจออกมา
“ออกจากโรงพยาบาลไปแล้วมึงจะเฝ้าที่โรงพยาบาลเพื่ออะไรทำไมไม่ตามหาที่อื่น” ผมถามขึ้นอีกครั้งด้วยความหัวเสียเรื่องแค่นี้ทำไมพวกมันถึงคิดไม่ได้
“ผมจะบอกพวกมันให้ครับ” ไอ้มหันต์พูดขึ้นอีกครั้ง
“เรียกพวกมันทุกตัวกลับมา” ผมพูดขึ้นทันทีในเมื่ออยู่ที่นั่นแล้วทำประโยชน์ไม่ได้ก็กลับมาที่นี่เสียดีกว่า
“นายครับ” ไอ้มหันต์มันเรียกผมขึ้นแบบนี้แน่นอนว่ามันต้องการที่จะทักท้วงผม
“กูสั่งยังไงก็ทำบอกพวกมันด้วยว่ากูให้เวลาแค่สิบสองชั่วโมงถ้าช้ากว่านั้นเดี๋ยวรู้กัน” ผมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนเดินกลับมาที่รถ
“นายนั่งฝั่งคนขับแบบนี้แล้วผมละ” ไอ้มหันต์ถามขึ้นเพราะตอนที่มาโกดังผมกับมันมาด้วยกันและมันก็ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ
“เรื่องของมึง” ผมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะขับรถกลับมาบ้านปล่อยให้ไอ้มหันต์มันหาทางกลับเอง อยู่ในไร่แค่นี้ถ้าไม่มีปัญญากลับมาที่บ้านสงสัยก็คงต้องไล่ออกกันบ้าง
เมื่อถึงบ้านผมก็รีบตรงไปยังห้องทำงานก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ผมกำลังใช้ความคิดอยู่ว่าจะเลือกโทรหาใครดีระหว่างเพื่อนของผมทั้งสามคนถ้าโทรหาไอ้โอ๊ตมันก็คงอาจจะยุ่งเรื่องลูกแฝดของมันและถ้าโทรหาไอ้เพชรมันก็นักร้องคิวทองอาจจะไม่ว่างมาช่วยผม จนตัวเลือกสุดท้ายของผมคือไอ้ทัตเจ้าของคลับหรูใจกลางมือ
“โทรมาแบบนี้จะเข้ากรุงเทพหรือไง” ไอ้ทัตถามผมขึ้นทันทีเมื่อมันรับสาย
“เปล่า แต่กูมีเรื่องให้ช่วย” ผมตอบกลับไปอีกครั้งเพราะตอนนี้ผมยังเข้ากรุงเทพไม่ได้เพราะผลไม้ก็พึ่งจะส่งออกไปต้องรอได้เรื่องก่อนว่าผ่านตามมาตรฐานหรือเปล่าต่อให้ผมจะมั่นใจว่าผ่านก็เถอะ
“ช่วยอะไร” ไอ้ทัตถามกลับมาทันที
“ตามหาคนให้กูหน่อย” ผมพูดขึ้นอีกครั้งเพราะแน่นอนว่าคนที่อยู่ในกรุงเทพแบบพวกมันก็คงมีอิทธิพลมากกว่าผมที่อยู่เชียงใหม่และเรื่องแค่นี้มันก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับมัน
“ใครแล้วตามหาทำไม” มันถามขึ้นอีกครั้ง
“เด็กผู้หญิงชื่อเมษาพึ่งลงรถทัวร์ที่สายใต้เมื่อเช้า” ผมตอบกลับไปทันทีเพราะผมเองก็ไม่มีรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเธอเลยแต่อาจจะมีภาพที่ไอ้มหันต์ถ่ายไว้ตอนงานศพพ่อของเธอถ้ามันไม่ลบไปซะก่อน
“ไม่มีรายละเอียดอะไรมากกว่านี้หรือไง” ไอ้ทัตถามผมขึ้นอีกครั้ง
“จะหาให้แล้วกัน ถ้าหาเจอก็ฝากดูไว้อย่าให้คลาดสายตาอีกหนึ่งเดือนกูจะไปรับเธอกลับแล้วจะเอาไวน์ห้าสิบห้าปีไปเป็นของตอบแทน” ผมพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะวางสายไปในที่สุด
ตอนนี้ก็แค่รอให้ไอ้มหันต์กลับมาเพื่อที่จะให้มันส่งรูปของเมษาให้เพื่อที่ผมจะได้ส่งต่อไปให้ไอ้ทัต
“เมื่อไหร่มึงจะกลับ” ผมกดโทรศัพท์โทรหามันและถามขึ้นทันทีเมื่อไอ้มหันต์รับสาย
“ผมจะกลับยังไงละนายโกดังกับบ้านนายห่างกันจะตาย” มันตอบกลับมาทันที
“รูปเมษามึงยังเก็บไว้ไหม” ผมถามมันขึ้นอีกครั้งตอนนี้มันจะกลับหรือไม่กลับผมก็ไม่สนใจแล้ว
“ยังมีครับ ฮั่นแน่นายคิดถึงเด็กคนนั้นจนอยากได้รูปไปดูเลยหรอครับ” มันถามผมขึ้นอีกครั้งบอกเลยว่าถ้าอยู่ใกล้ๆผมจะเอาปลายประบอกปืนตบปากมัน
“มีก็ส่งมา” ผมตอบกลับไปทันที
“ความคิดถึงมันทำให้ทนรอไม่ไหวเลยใช่ไหมครับ” มันถามขึ้นอีกครั้ง
“ถ้ามึงยังไม่ส่งมาตอนนี้กูไล่มึงออกแน่ไอ้มหันต์” พูดจบผมก็กดตัดสายไปทันทีไม่อยากจะพูดอะไรกับมันอีก
และแน่นอนว่ารูปของเมษาก็เด้งเข้ามาไลน์ผมโดยฝีมือของไอ้มหันต์ ผมกดเซฟรูปนั้นก่อนจะส่งไปให้ไอ้ทัตทันทีและเมื่อเห็นว่ามันขึ้นอ่านแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
“มีลูกน้องแต่ไร้ประโยชน์กลับมาก็คงต้องจัดการ” ผมพูดขึ้นทันทีก่อนจะนั่งคิดว่าพรุ่งนี้จะจัดการกับไอ้พวกที่มาจากกรุงเทพยังไงดี
เข้าไร่แบกปุ๋ยขึ้นหลังสักสามวันท่าจะดี
เมษา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูคอนโดดังขึ้นทำเอาฉันรีบลุกไปส่องดูตาแมวทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นคุณทัตฉันก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“มีอะไรรึเปล่าคะคุณทัต” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับเบี่ยงตัวให้คุณเขาเข้ามาในห้อง
“ผมมีเรื่องจะคุยจะด้วย” คุณทัตตอบกลับมาทันทีพร้อมกับนั่งลงบนโซฟากลางห้อง ส่วนฉันก็นั่งบนโซฟาตัวข้างๆคุณทัต
“เมษามาที่นี่หนีอะไรมาหรือเปล่า” ฉันชะงักฉันทีเมื่อคุณทัตถามขึ้น
“คือ..” ฉันได้แต่อั้มอึ้งเพราะไม่รู้จะตอบคุณทัตว่ายังไงดีเรื่องราวของฉันมันไม่น่าเล่าให้เขาฟังอีกอย่างฉันก็ไม่รู้ว่าควรจะเล่าให้เขาฟังรึเปล่า
“ถ้ามันตอบยากเมษารู้จักคนนี้ไหม” ฉันตัวแข็งทื่อนั่งนิ่งไม่ขยับเมื่อหน้าจอโทรศัพท์ของคุณทัตโชว์ภาพพ่อเลี้ยงให้ฉันดู
“คุณทัตรู้จักเขาหรอคะ” ฉันถามกลับไปทันทีเพราะฉันเองไม่รู้ว่าเขามีรูปของพ่อเลี้ยงได้ยังไง
“มันคือเพื่อนของผม” จากสรรพนามที่เรียกแทนกันก็รู้แล้วว่าคงจะสนิทกันพอสมควร
ความกลัวเกิดขึ้นกับฉันทันทีก่อนที่ฉันจะลงจากโซฟานั่งคุกเข่าตรงหน้าคุณทัตพร้อมกับยกมือไหว้เป็นการขอร้อง
“คุณทัตอย่าบอกเขานะคะว่าเมษาอยู่ที่นี่ เมษาขอร้องอย่าบอกเขานะคะ” ฉันพูดขึ้นทันทีหวังว่าการขอร้องอ้อนวออนของฉันครั้งนี้มันจะช่วยฉันได้บ้าง
ส่วนคุณทัตที่เห็นว่าฉันทำแบบนี้ก็ลุกขึ้นมาพยุงตัวฉันให้กลับมานั่งบนโซฟาตามเดิม
“เมษาดูกลัวมันมากมีอะไรเล่าให้ผมฟังได้ไหม” ฉันชั่งใจอยู่นานก่อนจะปาดคาบน้ำตาที่ไหลออกมาออกจากใบหน้าและพูดขึ้นทันที
“ผู้ชายคนนั้นคือพ่อเลี้ยงแห่งไร่กลิ่นดิน” ฉันพูดขึ้น
“ใช่ครับ มันเป็นเจ้าของไร่กลิ่นดินที่เชียงใหม่” คุณทัตพูดขึ้นอีกครั้ง
“แม่เลี้ยงของเมษาติดหนี้พ่อเลี้ยง เขาเลยหลอกเมษาและพาไปหาพ่อเลี้ยงเพื่อขัดดอกแต่เมษาไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงคิดอะไรถึงยกหนี้ให้เธอและเพิ่มเงินให้อีกสิบล้านส่วนเมษาก็ถูกทิ้งไว้ให้อยู่กับพ่อเลี้ยง เมษาขอร้องเขาลอกให้ปล่อยเมษาและจะหาทางเอาเงินสิบล้านมาคืนให้ได้ พ่อเลี้ยงให้เวลาเมษาหนึ่งเดือนในการหาเงินแต่สำหรับเมษาเงินมากมายขนาดนั้นเมษาหาไม่ได้หรอกค่ะคุณทัต”
“เลยหนีมาที่นี่หรอเมษา” ฉันพยักหน้ารับทันทีเมื่อคุณทัตพูดขึ้นต่อ
“ชีวิตเธอน่าสงสารที่มาเจอมัน” คุณทัตพูดขึ้นอีกครั้งและแน่นอนว่าฉันคิดแบบนั้น
“เขาคือโชคร้ายของเมษาเขาคือคนใจร้ายที่เมษาไม่อยากกลับไปเจอ เมษากลัวว่าเขาจะทำอะไรเมษา” ฉันตอบกลับไปทันทีพร้อมกับยกมือปาดน้ำตาที่มันไหลลงมาอีกครั้ง
“คุณทัตอย่าบอกพ่อเลี้ยงได้ไหมคะ เมษาไม่อยากกลับไปอยู่ที่นั้น พ่อเลี้ยงบอกว่าถ้าเมษาหาเงินมาคืนไม่ได้ภายในหนึ่งเดือนเขาจะ..”
“โอเคผมเข้าใจแล้วว่าเมษาจะพูดอะไร” คุณทัตพูดขึ้นต่อทันที
“ขอร้องนะคะอย่าบอกเขาได้ไหมคะ” ฉันพูดขึ้นอีกครั้ง
“โอเคผมจะช่วยเพราะผมมั่นใจว่ายังไงมันก็ต้องมาหาเมษาที่นี่เมื่อครบหนึ่งเดือน ผมจะไม่ให้ข้อมูลอะไรกับมันเลยถ้ามันถามถึงเมษา” ฉันยกมือไหว้ขอบคุณเขาทันที
“คุณทัตคิดว่าพ่อเลี้ยงรู้ได้ยังไงหรอคะว่าเมษาอยู่ที่นี่” ฉันถามขึ้นทันทีเพราะถ้าฉันอยู่ส่วนไหนของเชียงใหม่แล้วพ่อเลี้ยงรู้มันจะไม่แปลกแต่ที่นี่คือกรุงเทพ
“ผมว่ามันคงให้คนตามเมษามาตั้งแต่ที่เชียงใหม่แต่ดันคลาดกันจนหาเมษาไม่เจอมันเลยขอความช่วยเหลือจากผม”
“ถ้าแบบนี้แล้วเมษายังไปทำงานที่คลับคุณทัตได้ใช่ไหมคะ” ฉันถามขึ้นต่ออีกครั้งเพราะยังไงแล้วฉันก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินเป็นค่ากินอยู่ทุกวัน
“ทำได้ ผมจะคอยถามมันให้ว่ามันมาวันไหนถึงตอนนั้นเมษาก็ค่อยหยุด”
“ขอบคุณคุณทัตมากๆเลยนะคะ ถ้าคุณทัตมีอะไรที่พอให้เมษาทำได้บอกเมษาได้ตลอดเลยนะคะเมษาอยากตอบแทนคุณทัต” ฉันพูดขึ้นทันทีบอกเลยความช่วยเหลือที่คุณทัตช่วยฉันไว้ในครั้งนี้ฉันจะไม่มีวันลืมบุญคุณเขาเลย
“รู้ไหมว่าปกติเพื่อนผมมันไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงคนไหนเลยมันไม่เคยอยากจะเอาผู้หญิงคนไหนไปเป็นเด็กขัดดอกหนี้เลยสักครั้ง”
“แต่ทำไมกับเมษาพ่อเลี้ยงถึงทำแบบนั้น”
“เพราะมันสนใจเมษาไงละ”
❤️
ให้กำลังใจยัยน้องและกราบขอบคุณคุณทัต