นิวาริน หรือ ครูนิว หญิงสาวเป็นคุณครูอนุบาลอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในระแวกเดียวกันกับบ้านพักที่อยู่มาตั้งแต่เกิด
บ้านของหล่อนเป็นบ้านไม้สองชั้น ซึ่งมีอายุเกือบร้อยปี เพราะถูกส่งมอบจากรุ่นสู่รุ่น มาจนถึงรุ่นของบิดา
หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ ครอบครัวของหล่อนอยู่ที่นี่มานาน ก่อนที่ความเจริญของเมืองหลวงจะคืบคลานเข้ามากลืนกินทุกอย่างไปเสียอีก
พื้นที่โดยรอบบ้านเคยเป็นป่าเป็นสวน ตอนนี้กลับกลายเป็นหมู่บ้านจัดสรรหลังโอ่อ่าไม่ต่างจากคฤหาสน์ที่เห็นในรายการโทรทัศน์บ่อยๆ
ชาวบ้านที่นี่ยอมขายที่ดินให้กับนายทุนเพื่อแลกกับเงินก้อนโต มีเพียงบ้านของหล่อนหลังเดียวที่ไม่ยอมขายที่ดินให้ ไม่ว่านายทุนจะยื่นข้อเสนอน่าสนใจแค่ไหนก็ตาม
เพราะอะไรน่ะเหรอ...?
เพราะพ่อผูกพันกับที่ดินผืนนี้มาก แม้ว่าที่ดินจะมีเพียงแค่สามร้อยกว่าตารางวา แต่มันก็คืออนุสรณ์ที่ทำให้ระลึกถึงบรรพบุรษที่ลาลับไปแล้ว
หล่อนไม่เคยชอบใจกับบรรยากาศรอบตัวที่เปลี่ยนแปลงไปเลย เพราะอึดอัดไม่เป็นส่วนตัวเหมือนเมื่อก่อน จนกระทั่งมีครอบครัวหนึ่งย้ายเข้ามาอยู่ ภายในคฤหาสน์หลังที่ใหญ่ที่สุดในโครงการ แถมคฤหาสน์หลังนี้ยังอยู่ห่างจากห้องนอนของหล่อนเพียงแค่รั้วกั้นเท่านั้นเอง
หล่อนไม่พอใจเอามากๆ เพราะมันทำให้หล่อนรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงมุ่งหน้าไปหาเรื่องคนบ้านนั้น ตอนที่หล่อนเดินไปหานั้นในใจอัดแน่นไปด้วยไฟโทสะ ตั้งใจว่าถ้าเจอหน้าจะด่าให้ลืมญาติไปเลย
แต่...
ทันทีที่ประตูรั้วถูกเปิดออก และหล่อนได้เผชิญหน้ากับผู้ชายตัวสูง ผิวขาว ปากแดงคนหนึ่งเข้า ความโกรธก็จางหายไป เหลือไว้แต่ความตกตะลึงกับรูปลักษณ์งดงามแห่งบุรุษเพศที่สะท้อนเข้ามาในดวงตา
‘มาหาใครหรือครับ’
เสียงที่ถามออกมานั้นช่างนุ่มนวล และแววตาที่มองมาก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น จนร่างกายของหล่อนร้อนรุ่มขึ้นอย่างประหลาด
หล่อนเลื่อนสายตาสำรวจใบหน้าหล่อคมสันของผู้ชายตรงหน้าหลายครั้งอย่างลืมตัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อเขาเอ่ยถามซ้ำ
‘หรือว่ามาหาคุณแม่ของผมครับ’
‘เอ่อ... นิว... มาแนะนำตัวน่ะค่ะ คือนิว... อยู่บ้านตรงนั้นน่ะค่ะ เห็นว่าบ้านใกล้เรือนเคียงกันก็เลย... อยากมาทักทาย แล้วนี่...”
มะม่วงลูกใหญ่ที่ถือติดมือมาด้วย เพราะตั้งใจจะเอามาปาหัวคู่กรณี ถูกหล่อนยื่นไปข้างหน้า
‘นิวเอามาฝากค่ะ’
แม้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาจะมีความงงงวยระคนแปลกใจ แต่มือใหญ่ก็ยื่นออกมารับมะม่วงไปจากมือของหล่อนแต่โดยดี
และพระเจ้า...
ปลายนิ้วสัมผัสกันเหมือนในละครตอนที่พระเอกนางเอกพบกันครั้งแรกเลย
ไฟฟ้าแรงสูงวิ่งปรู๊ดปร๊าดอยู่ในกายของหล่อนจนร่างอดสั่นเทิ้มไม่ได้
‘ขอบคุณครับ’
เขาทำท่าจะเดินเข้าบ้าน แต่หล่อนที่ยังมองหน้าหล่อๆ ไม่อิ่มเอมรีบเรียกเอาไว้เสียก่อน
‘พี่... ชื่ออะไรเหรอคะ แล้ว... มีแฟนหรือยัง เฮ้ยยย... ไม่ใช่ค่ะ นิวหมายถึง... พี่ยังเรียนอยู่ใช่ไหมคะ’
‘ผมชื่อวชิรวิชญ์ หรือเรียกอาร์มเฉยๆ ก็ได้ครับ’
เขาตอบเสียงนุ่ม และก็ยิ้มได้หล่อเอามากๆ ทำเอาหล่อนแทบละลายกลายเป็นของเหลวเลยทีเดียว
‘ชื่อเพราะจังเลยค่ะ พี่อาร์ม...’
ตอนนั้นหล่อนจะต้องยิ้มเหมือนคนบ้าแน่นอน
‘ละ... แล้วพี่อาร์มยังเรียนอยู่ใช่ไหมคะ’
‘ใช่ครับ พี่เรียนหมออยู่ แต่อีกสองปีก็จบแล้วครับ’
‘ว้าวๆๆ เรียนหมอด้วย นี่นิวก็อยากเรียนพยาบาลเหมือนกันค่ะ อยากมีผัวเป็นหมอ... เฮ้ยยย... ล้อเล่นค่ะ นิวอยากช่วยคุณหมอดูแลคนไข้น่ะค่ะ’
‘พี่เอาใจช่วยนะครับ’
แล้วเขาก็ยิ้มละลายหัวใจของหล่อนอีกครั้ง ก่อนจะขอตัวกลับเข้าไปในบ้าน
หล่อนยืนมองตามร่างสูงใหญ่ของว่าที่คุณหมอรูปหล่อไปตาระห้อย และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หล่อนก็พยายามที่จะตั้งใจเรียนให้มากขึ้น เพื่อที่จะสอบเข้าเรียนหมอหรือไม่ก็พยาบาล แต่สุดท้ายแล้วหล่อนกลับสอบติดมาเป็นคุณครูแทน แถมยังเป็นคุณครูอนุบาลอีกด้วย
แต่หล่อนก็พยายามคิดในแง่ดีเสมอมา คิดว่ายังไงซะ โรงเรียนกับโรงพยาบาลก็มีคำว่า ‘โรง’ เหมือนกัน ยังไงก็ต้องได้เจอกันบ้างนั่นแหละน่า
แต่...
แต่ไม่เคยได้เจอกันเลย แล้วนี่ก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว จนวชิรวิชญ์เรียนจบหมอ และเขาก็ทำงานมาหลายปีจนได้เป็นอาจารย์หมอแล้ว ความหวังของหล่อนก็ยังไม่สำเร็จเสียที
หนทางที่จะจับว่าที่คุณหมอมาเป็นสามีในอนาคตก็ยังคงมืดมนเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย
“นิว... นิว!”
เสียงแม่ที่ตะโกนดังลั่นอยู่ข้างหู ทำให้นิวารินสะดุ้งโหยง และดึงใจลอยๆ ของตัวเองกลับมาสู่เวลาปัจจุบันในทันที
“แม่น่ะ ทำไมเรียกนิวเสียงดังจังคะ นี่นิวแสบหูไปหมดแล้วเนี่ย”
หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหูของตัวเอง เมื่อตัดพ้อมารดาออกไป
“แม่เรียกมาสามสี่นิวแล้วนะ แต่ลูกไม่ได้ยิน ก็เลยต้องตะโกน แล้วนี่นั่งใจลอยคิดถึงคุณหมออาร์มอยู่อีกล่ะสิ”
คนเป็นแม่หย่อนกายลงนั่งข้างๆ ในขณะที่คนเป็นลูกยิ้มหน้าเจื่อนๆ
“ก็นิวรักของนิวนี่แม่”
พูดจบก็ทำหน้านิ่ว ก่อนจะถอนใจออกมาแรงๆ
“แต่พี่อาร์มไม่เห็นมองนิวเลย นี่ขนาดทอดสะพานเสริมใยเหล็กให้ทุกครั้งที่เจอเลยนะ ก็ยังไม่สำเร็จสักที”
แม่ของหล่อนนั่งนิ่งมองมาด้วยสายตาสมเพชแกมสงสาร ซึ่งหล่อนเองก็รู้สึกสมเพชตัวเองไม่ต่างกันเลย
“จีบมาตั้งแต่พี่อาร์มเรียนหมอ จนตอนนี้พี่อาร์มเป็นอาจารย์หมอแล้ว นิวก็ยังไม่ได้เป็นเมียหมอสักทีเลยแม่...”
“ก็หาคนอื่นดูสินิว แม่เห็นครูหนุ่มๆ ที่โรงเรียนก็ชอบนิวตั้งหลายคนไม่ใช่เหรอ”
หล่อนส่ายหน้าไปมา ก่อนจะช้อนตาสบประสานสายตากับมารดา
“นิวจะไปมองใครได้ละแม่ ก็นิวรักพี่อาร์มมาจะสิบปีอยู่แล้ว นิวรักใครไม่ได้แล้วล่ะแม่”
“แล้วนิวจะไปทำอะไรได้ แม่เห็นคุณหมอเขานิ่งๆ เฉยๆ ไม่เห็นแสดงอาการสนอกสนใจอะไรนิวของแม่เลย”
ดูสิ แม่ยังรู้เลย
นิวารินถอนใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ๆ
“สงสัยพี่อาร์มไม่ชอบครูอนุบาลเชยๆ แบบนิวล่ะมั้งแม่”
“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน คุณหมอแกหน้านิ่งมาก ไม่แสดงอารมณ์อะไรออกมาเลย เดาใจยากมาก”
“นิวว่า... นิวจะแต่งตัวสวยๆ แบบเซ็กซี่ๆ น่ะ แม่ว่าพี่อาร์มจะชอบไหม”
มารดาส่ายหน้าไปมาอีกครั้ง และก็ช่วยหล่อนตัดสินใจไม่ได้เลย
“แต่นิวว่าพี่อาร์มจะต้องชอบแน่ๆ ผู้ชายนิ่งๆ หน้าขรึมๆ มีมาดแบบนี้ ต้องชอบผู้หญิงเซ็กซี่ๆ หน่อย”
ดวงตากลมโตของนิวารินเริ่มมีประกายแห่งความหวัง หลังจากห่อเหี่ยวมาพักใหญ่
“แต่แม่มีข่าวไม่ค่อยดีมากบอกนิวน่ะ” จู่ๆ แม่ก็พูดขึ้น ทำเอาหล่อนหน้าเสียขึ้นมาทันที
“ข่าว? ข่าวอะไรเหรอแม่”
“เมื่อวานแม่เอาขนมไปให้คุณแม่ของคุณหมอ แล้วคุณแม่ของคุณหมอก็หลุดปากออกมาว่า กำลังจะบังคับคุณหมอให้ไปนัดบอดน่ะ”
“ห๊ะ! อะไรนะแม่ พี่อาร์มจะไปนัดบอด!”
มีเสียงเท่าไหร่ หล่อนตะเบ็งออกมาหมด ก็คนมันตกใจนี่นา
“ใช่ คุณป้าอยากให้คุณหมอแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที แต่คุณหมอยังไม่ยอมมีแฟน คุณป้าก็เลยจะนัดบอดให้คุณหมอน่ะ”
ก้นของนิวารินร้อนฉ่า นั่งไม่ติดในทันที หัวใจเหมือนถูกกระซวกด้วยมีดด้ามใหญ่
“ไม่ได้นะแม่ นิวมองของนิวมาตั้งนาน นิวไม่ยอมให้ใครขโมยว่าที่สามีของนิวไปได้หรอก”
“แล้วลูกจะไปทำอะไรได้ ในเมื่อคุณหมอเขาไม่ได้ชอบลูกนี่นา”
แม่นะแม่ ทำไมชอบพูดจี้แทงใจดำเหลือเกิน มันเจ็บนะเนี่ย!
“นิวจะทำให้พี่อาร์มชอบนิวให้ได้”
“ตื่นได้แล้วนิว จำไม่ได้หรือไงว่าลูกพยายามมากี่ปีแล้ว แต่คุณหมอก็ยังไม่มองลูก แม่รู้ว่าคำพูดของแม่จะทำให้ลูกเจ็บ แต่แม่อยากให้ลูกยอมรับความจริงได้แล้ว”
“นิว...”
“คุณหมอไม่ได้รักนิว ดังนั้นนิวต้องมูฟออนได้แล้ว เชื่อแม่นะ”
แม่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ และดึงมือของหล่อนไปบีบให้กำลังใจ
หล่อนควรเชื่อแม่สินะ...
ไม่หรอก คนอย่างนิวารินไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ อยู่แล้ว
หล่อนอุตส่าห์เป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงมาไม่รู้กี่ปี เฝ้าจนมะม่วงสุกงอมกำลังน่ากิน แต่จะมีใครก็ไม่รู้มาคว้าว่าที่สามีในอนาคตไปกลืนกิน หล่อนไม่มีทางยอมหรอก
กลเม็ดเด็ดพราย หล่อนจะหยิบมาใช้ให้หมด ขอเพียงแค่ได้ตัวของวชิรวิชญ์มาเป็นสามีในอนาคตก็พอแล้ว
“นิวจะสู้แม่”
เสียงของมารดาถอนใจดังยิ่งกว่าเสียงหวูดรถไฟหัวลำโพงเสียอีก
“นิว... แม่ว่า...”
หล่อนไม่รอให้มารดาพูดจบ เพราะขืนถ้าปล่อยให้ท่านพูดจบ ความมุ่งมั่นของหล่อนอาจจะถูกบั่นทอนลงไปได้
“นิวจะไม่มีวันยอมแพ้ ยังไงพี่อาร์มก็จะต้องเป็นลูกเขยของแม่แน่นอน”
“นิวเอ๊ยยย...” แม่ลากเสียงยาวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ
“แม่... เมื่อวันก่อน นิวได้ยินป้าพิณข้างบ้านบอกกับแม่ ว่ามีหมอดูแม่นๆ ใช่ไหมจ๊ะ”
แม่หล่อนทำหน้างงๆ แต่ก็ผงกศีรษะขึ้นลงตอบรับ
“ใช่ ว่าแต่ถามทำไม ไหนนิวเคยบอกแม่ว่าเกลียดพวกหมอดูไงล่ะ”
“เมื่อก่อนเกลียด แต่ตอนนี้คงต้องใช้บริการแล้วล่ะจ้ะ”
“ว่าไงนะ?”
“แม่... ถามป้าพิณให้นิวหน่อยนะว่าบ้านหมอดูแม่นๆ คนนั้นอยู่ที่ไหน”
“นิวจะไปดูดวงเหรอลูก”
ใบหน้าหวานเกลื่อนใบด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ดวงตาเป็นประกายเรืองรอง
“เปล่าหรอกจ้ะ ไม่ได้เป็นดูดวง”
“อ้าว แล้วนิวจะไปหาหมอดูทำไมล่ะ ถ้าไม่ไปดูดวงน่ะ”
“นิวจะไปขอน้ำมันพรายจ้ะแม่”
“น้ำมันพราย!”
“ใช่จ้ะ”
หล่อนผงกศีรษะตอบรับมารดา
“ก็ในเมื่ออ่อยด้วยวิธีธรรมดาแล้วพี่อาร์มไม่เก็ต นิวก็ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องใช้ของขลังเป็นตัวช่วย”
“นิว... แม่ว่ามันเลอะเทอะนะ...”
“นะแม่นะ... นิวไหว้ล่ะ แม่ช่วยไปขอที่อยู่หมอดูคนนั้นให้หน่อย นะแม่...” หล่อนยกมือไหว้มารดาจริงจัง
คนเป็นแม่ถอนใจออกมาแรงๆ
“ก็ได้ แต่นิวเชื่อจริงๆ เหรอว่าน้ำมันพรายมันมีจริงน่ะ”
“เมื่อก่อนไม่เชื่อ แต่ตอนนี้นิวอยากจะเชื่ออะแม่ เพราะนิวจำเป็นต้องใช้มัน เพื่อทำให้พี่อาร์มรักนิวหลงรักนิว”
หญิงสาวเดินกลับมาหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง พร้อมกับถอนใจออกมา
“ก็นิวไม่มีที่พึ่งแล้วนี่แม่ นิวอยากให้พี่อาร์มรักนิว”
แม่ยื่นมือมาลูบศีรษะของหล่อน คงสงสารหล่อนมากนั่นแหละ ดูออก
“เดี๋ยวเย็นนี้แม่จะไปขอที่อยู่หมอดูมาให้ก็แล้วกันนะ”
“ขอบคุณจ้ะแม่”
หล่อนนั่งเหม่ออีกครั้ง ขณะที่ในใจเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
‘นิวไม่ยอมให้พี่อาร์มไปเป็นสามีใครหรอก พี่อาร์มต้องเป็นสามีของนิวคนเดียวเท่านั้นค่ะ’