ช่วงนี้เด็กๆ เริ่มหัดพูดกันแล้วพวกพื้นฐานคำง่ายๆ หม่ำ แม่ จ๊ะ จ๋า แล้วแต่จะจำคำไหน ตั้งแต่มีแม่มาอยู่ด้วยฟ้าก็ยิ่งมีเวลาทำอะไรมากขึ้นวันนี้ที่บ้านของพิทักษ์ได้เชิญฟ้ากับแม่ไปร่วมทานอาหารเย็นด้วยกันอีกแล้ววันนี้ฟ้าพยายามชะเง้อมองหาคนที่คอยมาเดินวนอยู่ข้างหน้าต่างปกติเวลานี้ก็น่าจะมาแล้ว ทำไมถึงไม่เห็นเลย เสียงก็ไม่ได้ยินไม่รู้หายไปไหน จะว่าเข้าไร่แต่เช้าก็คงไม่ใช่เพราะกับข้าวยังเสร็จจะไปได้ยังไง พอทำอะไรเสร็จแล้วเลยแอบไปเดินเฉี่ยวแถวบ้านคนงานดูหน่อย มองลอดผ่านพุ่มไม้ไปเห็นแต่ป้าปุ๊ ลุงพร้อม เก๋ แล้วก็คนงานคนอื่น
“อ้าวพี่ฟ้ามาทำไมครับ” เก๋ตาไว แม้ฟ้าจะแอบอยู่หลังพุ่มไม้ แต่เก๋ก็ยังสามารถมองเห็นได้ทัน พอเก๋ร้องเรียกคนอื่นๆ ก็หันมามองตามๆ กัน
“พี่…” ฟ้าเหลียวซ้ายแลขวาหาทางหนีทีไล่ ตาไปป้ะกับต้นชมพูเข้าเอาล่ะแถไปก่อน
“พี่มาดูต้นชมพู่น่ะ” ทุกคนต่างมองตามไปที่ต้นชมพู่ แล้วสงสัยตรงกันว่าดูทำไม มันมีอะไรแปลก
“ดูมันทำไมครับ” เก๋ถามต่อ โอ้ยขี้สงสัยจัง
“งวดที่แล้วแม่พี่ได้ 3 ตัวจังๆ เลย งวดนี้ก็เลยเผื่อจะได้อีก” ตัดเข้าหวยเอาดื้อๆ ไปเลยก็แล้วกัน
“จริงหรอคะหนูฟ้า” ป้าปุ๊ตาลุกวาว
“ค่ะ” สายตาฟ้ายังคงมองหาลูอิสไม่หยุด หายไปไหนของเขาแต่เช้า
“พี่ฟ้ามองหาใครครับ” ฟ้าชะงักเมื่อเก๋ถามขึ้นอีกครั้ง
“เอ่อ...พี่ก็มองเรื่อยเปื่อย ว่าแต่คนอื่นไปไหนกันอะ”
“พี่หมายถึงไอ้ป๋อกับพี่ดินเหรอครับ”
“พี่ก็หมายถึงทุกคนนั่นแหละ” เก๋ยกมือขึ้นเกาหัว ทุกคนนี่ก็หมายถึง 2คนนั้นไม่ใช่เหรอ
“เค้าไปบ้านครูแก้วกันน่ะครับ เอาเค้กไปให้ครูแก้ว”
“เค้กอะไร ทำไมต้องเอาไปให้ด้วย อยากกินทำไมไม่ซื้อเอาเอง” ฟ้าเผื่อลืมตัวพ่นไฟใส่เก๋ฉอดๆ จนป้าปุ๊ กับลุงพร้อมที่นั่งอยู่ด้วยกันอึ้งตัวเกร็งตกใจกับท่าทางแปลกๆ ของเจ้านาย
“วะ วันนี้ วันเกิดครูแก้วอะครับ” ชิทำเป็นเอาเค้กไปให้กัน เก็บเงินเป็นอาทิตย์เลยล่ะสิกว่าจะได้เค้ก ฟ้ากัดเขี้ยวขบฟันด้วยความหมั่นไส้
“ฟ้าขอตัวนะคะ” พอได้รู้เรื่องที่อยากรู้แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องอยู่ ฟ้าเดินกระทืบเท้าปังๆ กลับบ้าน ไปเล่นกับลูกๆ ดีกว่าสบายใจกว่าตั้งเยอะ
“เป็นอะไรของเค้า” เก๋นั่งลงแล้วบ่นกับตัวเอง
“หึงไอ้ดินแน่ๆ ฉันว่าหนูฟ้ากับไอ้ดินต้องมีอะไรกันสักอย่างเถอะ น้องเมฆกับน้องฝนน่ะหน้าเหมือนไอ้ดินเด๊ะ” ป้าปุ๊พูดแจกแจงความคิดตัวเอง
“วันนั้น…” เก๋ชะงักเมื่อนึกถึงคำขู่ของป๋อ ปากก็คันยิบๆ อยากเล่า ใจก็กลัว
“วันนั้นทำไม” ลุงพร้อมถามขึ้น
“วันนั้นผมลืมรองเท้าไว้ในไร่ วันนี้ผมว่าจะไปเอา” สุดท้ายก็ต้องตัดความคันที่ริมฝีปากออก ไม่งั้นเรื่องที่ชอบไปแอบดูมะขิ่นอาบน้ำได้แดงออกมาแน่
“เค้าพูดเรื่องอะไรกันอยู่มานอกเรื่องไอ้นี่ เดี๋ยวข้าถีบหงายท้องเลย” ป้าปุ๊หันไปบ่นอย่างไม่สบอารมณ์
กว่าจะกลับจากบ้านครูแก้วก็ถึงเวลาเข้าไร่แล้ววันนี้ลูอิสไม่ได้ไปเดินเลาะครัว ไม่ได้ไปเล่นกับเด็กๆ เลยเพราะรับปากกับป๋อไว้ว่าจะไปเพื่อนเอาเค้กไปให้ครูแก้วที่บ้าน กลับมาว่าจะไปสักหน่อยก็ต้องไปเรียนอีก
“วันนี้พอแค่นี้ก็แล้วกันนะคะ คุณเก่งขึ้นเยอะเลย” ครูแก้วเอ่ยปากชมลูกศิษย์คนโปรด
“ได้ครูดีก็ไปได้ไวครับ” เขาตอบรับอย่างถ่อมตัว
“วันนี้วันเกิดแก้ว แก้วขอเป็นเจ้ามือพาไปฉลองนะคะ” ครูแก้วรีบถือโอกาสชวน คนถูกชวนก็ดูจะปฏิเสธไม่ได้เสียด้วย จึงต้องยอมไปกับครูแก้วแต่โดยดี ป๋อก็อายชวนให้ไปด้วยกันก็ไม่ไป เลยกลายเป็นว่าต้องไปกัน 2 คนอีกตามเคย ครูแก้วเลือกพาไปกินอาหารเย็นที่ร้านเล็กๆ สไตล์ล้านนาเพื่อจะได้ชื่นชมความงดงามของกลิ่นอายความเป็นเมืองเหนือ ซึ่งลูอิสก็ดูจะชอบมากๆ ซะด้วย
“ร้านนี้สวยดีนะครับ”
“ชอบมั้ยคะ” ครูแก้วจ้องมองคนที่กำลังตื่นตากับการตกแต่งของร้าน
“ครับ”
“แก้วก็ชอบค่ะ” สายตาครูแก้วจ้องเขาเสียจนหวานหยด แต่เจ้าตัวกลับรู้เอาเสียเลย แม้ที่บอกไปเมื่อครู่ว่าชอบก็ไม่ได้หมายถึงร้านนี้หรอก หมายถึงพ่อหนุ่มตาฟ้าตรงหน้านี้ต่างหาก
“ก่อนหน้านี้ดินเคยมาเที่ยวที่ไทยมั้ยคะ”
“ผมเคยมาครั้งนึงครับตอนมั้นมาคุย…” ลูอิสหยุดชะงัก เขาไม่อยากให้ใครร็ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน
“คะ”
“มาคุยเรื่องหางานน่ะครับ”
“อ่อ แล้วทำไมถึงมาเป็นคนงานที่ไร่แบบนี้ล่ะคะ ไม่ไปหาสอนภาษา”
“ผมเรียนมาน้อยน่ะครับ” ที่ไหนล่ะ อยากมาเฝ้าลูกเฝ้าเมียต่างหาก ยิ่งมีไอ้หน้าจืดมาตามส่งผลไม้ให้ทุกวันแบนี้ยิ่งต้องเฝ้าให้ดี
“ให้แก้วช่วยมั้ยคะ แก้วพอมีเส้นสาย จะได้ไม่เหนื่อยมาก”
“ไม่เป็นไรครับที่รีสอร์ทดูแลดีมาก งานก็ไม่หนักอะไรสนุกไปอีกแบบ”
“นายดินนี่แปลกคนจังนะ ใครเค้าอยากทำงานหนักๆ” ครูแก้วพูดยิ้มๆ ยิ่งเขาดูเป็นคนขยัน ยิ่งดึงดูดให้ครูคนสวยสนใจในตัวเขามากขึ้นอีก
“แล้วจากบ้านมาไกลแบบนี้ไม่คิดถึงบ้าน คิดถึงคนทางโน้นหรอ”
“ไม่นะครับ ตอนวัยรุ่นผมก็แยกบ้านกับพ่อนานๆ จะได้อยู๋ด้วยกันที”
“ตอนนี้แก่แล้วหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า” ครูแก้วแกล้งแซว
“พูดแบบนี้ผมก็ไปต่อไม่ได้เลยสิ”
“แก้วล้อเล่น แล้วไม่คิดถึงแฟนหรอคะ” คำถามนี้คือการถามว่ามีแฟนหรือยังในรูปแบบของครูแก้วนั่นเอง
“ผม…” ลูอิสไม่ร็จะตอบยังไงดี ฟ้าไม่ใช่แฟนแต่เป็นเมีย ที่ไม่ยอมให้เรียกว่าเมีย
“ไม่นะครับ”
“แสดงว่ามีแฟนแล้วหรอคะ”
“ถามทำไมล่ะครับ”
“แก้วอยากรู้เฉยๆ กลัวสอนๆ อยู่แล้วจะมีคนมาจิกหัวตบเอา”
“ไม่มีหรอกครับ” คำว่าไม่มีของลูอิสนั้นหมายถึงไม่มีใครมาจิกหัวตบหรอก แต่ครูแก้วดันเข้าใจไปว่าลุอิสนั้นกำลังโสดลูอิสกับแก้วทั้งกินทั้งดื่มทั้งคุยกันจนดึกกว่าจะได้กลับบ้านก็ 4-5 ทุ่มแล้วจริงๆ ฟ้ามายืนรอเขาตั้งแต่กลับจากบ้านของพิทักษ์ แต่รอแล้วรออีกก็ไม่มีวี่แววว่าจะมา วันนี้อากาศค่อนข้างหนาว พอฟ้าเริ่มรู้สึกว่าไม่ค่อยจะดีนักเลยต้องยอมกลับเข้าไปนอน
ตอนเช้าวันรุ่งขึ้นลูอิสรีบตื่นแต่เช้ามาเดินวนอยู่แถวครัวของบ้านแต่กลับมองไม่เห็นแม้แต่เงาของฟ้า เห็นแต่แม่ยายที่ค้อนอยู่หมับๆ พอดูท่าแล้วว่าฟ้าน่าจะไม่เข้าครัวเลยเดินไปเกาะกระจกเล่นกับเด็กๆ แทน เมื่อวานทั้งวันที่ไม่ได้เห็นหน้าฟ้าเลย มาวันนี้ก็ยังไม่เจอกันอีกลูอิสแอบสงสัยว่าฟ้าเป็นอะไรหรือป่าว เพราะปกติจะเห็นที่ครัวทุกวัน วันนี้ทั้งวันลูอิสทำงานด้วยความเป็นกังวลใจมันห่วงและคิดถึงแม่ของลูกเขาเต็มประดา หลังเลิกงานวันนี้เลยให้ป๋อไปบอกครูแก้วว่าขอลาเพราะไม่สบาย แต่ที่จริงแล้วจะแอบไปดูฟ้าต่างหาก ลูอิสแอบย่องเข้าไปในบ้านใหญ่จากทางประตูครัว แล้วย่องๆ ไปยังชั้น 2 เขาไม่แน่ใจว่าห้องฟ้าคือห้องไหนเพราะบนนี้มีห้อหลายห้อง แต่ถือว่าเป็นโชคดีขณะที่เขากำลังแอบอยู่อาจูยกถาดข้าวออกมาจากห้องๆ หนึ่งพอดีและเขาก็มั่นใจเหลือเกินว่าห้องนี้นี่แหละห้องของฟ้า เหลียวซ้ายแลขวาไม่เห็นใครจึงรีบย่องเข้าไปหาฟ้าถึงในห้อง ภาพที่เห็นคือร่างบางที่นอนซมไร้เรี่ยวแรงอยู่บนเตียง
“ไม่สบายหรอ” ลูอิสเอ่ยถาม ทำให้ตาที่ปิดอยู่ลืมขึ้น ฟ้ามองเห็นคนเกเรกลับบ้านไม่เป็นเวลายืนอยู่ปลายเตียง ขนาดว่าทั้งป่วยๆ ยังค้อนเขาได้อย่างแรง
“สบายดีมั้ง”
“ผมถามดีดี”
“ขึ้นมาได้ยังไง”
“ถ้าผมอยากไปไหนผมก็ไปได้ทั้งนั้นแหละ”
“ก็ใช่สิ อยากไปไหนก็ไป อยากกลับตอนไหนก็กลับ” คนขี้ประชดประชันกระแทกเสียงใส่ร่างสูงที่ปลายเตียง
“นี่เมื่อคืนคุณออกไปรอผมใช่มั้ย”
“ทำไมฉันต้องไปรอคุณด้วย” ผู้ร้ายปากแข็งคนนี้น่ะหรือจะยอมรับง่ายๆ
“แล้วทำไมถึงรู้ว่าผมกลับดึก” ฟ้ากรอกตาคิดคำตอบ
“เมื่อวานวันเกิดครูแก้ว เค้าชวนผมฉลองน่ะ” พอได้ยินคำว่าครูแล้ว ตาของฟ้าก็จ้องลูอิสอย่างโมโหสุดขีด คำก็ครูแก้ว สองคำก็ครูแก้วหึ
“เช้าก็ครูแก้ว เย็นก็ครูแก้ว ดูจะรักและบูชาครูคนนี้ซะเหลือเกินนะ”
“คุณรู้ด้วยหรอว่าตอนเช้าผมก็เอาเค้กไปให้เขา” แสดงว่าที่ฉันเข้าใจมันก็ถูกแล้วใช่มั้ย ถ้าแอบนึกน้อยใจ ทีกับเราเถอะทำเป็นนิ่งเป็นตึง กับคนอื่นมีเอาคงเอาเค้กไปให้ ฟ้าเงียบไม่ยอมตอบ
“หึงรึไง” ลูอิสถามยิ้มๆ เขาพอจะเอาท่าทางของคนป่วยออกแล้ว
“หึงทำไม อยากจะเอาเค้ก เอาของขวัญให้กันก็แล้วแต่สิมันสิทธิของคุณอยู่แล้ว” คนป่วยยังไม่หยุดประชดประชัน ลูอิสสาวเท้าขยับเข้าไปนั่งที่ข้างๆ คนป่วย
“ผมไม่ได้คิดอะไรกับเขาหอก ไม่ต้องหึง”
“จะคิดไม่คิดจะมาบอกฉันทำไม”
“ผมอยากให้คุณรู้ไว้ไง”
“ฉันไม่อยากรู้”
“คนอะไรดื้อจริงๆ” ฟ้าหันมาค้อนเหมือนเด็กๆ ลูอิสก็หัวเราะชอบใจใหญ่
“แล้วนี่ไปหาหมอรึยัง”
“ฉันไม่ชอบไปโรงพยาบาล กินยาพักผ่อนเดี๋ยวก็หาย”
“ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้นะ ไม่สบายก็ต้องไปหาหมอสิ งั้นเค้าจะสร้างโรงพยาบาไว้ทำไม”
“ฉันป่วยเองได้ก็หายเองได้นั่นแหละ”
“ผมเป็นห่วงคุณนะฟ้า” ลูอิสจ้องคนบนเตียงด้วยสายตาที่จริงจัง จนอีกฝ่ายรับรู้ได้ว่านี่คือความรู้สึกจริงๆ
“ขอบคุณ” ฟ้ารู้สึกว่าตัวเองกำลังหัวใจเต้นแรงมากๆ เลยตัดบทไปสั้นๆ ลูอิสยกมือหนาขึ้นทาบที่หน้าฝากของคนป่วยเพื่อเช็คดูว่าตัวร้อนหรือป่าว
“ทำอะไร” ฟ้ายกมือขึ้นมากัน แต่มือหนาของเขาก็จับแขนไว้แล้วพยายามเช็คอุณหภูมิร่างกายต่อ
“อยู่นิ่งๆ สิ” ไม่รู้ทำไมถึงได้เชื่อฟังเขาเอาง่ายๆ ฟ้านั่งนิ่งให้ขาจับเนื้อตัวอยู่อย่างนั้น
“แล้วนี่กินยาแล้วใช่มั้ย”
“อืม” ฟ้าเหลือบไปมองแก้วยาที่อาจูยกมาให้ แล้วตอบเขาไปส่งๆ
“คนโกหก” ลูอิสเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับเอื้อมไปหยิบแก้วยามาถือไว้ จริงๆ เขาเห็นมันก่อนที่จะถามคนตรงหน้าแล้ว สิ่งที่เขาคิดไว้ก็ไม่ผิดเลย
“ยาก็ไม่กิน หมอก็ไม่อยากไปหา ฉีดยามั้ยล่ะจะได้หาย” ลูอิสพูดจากำกวมหยอกคนป่วย ฟ้าเขินอายหน้าร้อนผ่าว คนบ้า ป่วยอยู๋แบบนี้ยังจะมาคดอะไรทะลึ่งตงตัง
“กินซะ จะได้หาย ป่วยนานๆ จะหายยากเอานะ” ลูอิสยื่นแก้วยาให้กับฟ้า มือเรียวรับมันไปถือไว้แต่ไม่มีทีท่าว่าจะกิน
“กินสิ รออะไรอีก จะฉีดยาจริงๆ ใช่มั้ย” ลูอิสร้องขู่เด็กดื้อบนเตียง
“ไม่มีน้ำจะกินยังไง” ลูอิสถอนหายใจ แล้วส่ายหัว ลูกเล่นแพรวพราวจริงๆ เขาลุกขึ้นไปรินน้ำจากเหยือกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมุมห้องแล้วถือกลับมาส่งให้คนป่วย
“อะ บริการให้ถึงที่แล้ว กินสักที” เขายื่นแก้วน้ำให้ฟ้าแล้วนั่งจ้องรอดูว่าจะกินหรือไม่กิน
“คุณจ้องแบบนี้ฉันจะกินได้ยังไง”
“อ้างนู่นอ้างนี่อยู่ได้ จะกินเองหรือจะให้ผมป้อน” สุดท้ายก็ต้องยอมกินแต่โดยดี ฟ้าเทยาใส่ปากแล้วรีบดื่มน้ำตามจนหมดแล้ว ความขมของยาทำเอาหน้าสวยๆ เหยเกดูน่าขำ ลูอิสที่มองอยู่ถึงกับอดหัวเราะไม่ได้
“หัวเราะอะไร”
“ตลกหน้าคุณน่ะ”
ใช่สิ ใครจะไปสวยแบบครูแก้วนั่นล่ะ” ไปๆ มาๆ ก็ไม่พ้นครูแก้วอีกแล้ว ตาคมค้อนเขาหมับๆ เมื่อพูดถึงผู้หญิงคนนี้
“ผมบอกแล้วไง ว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับเขา”
“เรื่องของคุณสิ”
“กินยาแล้วก็พักผ่อนซะ พรุ่งนี้จะได้หาย” พอลูอิสพูดเหมือนจะกลับแล้ว ใจมันก็วูบขึ้นมาดื้อๆ เหมือนว่าไม่อยากให้เขาออกไปเลย เมื่อร่างสูงลุกจากเตียง มือเรียวก็รีบคว้าแขนเขาไว้อย่างไม่ตั้งใจ
“หืม ? มีอะไร” เขาหันไปถาม
“เอ่อ….ขอบคุณนะ”
“เรื่องอะไร”
“ที่…ตักน้ำให้” ลูอิสหัวเราะร่า
“เรื่องแค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก นอนเถอะ” ฟ้ากรอกตามองไปนั่นนี่ เอายังไงดียังไม่อยากให้เขาไปเลย
“มีอะไรรึป่าว” เมื่อมือเรียวยังคงจับมือเขาแน่น ลูอิสก็ถามขึ้น
“ปะ ป่าว จะไปก็ไปสิ” ไม่ร็จะอ้างอะไรสุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยมือเขาแต่โดยดีแล้วทิ้งตัวลงนอน ลูอิสจ้องมองคนบนเตียงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะคิดอะไรบ้าๆ ขึ้นมาได้
“อยากหายไวๆ มั้ยล่ะ”
“ห้ะ”
“ผมมีวิธี” ลูอิสยิ้มอย่างเจ้าเล่
“อะไร จะทำอะไร” เขานั่งลงบนเตียงอีกครั้ง แล้วโน้มตัวลงไปคล่อมที่ร่างของคนป่วย
“อยากหายไวๆ หรือป่าวล่ะ”
“จะทำอะไร” ฟ้ายกมือขึ้นดันที่หน้าคมของคนบ้า นี่กำลังป่วยอยู่นะจะมาคิดอะไรอกุศลแบบนี้ได้ยังไง
“อยากหรือไม่อยากล่ะ” กฎที่เคยคุยกันไว้มันวิ่งเตลิดหายไปจากเมมโมรี่ของฟ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ใจมันเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ แทบจะระเบิดหลุดออกจากอกแล้ว
“อื้อ…” ริมฝีปากอุ่นๆ ของลูอิสประทับลงบนปากเรียวแล้วค่อยๆ ดูดไอความร้อนของพิษไข้ คนป่วยตัวอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงอย่างทันที ทั้งคู่ถ่ายพิษไข้กันอยู่สักพัก ลูอิสก็เป็นฝ่ายที่ถอนจูบออก แล้วจ้องมองตาคมของคนป่วย ฟ้ากำลังไม่สายอยู่ ถึงจะอยากทำมากกว่านี้ ก็คงไม่ได้หรอก
“ผมดูดพิษไข้ออกมาครึ่งหนึ่งแล้วนะ หวังว่าพรุ่งนี้คุณจะหายนะฟ้า” ฟ้าอายจนหน้าแดง คนบ้าพูดอะไรน่ะ
“มันดูดกันได้ด้วยหรือไง” ฟ้าตอบเสียงอู้อี้
“จะให้ทวนอีกอบมั้ยล่ะ” คนฉวยโอกาสไม่ถามเปล่า เขายื่นมือขึ้นประคองดวงหน้าของคนป่วยเข้ามาใกล้จนหน้าแทบจะติดกัน
“พอแล้ว” ฟ้ายกมือขึ้นมาปิดหน้าที่แดงก่ำของตัวเองไว้ ลูอิสหัวเราะอย่างพอใจแล้วปล่อยมือจากฟ้า
“ผมไปแล้วนะ ฝันดีนะครับ” ฟ้าเพียงแค่พยักหน้ารับ แล้วอนมองแผ่นหลังกว้างค่อยๆ เดินออกจากห้องไป…