ตอนที่8
เธอก็ผิดที่เห็นฉันเป็นแค่เพื่อน
"จะไปไหน" เสียงห้าวของไต้ฝุ่นเอ่ยขึ้นเมื่อเหมือนเห็นหญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้องนอน
"นอนหอ" เธอเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยกกระเป๋าใบใหญ่อย่างทุลักทุเล
"ห้าทุ่มเนี่ยนะ" ไต้ฝุ่นมองนาฬิกาแล้วก็ได้แต่เหนื่อยใจกับเพื่อนข้างบ้าน แม้ไฟข้างนอกยังคงสว่างตลอดทางแต่ประเทศที่เธออาศัยอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด การที่หญิงสาวตัวคนเดียวลากกระเป๋าไปมาตามท้องถนนไม่ใช่เรื่องที่ควรทำสักเท่าไร
แอลลี่มองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนฝาผนังสลับกับนอกหน้าต่างเป็นระยะ แม้อากาศภายนอกจะร้อนระอุทั้งวันแต่เวลานี้กลับมีลมอ่อนๆ โชยมาพร้อมกับเสียงคำรามจากเบื้องบนดังมาแต่ไกล
"ฝนกำลังจะตก" ไต้ฝุ่นเอ่ยพร้อมส่งสัญญาณให้เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง
"จริงด้วย จะไปยังไงละที่นี่" เธอทำท่าครุ่นคิด
พูดไม่ทันขาดคำฝนก็ตกลงมาอย่างกับสวรรค์เบื้องบนจงใจกลั่นแกล้ง หรือบางทีอาจเป็นโชคชะตาที่เล่นตลกไม่ยอมให้เธอออกไปจากที่นี่ แอลลี่มองหน้าชายหนุ่มที่เป็นเพื่อนสนิทแล้วได้แต่ถอนหายใจ โชคชะตาอะไรกันที่ส่งคนแบบเขาให้มาร่วมชายคากับเธอ ฝันร้ายชัดๆ
เสียงร้องของชายหนุ่มดังขึ้นเมื่อท้องฟ้าพิโรธ ทำให้ไฟที่เคยส่องสว่างทั่วทั้งเมื่อดับสนิท ในความมืดมิดมีเพียงแค่แสงวูบวาบภายนอกที่สะท้อนผ่านผ้าม่านไหวติงไปมาเกิดเป็นเงาชวนน่าขนลุก
เสียงเอะอะโวยวายของไต้ฝุ่นทำให้หญิงสาวต้องตกใจ เธอพยายามควานหาชายหนุ่มและโทรศัพท์ไปพร้อมกัน แต่มันก็มืดมนไปหมด
"ไต้ฝุ่น นายอยู่ไหน" หญิงสาวตะโกนเสียงดังเมื่อเสียงชายหนุ่มเงียบหายไปพร้อมกับเสียงโครมครามบางอย่าง
"อยู่นี่" เสียงของเขาดังอยู่ใกล้ๆ แต่ก็ยังยากที่จะระบุพิกัดที่แน่ชัด เมื่อตอนนี้สองตาของเธอไม่สามารถมองเห็นอะไรเลยนอกจากความมืด
"นายอยู่นิ่งๆ นะฉันกำลังไป" เธอตะโกนเสียงดังแข่งกับเสียงฟ้าร้อง
"เจอโทรศัพท์แล้ว" แอลลี่ตะโกนด้วยความดีใจเธอรีบหยิบมันขึ้นมาเปิดไฟฉายแล้วส่องหาไต้ฝุ่น เขานอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นห้องเธอรีบโผล่เข้าไปใกล้ด้วยความตกใจ หวังพยุงชายหนุ่มขึ้นมาแต่เธอกลับถูกไต้ฝุ่นดึงเข้าไปกอด โทรศัพท์ในมือเธอร่วงหล่นลงบนพื้นเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่กำลังปิดตาสนิทด้วยความหวาดกลัว ทุกครั้งที่ฝนตกและไฟดับเขาจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งและคนที่อยู่ข้างเขาในเวลาแบบนี้ก็เป็นเธอทุกที เธอกอดปลอบไต้ฝุ่นด้วยความห่วงใยเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา
"ไม่เป็นไรแล้วฉันอยู่นี่" ถ้าสาวๆ ในสต๊อกของนายรู้ว่านายกลัวฟ้าร้องคงน่าอายมาก หญิงสาวคิดในใจ
"อีกเดี๋ยวไฟก็คงจะมา" แอลลี่เงยหน้ามองเพดานที่มืดมิดก่อนมองออกไปที่นอกหน้าต่าง เป็นเรื่องปกติที่พายุโซนร้อนจะพัดผ่านในช่วงเดือนนี้ของทุกปี บางครั้งในหนึ่งเดือนอาจเกิดขึ้นได้ถึงสองสามครั้งเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้
"อย่าเพิ่งไปอยู่หอได้ไหม" เสียงของไต้ฝุ่นอ้อนวอนหญิงสาวดังขึ้นมาในความมืด
"ให้พายุโซนร้อนผ่านไปก่อนได้ไหม" เขายังเอ่ยถามเธออีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอเงียบไม่ตอบ
แอลลี่มีท่าทีลังเลอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุหลักที่ทำให้เขาต้องกลัวเสียงฟ้าร้องจนฝังใจก็เพราะเธอ หากเธอปฏิเสธเขาไปก็ดูเหมือนแล้งน้ำใจจนเกินไป แต่ถ้าตอบตกลงอยู่ต่อ แล้วจะให้เธออยู่ในสถานะอะไรในเมื่อการหมั้นก็เป็นแค่เรื่องสุดวิสัยที่ทั้งคู่แสดงละครเท่านั้น ส่วนจะให้อยู่ใต้ชายคาเดียวกับชายหนุ่มในฐานะเพื่อนสนิทข้างบ้านก็ฟังดูไม่ค่อยเข้าท่า
"ได้ไหม" เขายังอ้อนเธอไม่เลิก
แกจะมาอ้อนฉันเหมือนอ้อนสาวๆ พวกนั้นไม่ได้หรอกนะ อย่าคิดว่าฉันจะหลงกล เธอคิดในใจ
"อยู่ต่อได้ไหม"
"ลี่.."
เขารบเร้าให้เธอตอบคำถามจนคนฟังเกิดความรำคาญ
"นี่! เงียบหน่อยได้ไหม ฉันกำลังใช้ความคิด" เธอเอ็ดเขาที่เอาแต่เร่งเร้าเธออยู่นั่นแหละ
"แค่ได้กับไม่ทำไมต้องคิดนาน" ไต้ฝุ่นเสียงดังอย่างคนเอาแต่ใจ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนขอร้องหญิงสาวแต่เขากลับตะโกนเสียงดังจนแอลลี่เกือบตกใจ
"ก็ต้องคิดนานซิต่อให้ฉันกับนายจะเคยทำเรื่องอย่างว่ากัน แต่ฉันก็จำไม่ได้แล้วตอนนี้จะให้หญิงสาวผู้น่ารักอย่างฉันมาอยู่โดยลำพังกับนายแค่คิดก็ไม่เหมาะแล้ว" เธอสาธยายยาวเหยียดจนไต้ฝุ่นหูแทบชา
"เรื่องคืนนั้นเธอจำไม่ได้จริงเหรอ" เขาเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังตบหลังเขาเบาๆ
"ถ้าจำได้ก็คงรู้สึกดีกว่านี้" เธอตอบเขา ความรู้สึกไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นมันเหมือนปมปริศนาที่คาอยู่ในใจของเธอ เหตุเพราะเธอไม่เคยทำเรื่องอย่างว่ากับใครมาก่อนถึงตอนนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกมันจะแตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร ทำไมครั้งแรกของเธอต้องมาเกิดกับเขาด้วยนะ คิดแค่นั้นเธอก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ใจ
"จำไม่ได้ก็ดีแล้ว" ไต้ฝุ่นเอ่ยด้วยเสียงเบา ถ้าหากว่าเธอรู้ความจริงเธอจะยอมมาอยู่กับฉันเหรอ เขาคิดในใจ
"นายพูดว่าไงนะ" แอลลี่ยื่นหูเข้าไปใกล้เพราะไม่ได้ยินสิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ย แต่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอยื่นหน้ามาใกล้แค่ไหน ต่างจากอีกฝ่ายแม้ว่าตอนนี้จะมืดสนิทแต่เขาก็รับรู้ได้ถึงแก้มเนียนนิ่มที่สัมผัสกับใบหน้าของเขา
"เธอจะทำอะไร" เขารู้สึกประหม่าเมื่อเธอขยับเข้ามาใกล้
"นายพูดอะไร พูดดังๆ หน่อยซิ ฟ้าร้องเสียงดังมากฉันไม่ได้ยินที่นายพูดเลย" แอลลี่ยังขยับเข้าไปใกล้เข้าเช่นเดิม ตอนนี้เธอนอนคร่อมอยู่บนร่างของเข้าใบหน้าของเธอแนบกับใบหน้าของเขาแทบจะหลอมรวมกันอยู่แล้วแต่ก็นั่นแหละเพราะความมืดทำให้เธอไม่รู้สึกอะไร
พรึ่บ! แสงไฟกลับมาสว่างจ้าอีกครั้งเธอแหงนหน้ามองเพดานแล้วหันกลับมาพบว่าใบหน้าของเพื่อนสนิทห่างจากใบหน้าของเธอไม่ถึงคืบ ด้วยความตกใจเธอรีบดันตัวขึ้นแต่เพราะความรีบร้อนไม่ระวังศีรษะเจ้ากรรมชนเข้ากับขอบโต๊ะอย่างจังจนเธอล้มลงที่เดิม
แหมะ!
ร่างของเธอทับอยู่บนร่างของไต้ฝุ่นหนำซ้ำตอนนี้ริมฝีปากของเธอก็ประทับอยู่บนริมฝีปากของเขา แม้มันจะเป็นอุบัติเหตุแต่มันก็ยังน่าอายเพราะเธอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ด้วยความตกใจและประหม่าประสมร่วมกันจนแอลลี่ทำอะไรไม่ถูก เธอรีบร้อนลุกขึ้นเพราะความเขินอายแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะระวังขอบโต๊ะ
"ขอโทษ" แอลลี่เอ่ยคำขอโทษแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน เธออยากจะรีบเอาหน้าซุกที่นอนเพื่อหนีความอับอายที่ตนเองได้เพิ่งก่อ
"เธอจะรีบไปไหน" ไต้ฝุ่นเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทีเขินอายของหญิงสาว
"ไปนอน" เธอวิ่งเข้าไปในห้องโดยไม่สนใจที่จะหันกลับมามองด้วยซ้ำ
"ฮึ! ฮึ!" ไต้ฝุ่นเผลอยิ้มออกมากับท่าทางน่าเอ็นดูของเธอ เขามองด้านหลังของเธอจนเธอเดินลับตาไปแล้วก็ต้องหุบยิ้ม แปลกแต่จริงเขาไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าตั้งแต่ตอนไหนกันที่เพื่อนข้างบ้านเข้าครองพื้นที่ทั้งหมดในใจของเขา เขาสามารถยิ้มและหัวเราะได้โดยไม่ต้องมีเรื่องตลกก็เพราะเธอ
"ถ้าเธอรู้ว่าคืนนั้นเราไม่ได้มีอะไรกันเธอจะยอมอยู่ข้างฉันไหมแอลลี่"
พอนึกขึ้นได้ตั้งแต่เด็กเขาก็ทำตัวเป็นหมาหวงก้างตลอด เขาพยายามกันผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้เธอแต่ที่ทำแบบนั้นเพราะเชื่อฟังที่แม่ของเธอเคยบอกให้ดูแลแอลลี่ดีๆ อย่าให้หนุ่มๆ มาจีบ แรกๆ ก็คือทำตามคำขอ แต่ไม่รู้ว่ามันเริ่มตอนไหนกันที่เขาทำตามความต้องการของตัวเอง ความเห็นแก่ตัวและความโลภที่เห็นชายอื่นเข้าใกล้เพื่อนสนิทแล้วเกิดอาการหวงเพราะอยากครอบครองเธอคนเดียวมันเริ่มขึ้นเมื่อไรกันแน่ ยิ่งเขาคิดทบทวนเขาก็ยิ่งรู้สึกผิด เพราะตัวเขาเองก็มีหญิงสาวเข้ามาไม่ขาด แต่กับเธอเขาไม่เคยปล่อยโอกาสให้มีชายหนุ่มเข้าใกล้เธอเลยแม้แต่คนเดียว ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นแก่ตัว แต่จะทำไมล่ะ ในเมื่อเธอคือเพื่อนบ้าน เพื่อนสนิท และตอนนี้เธอเป็นเมียของเขา
...........
"นายลงไปนอนด้านล่างได้ไหม" เธอพยายามดันตัวของไต้ฝุ่นในลงไปนอนด้านล่าง
"ไม่" เขาปฏิเสธ
"แต่ฉันนอนไม่หลับ"
"ตื่นเต้นที่ฉันนอนข้างๆ เหรอ" เขาเอ่ยด้วยเสียงยียวนชวนโดนฝ่ามือ
"ตื่นเต้นกับผีนะซิ อึดอัดจะแย่"
ไต้ฝุ่นตกใจกับคำตอบของหญิงสาว เขาอุตส่าห์ใช้ไม้เด็ดที่สาวคนไหนก็ต้องตกหลุมรักมาใช้กับเธอ แต่เธอกลับไม่มีทีท่าหลงกล จริงๆ แล้วเธอไม่มีทีท่าอะไรเลยไม่สนใจว่ามีหนุ่มหล่อนอนข้างๆ ไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ ทำไมไม้ตายพวกนี้ใช้ไม่ได้ผลกับเธอเลย
"มองหน้าฉันทำไม ลงไปนอนด้านล่างซิ อึดอัดจะตายอยู่แล้ว" แอลลี่ทำท่าพลิกตัวไปมาอย่างยากลำบาก
"นี่มันที่นอนห้าฟุตเธอก็ตัวนิดเดียวและฉันก็ไม่ได้อ้วนขนาดนั้น เธอจะอะไรนักหนา" เขาบ่นที่เธอเอาแต่ไล่ให้เขาไปนอนที่อื่นทั้งที่เตียงนี่ก็เป็นของเขาเหมือนกัน
"แต่ฉันไม่ชิน กับการที่จู่ๆ ก็ต้องมีคนมานอนข้างๆ " เธอเอ่ยกับเขา เพราะเธอรู้สึกไม่ชินจริงๆ ปกติเคยนอนคนเดียวมาตลอดแต่ตอนนี้ต้องมานอนกับคนอื่นมันรู้สึกอึดอัดไปหมด
"เดี๋ยวเธอก็ชิน เพราะต่อไปฉันจะนอนกับเธอทุกวัน"
แอลลี่มองหน้าชายหนุ่มที่ส่งสายตายียวนพร้อมรอยยิ้มให้เธอก่อนเบ้ปากให้เขา
"เฮอะ! ฉันไม่เหมือนนายไหม ที่มีสาวๆ มานอนข้างตลอด" เธอพูดประชดจนไต้ฝุ่นสะอึก
"พูดมาก นอนได้แล้ว" เขาดึงผ้าขึ้นมาคลุมใบหน้าของหญิงสาวไว้
เธอดึงผ้าห่มออกแล้วมองหน้าเขา
"พอพูดเรื่องจริงเข้าหน่อยรับไม่ได้" แอลลี่พูดต่อ
ไต้ฝุ่นตะแคงหนีหน้าไปอีกข้างปล่อยให้หญิงสาวนอนหลับไป เพราะความเหนื่อยล้าจากการย้ายของทั้งวัน แอลลี่นอนดิ้นไปมาเธอตะแคงซ้ายขวาโดยมีชายหนุ่มนอนมองอยู่ข้างๆ ก่อนพลิกตัวมาหยุดตรงหน้าของไต้ฝุ่น
ใบหน้าเนียนที่ไร้แว่นตา ขนตางอนและจมูกโด่งได้รูป ดึงความสนใจของเขาไม่น้อย เขามองหน้าเธอแล้วได้แต่พึมพำ
"ถ้ารู้อนาคตว่าเราสองคนจะลงเอยแบบนี้ฉันก็จะนอนกับเธอแค่คนเดียว"
"แต่เธอรู้ไหม เธอก็ผิดที่เห็นฉันเป็นแค่เพื่อน"