กลับสู่สภาวะปกติลูอิสหายจากไข้แล้ว ทุกเช้าก็มาเดินวนเวียนอยู่แถวครัวได้เหมือนเดิม และวันนี้ก็แวะเล่นกับลูกผ่านทางกระจกเหมือนเดิมด้วย
“นี่ นี่” แม่แดงเปิดหน้าต่างห้องนั่งเล่นบานที่ใกล้กับที่ลูอิสนั่อยู่ดานนอกแล้วร้องเรียกลูกเขย
“ครับ” ลูอิสเริ่มจะสื่อสารภาษาไทยได้บ้างแล้วคงจะคุยกับแม่ยายได้บ้างหรอกนะ
“อยากเข้ามาเล่นกับ…เด็กๆ ก็เข้ามา” แม่แดงมองไปที่มะขิ่นกับอาจูก่อนจะคิดได้ว่าฟ้าสั่งไว้ว่ายังไม่อยากบอกใครเรื่องนี้
“ฟ้า ใหม่ ให้ ผม อ้อม เด็กๆ” ลูอิสเงยหน้าตอบอย่างน่าสงสาร แม่แดงมองเห็นเขาแวะมาเล่นกับลูกผ่านทางกระจกสักระยะแล้ว คิดๆ ดูมันก็น่าสงสารไหนๆ มันก็มาถึงนี่แล้วมาจากบ้านจากเมืองมัน มาทำงานหนักหาเงิน ไม่รู้ตอนที่รวยสบายมาแค่ไหน แต่คนเคยสบายมาก่อนเลือกมาลำบากเพราะอยากอยู่กับลูกแบบนี้มันก็น่าเห็นใจ
“เออเข้ามาเถอะ กูแม่มัน ให้มันทำอะไรกูจะด่ามันเอง” ลูอิสตีหน้างง เพราะแม่ยายพูดเร็วเกินไป เขาฟังไม่ทัน
“เข้ามา จะอุ้มมั้ยเด็กๆ น่ะ” สุดท้ายก็ต้องใช้ภาษามือเข้าช่วย ร่างสูงเดินจากข้างนอกเข้ามายังตัวบ้าน เขาแบมือหนาของตัวเองดู
“ผม ไป ล่าง มือ ก่อน ครับ” เขาเงยหน้าขึ้นบอกกับแม่ยาย เพราะกลัวว่ามือจะเปื้อน กลัวลูกสกปรกเขาจึงเดินไปล้างมือก่อนแล้วจึงย้อนกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ร่างกำยำค่อยๆ นั่งลงระหว่างเด็กน้อยสองคน เมื่อแด็กๆ เห็นก็คลานเข้ามาโถมใส่ผู้เป็นพ่อกันใหญ่ สัมผัสที่ได้รับจากเด็กๆ มันมหัศจรรย์มาก ลูอิสเผลอน้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจ
“call me daddy (เรียกพ่อสิลูก)” ลูอิสบอกกับเด็กๆ
“แอ๊ด อ๊า แอ๊ะ” ตามประสาเด็กที่พูดจาอ้อแอ้ไม่รู้พูดอะไร แต่คนฟังกลับรู้สึกมีความสุขเหลือเกิน
“แม่ ใคร…” พอฟ้ามาเห็นก็เตรียมโวยทันที แต่แม่แดยกมือขึ้นห้ามเสียก่อน
“เอ็งจะทรมานมันไปถึงไหน ไม่กลับไปดีกับมันข้าไม่ว่า แต่จะไม่ให้มันอุ้มลูกมันเลย มันไม่ใจดำไปหน่อยหรือไง” แม่แดงพูดขึ้น ถึงลึกๆ ในใจจะเห็นด้วยกับแม่ แต่อีกฝั่งหนึ่งของความคิดก็ยังตะโกนบอกว่า ทำไมไม่นึกถึงตอนอยู่อิตาลี ตอนที่เขาเย็นชาใส่ยังกับว่าเราไม่มีตัวตน ทำไมไม่นึกถึงตอนที่ไปบอกเขาว่าท้อง แต่เขาไม่เคยมีท่าทีโต้ตอบอะไร เอาแต่เฉยชาใส่ ยังกับคนไม่มีหัวใจ
“พอแล้วดิน ไปทำงานได้แล้ว” เสียงของฟ้าพาให้ลูอิสหลุดออกจากห้วงแห่งความสุข เขาก้มลงหอมแก้มลูกๆ ก่อนจะลุกออกไปจากห้องแต่โดยดี
“ฉันว่าพี่ฟ้ากับพี่ดินต้องมีอะไรแน่ๆ” อาจูกระซิบบอกมะขิ่น
“เค้าอาจจะเป็นเพื่อนกันมาก่อนก็ได้” แต่มะขิ่นยังคงไม่ละความพยายามที่จะหลอกตัวเอง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร
ฟ้ามาทบทวนเรื่องทั้งหมดอีกครั้ง จะโกรธเขาไปแบบนี้อีกนานแค่ไหนกัน ทำแบบนี้แล้วได้อะไรขึ้นมา โกรธแล้วในใจมีความสุขหรือ หรือที่ทำอยู่มันจะใจร้ายเกินไป แต่มานึกอีกที่ถ้ายอมง่ายๆ ลูอิสก็อาจจะไม่จำแล้วจะทำแบบนั้นอีกเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเขามาด้วยใจหนักแค่ไหนก็ต้องทนสิ
ทางฝั่งของลูอิสแต่ละคืนผ่านไปอย่างทรมาน ไม่ใช่การทรมานทางกาย แต่มันคือการทุกข์ทรมานทางใจ ยิ่งวันนี้เขาได้ไปกอดหอมลูกแล้วด้วย ยิ่งให้ทรมานไปใหญ่ มาเฟียหนุ่มได้แต่คิดถึงสัมผัสมหัศจรรย์นั่น เนื้อนุ่มละมุนของเด็กๆ เสียงหัวเราะอ้อแอ้ แววตาที่แสนไร้เดียงสา ใบหน้าที่ราวกับนั่งมองตัวเองในวัยเด็ก เขาอยากจะมีเวลาอยู่กับทุกอย่างนี้นานๆ เหลือเกิน คิดถึงคนที่เคยเอาเครื่องดื่มไปให้ตอนทำงานดึกๆ นึกถึงคนที่คอยดูแลตอนอยู่อิตาลี ถ้าตอนนั้นไม่มัวกลัวอะไรไม่เข้าท่า ป่านนี้คงมีความสุขเหมือนกับแดเนียลกับทานตะวันไปแล้ว
“พี่ดิน พี่ดิน” เสียงป๋อร้องเรียกอย่าหน้าห้อง
“อะไร” เขาลุกขึ้นไปเปิดประตูรับเพื่อนซี้ต่างวัย
“เล่นเกมกัน สนุกมากเลยเกมนี้อะ”
“เกมอะไร”
“อีโอวา เป็นเกมโมบ้า การวางแผนต่อสู้ มาเล่นห้องผมดิ คลื่นดีมาก” สองคนนี้คุยกันผ่านแอพแปลภาษา ไหนๆ ก็นอนเบื่อๆ อยู่แล้วหาอะไรสนุกๆ ทำก็ดีเหมือนกัน ลูอิสไปนอนเร็วเกมกับป๋อจนดึก ส่วนเก๋ก็พยายามจะนอนให้หลับเนื่องจากทั้งคู๋เล่นเกมกันเสียงดังมาก
“โว้ย ไอ้ป๋อมึงเล่นเบาๆ ได้มั้ยกูง่วง”
“ง่วงก็นอนดิวะใครไปห้ามมึงอะ”
“มีอะไรรึป่าว” ลูอิสถามขึ้น เขาแปลสิ่งที่ทั้งสองคนพูดไม่ทัน
“ไม่มีอะไรหรอก”
“เก๋ ง่วง มั้ย” ลูอิสหันไปถาม
“ง่วงมาก”
“งั้น พี่ กลับ แล้ว “
“ไม่ต้องๆ พี่ พอลูอิสทำท่าจะลุกป๋อก็รีบร้องห้ามพร้อมกับคว้าแขนไว้
“มึงง่วงช้ะ ไป โน่นเลย ไปนอนห้องพี่ดิน พี่ดินนอนนี่กับผม”
“เออ ตามนั้น” แล้วเก๋ก็ลุกจากห้องตัวเองไปนอนที่ห้องของลูอิส แม้จะยังได้ยินเสียงของลูอิสกับป๋ออยู่ แต่มันก็ไม่ได้ดังจนรบกวนโสตประสาทการได้ยินแล้ว แบบนี้สิจะได้นอนสักที
“เบาๆ” กลางดึกของวันนั้นเองที่มะขิ่นกับอาจูตัดสินใจย่องเบาเข้าห้องพี่ดิน แต่หาได้รู้ไม่ว่าคนที่นอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มนั้นไม่ใช่พี่ดินของพวกเธอ
“แกออกไปดูต้นทางก่อน ฉันจัดการเอง”
“แกให้ฉันดูทางตลอดเลย” อาจูงอแงเมื่อถูกเพื่อนเอาเปรียบ
“ก็แกมันโง่ เกิดเข้าไปแล้วทำเสียเรื่อง เราก็จบกันพอดี” มะขิ่นหันไปต่อว่า
“อะๆ รีบๆ แล้วมาเรียกฉันด้วย” สุดท้ายอาจูก็ต้องยอมให้กับมะขิ่นทุกที
มะขิ่นค่อยๆ ย่องเข้าไปในตัวบ้าน แล้วตรงดิ่งไปที่ห้องของพี่ดินทันที ประตูห้องเปิดอยู่ถือเป็นสัญญาณที่ดี มะขิ่นค่อยๆ ย่องเบาเข้าไปยังห้องที่เคยแอบเข้าไปแล้วตรงไปยังเตียงที่มีคนนอนคลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่ม
“พี่ดิน พี่ดินจ๋า” ใครจะคิดว่าเด็กสาววัย 15 จะใจกล้าขึ้นหาผู้ชายแบบนี้ มะขิ่นโถมตัวใส่คนใต้ผ้าห่มอย่างหิวกระหาย
“โอ้ย โอ้ย อะไรอีกวะเนี่ย” คนใต้ผ้าห่มร้องโวยวายเมื่อรู้สึกตัวว่ามีบางอย่างกระโดดมาทับ เมื่อมะขิ่นได้ยินเสียงร้องก็รู้ทันทีเลยว่าคนที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มนั้นไม่ใช่พี่ดินสุดหล่อแน่ๆ เลยกระชากผ้าห่มออก
“ไอ้เก๋”
“อีมะขิ่น” ต่างคนต่างตกใจกันทั้งมะขิ่นและเก๋
“มึงมาทำอะไรห้องพี่ดิน” เก๋ร้องถามพร้อมกับลุกขึ้นแล้วถอยตัวหนีจากผู้หญิงใจถึง
“มึงนั่นแหละมาทำไม” มะขิ่นก็ถามบ้าง
“กูอยู่บ้านนี้จะนอนตรงไหนก็ได้ มึงนั่นแหละมาทำไม” มะขิ่นได้แต่อีกอัก ทำอะไร แถอะไรไม่ถูก
“มึงจะปล้ำพี่ดินใช่มั้ย” คำถามของเก๋ทำให้มะขิ่นตกใจสะดุ้งโหยง พอได้สติก็หันหน้าเข้าหาประตูวิ่งหนีอย่างไว
โครมมม
“แต่ไม่ทันได้ออกจากห้อง เมื่อวิ่งไปชนอกกว้างของพี่ดินเจ้าของห้องเสียก่อน
“มีอะไรกันวะ” พอป๋อวิ่งมาถึงก็ถามทันที
“เอ้า อีขิ่น มึงมาได้ไงเนี่ย” สายตาอันหลักแหลมของป๋อหันไปเจอกับมะขิ่นเข้าจึงร้องถาม
“นี่อย่าบอกนะว่ามึงสองคน เห้ยๆๆ”
“ไม่ใช่” ทั้งมะขิ่นและเก๋ร้องตอบพร้อมกัน
“โอยเสียงใครมาโวยวายอะไรวะ” เสียงทุกคนดังจนทำให้ป้าปุ๊ผู้ดูแลความเรียบร้อยของบ้านตื่นขึ้นมา
มะขิ่นกลัวจนตัวสั่น ไม่ได้คิดว่าอันจะบานปลายขนาดนี้
“อ้าวอีมะขิ่นมึงมาทำไมที่นี่ดึกดื่นแบบนี้”
“คือ…ฉัน คือว่า”
“มันขึ้นหาพี่ดิน” เก๋รีบฟ้อง
“จริงหรออีมะขิ่น”
“จริง” เก๋พูดซ้ำอีกรอบ
“ไม่จริง” มะขิ่นหันไปเถียง
“ไม่จริงแล้วมาทำไม” ป๋อจึงช่วยเสริม ขณะนี้มะขิ่นใกล้จนมุมเต็มที เหลียวซ้ายแลขวาก็ตันไปหมด
“ทำไมนานจังอีมะ…ขิ่น” อูที่รออยู่ข้านอกเห็นท่าไม่ดีเลยเข้ามาถาม แต่ดูจะผดจังหวะไปหน่อยเมื่อเข้ามาถึงก็เจอคนมามุงเต็มไปหมด
“มึงด้วยหรออีจู” ป๋อหันไปถาม
เรื่องดูจะไม่จบง่ายๆ สุดท้ายป้าปุ๊ก็จับอาจูกับมะขิ่นส่งให้ฟ้าจัดการ
“เรื่องที่เล่าไปทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ” อาจูกับมะขิ่นรับสารภาพทุกอย่าง และเล่าตามความเป็นจริง เมื่อได้ฟังแบบนี้คนแก่ๆ อย่างป้าปุ๊กับแม่แดงหัวใจจะวายเด็กสาว 15 ย่องหาหนุ่มที่อายุห่างกันเป็นรอบๆ
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ มันไม่ดีเลย เป็นผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัวสิ จะไปขึ้นหาผู้ชายแบบนี้ได้ยังไง” ฟ้าสอนไปก็ละอายใจไป เพราะตัวเองก็เคยทำมาก่อน
“พี่ฟ้าจะไล่พวกหนูออกมั้ยคะ” อาจูรีบถาม
“จะไล่ออกทำไม เรื่องแค่นี้เอง คนเสียหาบมันก็พวกเธอไม่ใช่รึไง แต่พี่ขอเตือนว่าอย่าทำแบบนี้อีก มันน่าอายรู้มั้ย”
“ค่ะ ทั้งคู๋ตอบรับ และสัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก จากนั้นทุกคนจึงแยกย้ายกันไปนอน
“เสน่ห์แรงนักนะ สาวเล็กสาวใหญ่ติดกันเกรียว” ฟ้าพูดแขวะร่างสูงที่กำลังจะเดินกลับ ทำให้เขาต้องหันกลับมาโต้ตอบ
“แน่นอน คนมันหล่อ”
“แหวะ หล่อตาย”
“หล่อไม่หล่อก็มีสาวๆ ขึ้นหาถึง 2 ครั้ง พูดไปก็นึกถึงตอนนั้นเหมือนกันนะ” เขาแกล้งแหย่คนตรงหน้า ฟ้าอายจนหน้าร้อนผ่าว ได้แต่ยื่นเกร็งเก็บอาการ
“ฉันไปนอนละ ไม่อยากจะเถียงกับคุณ”
“จะไปขึ้นหาผมก็ได้นะ ถ้าเป็นคุณนะผมรอเสมอ”
“ไอ้คนบ้า!!”
“หรือจะให้ผมขึ้นหาคุณ อืมอันนี้ก็น่าสนใจ”
“ถ้ายังไม่หยุดพูด ฉันจะไม่คุยกับคุณแล้วนะ” คนโดนแกล้งหน้าแดงก่ำเพราะความเขินอาย ลูอิสหัวเราะชอบใจใหญ่
“ฝันดีนะ” แม้จะได้ยินที่เขาพูดแต่ฟ้าก็ไม่หันกลับมามอง เพราะไม่อยากให้เขาเห็นว่ากำลังยิ้ม ค่ำคืนที่แสนวุ่นวายผ่านไปแล้วหวังว่าตอนเช้าจะไม่มีอะไรอีกนะ
เช้าวันรุ่งขึ้นฟ้าตื่นแต่เช้าตามปกติ เมื่อเข้าไปในครัวก็พบกระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งวางอยู่ เมื่อกางออกดูก็พบว่าเป็นจดหมายลาออกของมะขิ่นกับอาจู เขียนไว้ว่าคงอยู่ต่อไปไม่ได้อายเหลือเกินกับเรื่องเมื่อคืน ขอโทษพี่ฟ้าที่ทำตัวไม่ดี หนูจะไปตามทางของหนู รักและเคารพพี่ฟ้าเสมอ มะขิ่น อาจู
ไม่อยากให้มีเรื่องมันก็มีจนได้ ทีนี้จะหาใครมาช่วยเลี้ยงลูกล่ะ กำลังซนเลยด้วยลำพังแม่คนเดียวก็คงไม่ไหว ฟ้าก็ต้องจัดการเรื่องรีสอร์ทอีก
“เอายังไงดีแม่” ฟ้าหันไปปรึกษาแม่แดง
“ผัวเอ็งไง พ่อกับลูกมันต้องอยู่กันได้อยู่แล้ว”
“จะดีเหรอแม่”
“เออ หาคนใหม่ได้ค่อยให้มันไปทำไร่”
ฟ้าจ้องหน้ามาดาแล้วครุ่นคิดว่าไอเดียแม่นั้นดีหรือไม่ดี