บทที่6 ริษยา2

1969 คำ
เฟิงลี่ไม่คิดเลยว่าจะมีวันที่นางได้รับข่าวร้าย ข่าวร้ายมากๆ เพราะเมื่อวานนางเพิ่งจะบอกกับตัวเองว่าการใช้ชีวิตสงบสุขเช่นนี้ดีมากๆ บิดาของนางถูกหามเข้าบ้านโดยมีแผลถูกแทงที่ท้อง วงเลือดขนาดใหญ่เปื้อนเสื้อของเขาบ่งบอกถึงความอันตราย “ท่านแม่เกิดอะไรขึ้น ท่านพ่อ?” เฟิงลี่วิ่งเข้าบ้านอย่างตกใจ ตอนแรกที่ท่านปู่เจียงนำเกวียนมาส่งท่านพ่อนางยังรู้สึกแปลกใจอยู่เลย แต่เมื่อเห็นเลือดนางก็รีบวิ่งมาดู ปรากฎว่าท่านพ่อโดนแทงที่ท้อง อาการสาหัสมากจำต้องเชิญท่านหมอมาที่บ้านซึ่งต้องใช้เงินเยอะมาก แต่บ้านนางเหลือเงินไม่ถึง300อีแปะเท่านั้น ไม่รู้ว่าจะพอค่ายาหรือไม่ เฟิงลี่นึกถึงกล่องปฐมพยาบาลขึ้นมา นางจึงสงบใจลงได้อย่างรวดเร็วและเริ่มถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ปู่เจียงยังอยู่ข้างเตียงไม่ไปไหน เขามือสั่นน้อยๆ ใบหน้าซีดเผือดเหมือนตกใจบางอย่าง “ท่านพี่ ท่านพี่อย่าเป็นอะไรไป อย่าทิ้งข้ากับลูกไว้ลำพังนะเจ้าคะ” ตี้จิงหรุยจับมือสามีขึ้นมาแนบหน้า มือน้อยพยายามกดห้ามเลือดให้สามี เมื่อเฟิงลี่ไม่ได้รับการตอบรับจากใคร เฒ่าเจียงก็ผลุนผลันออกไปเพื่อนำหมอมาที่บ้านนี้ เฟิงลี่จึงเดินไปปิดประตูห้อง ก่อนจะหันไปบอกมารดา “ท่านแม่ช่วยตัดเสื้อท่านพ่อออกที แล้วก็นำผ้าสะอาดมาเตรียมไว้ พร้อมกับถังน้ำ เอาน้ำกินของเราเข้ามานะเจ้าคะ” “อาลี่ เจ้าช่วยพ่อได้ใช่มั้ยลูก อย่างน้อยก็ทำแผลให้ไม่ให้เขาเสียเลือดมาก” นางตี้จิงเหวียนวิตกไปหมดจนหน้าซีดตัวสั่น นางหันไปเอ่ยถามบุตรสาวและหวังว่าท่านเทพที่คุ้มครองบุตรสาวจะช่วยเหลือได้ “ท่านแม่ทำตามที่ลูกบอกก่อน ท่านพ่อจะไม่เป็นอะไรไป….เป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด!” เฟิงลี่ยืนยันหนักแน่น แอบหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาจากช่องเก็บของจากจุดอับสายตา เมื่อนำออกมาแล้วก็เปิดกล่องวางไว้บนเตียง เมื่อนางตี้จิงหรุยกลับเข้ามาเห็นกล่องอุปกรณ์แปลกๆก็ไม่ได้ถามอะไร รีบเข้ามาตัดเสื้อให้สามีทันที “ท่านแม่ข้าจะดูแผล ท่านเตรียมเช็ดเลือดที่ไหลออกมา แล้วก็ข้าจะทำการเย็บแผลและทำความสะอาด นอกจากนี้ยังต้องดูว่าอวัยวะภายในบาดเจ็บมั้ยด้วย” เฟิงลี่กล่าวอย่างเชี่ยวชาญ แต่เด็กสาวชะงักไปหลายครั้งเมื่อมองแผลที่มีเลือดไหลทะลักออกมา โชคดีที่นางมีเครื่องมือทันสมัยหลายอย่าง ในกล่องมีเข็มฉีดยาสองเข็มที่ถูกบรรจุยาเรียบร้อยแล้ว เพียงเปิดปากเข็มออกและผลักดันอากาศด้านในเข็มออกเท่านั้นก็ใช้ได้ เมื่อนางเพ่งดูเข็มสีฟ้าเป็นยาชา ยาห้ามเลือด แก้อักเสบ และยาแก้ปวด ส่วนอีกเข็มเป็นยาป้องกันบาททะยัก ซึ่งนางต้องการพอดี เฟิงลี่ทำแผลให้บิดาจนไม่ได้สังเกตว่ามีภารกิจใหม่เข้ามา และมันแจ้งเตือนนานแล้วแต่นางไม่ได้สนใจ แน่นอนว่ามันเป็นภารกิจช่วยชีวิตบิดาของนาง หลังจากฉีดยาแล้วนางก็เริ่มทำความสะอาดและใช้อุปกรณ์ที่เหมือนแว่นขยายตรวจดูว่าภายในได้รับความเสียหายมั้ย โชคดีที่อวัยวะภายในปลอดภัย หลังจากฉีดยาไปแผลเล็กๆของอวัยวะภายในก็สมานตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดไม่ไหลอีก เมื่อแน่ใจแล้วนางก็ทำความสะอาดและชั่งใจ ...ก่อนจะเก็บอุปกรณ์และไม่ได้ทำแผลทั้งหมด แต่รอหมอของโลกนี้มาดูอาการก่อน จากนั้นนางค่อยเย็บแผลให้บิดาก็ได้ เฟิงลี่ให้มารดานำผ้ามากดแผลไว้เบาๆเพื่อป้องกันเลือดไหลออกมา แน่นอนว่านางไม่ได้ให้กดจริงๆแค่วางผ้าและมือไว้เบาๆเท่านั้น จากนั้นนางก็หันไปสนใจกล่องปฐมพยาบาล ด้านในมันมีเพียงเข็มฉีดยาสองเข็มนั้น เครื่องกระตุ้นหัวใจแบบแผ่นบางที่ติดกับฝ่ามือ ยังคงคอนเซปส์ของวิเศษเหมือนเดิมเพราะมันไม่มีสายไฟหรืออะไรเลย แต่เพราะมันมีคำอธิบายเฟิงลี่ถึงรู้ว่ามันเอาไว้แปะที่มือไว้ใช้ช่วยกระตุ้นหัวใจเหมือนเครื่องช็อตไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีผ้าพันแผลแบบยืดหยุ่นกันน้ำกันแมลงแต่ระบายอากาศได้ดี ยาสมานแผลขวดเล็กๆคล้ายเบตาดีนเพราะมันเป็นสีแดง ส่วนแอลกอฮอล์ล้างแผลและสำลีนั้นมีอยู่แล้ว และยังมีของวิเศษอีกอย่างคือเครื่องเย็บแผล ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องยิงเลเซอร์ มันสุดยอดมาก!! นอกจากนี้คำอธิบายของกล่องปฐมพยาบาลนี้ ยังบอกไว้ว่ามันจะเติมยาได้โดยต้องใช้แต้มเพื่อเติมยาสำหรับระดับD ต้องใช้แต้ม1แต้มเท่านั้น นี่มันคุ้มมาก!! เพราะมันเป็นเครื่องมือช่วยชีวิตของนางเลยทีเดียว “อาลี่ ท่านหมอมาแล้ว” ท่านแม่เห็นนางเหม่อก็รีบเรียก เฟิงลี่จึงรีบเก็บกล่องปฐมพยาบาลอย่างรวดเร็ว ขณะที่ประตูเปิดออกพอดี ท่านหมอเดินเข้ามาพร้อมกับเด็กคนหนึ่งและท่านปู่เจียง “อืม...ได้ห้ามเลือดไว้อย่างดีแล้ว เขาไม่เป็นอะไรมากอาการบาดเจ็บหนักหนาเพียงแค่เลือดออกเยอะเท่านั้น ที่เหลือก็เพียงรักษาตัวให้ดี ข้าจะช่วยปิดแผลและทำความสะอาดแผลให้ ส่วนยาราคา100อีแปะ ถ้าไม่มีเงินจ่ายก็ติดไว้ก่อนก็ได้” ท่านหมอเอ่ยอย่างใจดี “ขอบคุณท่านหมอมากเจ้าค่ะ” ท่านแม่จ่ายเงินท่านหมอไปสามร้อยอีแปะ ซึ่งเป็นทั้งค่าแรงและค่ายาของท่านหมอพอดี ท่านหมอบอกว่าต้องกินยาอีกสองสามเทียบซึ่งราคารวมแล้วสองสามร้อยอีแปะ นั่นทำให้ท่านแม่เครียดมาก เมื่อท่านหมอจากไป ท่านแม่เดินกลับมาจากการไปส่งท่านหมอและท่านปู่เจียง นางเดินหน้าเครียดเข้ามาเฟิงลี่จึงเดินไปถาม แน่นอนว่าซ่งเฟิงไม่อยู่ไม่เช่นนั้นคงวุ่นวายกว่านี้ “อาลี่...มีคนอยากซื้อเจ้าไปเป็นอนุ เป็นคนที่หมายตาแม่ไว้แล้วครั้งหนึ่ง ไอ้แก่บ้ากามผู้นั้นแม้กระทั่งเด็กตัวเล็กๆมันก็จะเอา!! ต่อไปเวลาเจ้าไปไหนต้องระวังให้มากเข้าใจหรือไม่ ครั้งนี้มันส่งคนมาทำร้ายบิดาเจ้าเพราะเขาปฏิเสธมัน ไม่แน่มันอาจจะทำร้ายเจ้าได้!” เฟิงลี่ได้ยินอย่างนั้นก็ตัวแข็งไป ใบหน้าของนางงดงามเหมือนท่านแม่แต่โดดเด่นกว่ามาก นางไม่คิดเลยว่าใบหน้าของตนเองจะทำให้ครอบครัวเดือดร้อนอย่างนี้ “แล้วคนผู้นั้นเป็นใครกันเจ้าคะท่านแม่ ข้าไม่เคยออกนอกหมู่บ้านเลย เหตุใดคนผู้นั้นจึงรู้จักข้าได้” “นั่นเพราะ...แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แม่จะลองสืบๆดู ถึงไอ้แก่ผู้นั้นจะเลว แต่มันไม่กล้าทำอะไรผิดกฎหมายมาก่อน แม่คิดว่าคงเป็นเพราะถูกยุยง มันจึงได้ทำร้ายพ่อของเจ้า” นางตี้จิงหรุยถอนหายใจ ดวงตาแดงก่ำเพราะต้องการสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ เฟิงลี่ได้แต่ฟุบหน้าลงกับเตียง แต่ก็เพียงชั่วคราวเพราะนางยังไม่ได้เย็บแผลให้บิดา นางผงกหัวขึ้นมา แต่ก่อนที่นางจะได้ลงมือ ประตูก็เปิดเข้ามาก่อน โชคดีที่คนที่เปิดเข้ามาคือซ่งเฟิง เขาปรี่เข้ามาดูบิดาด้วยใบหน้าซีดเผือดไม่ต่างจากผู้เป็นบิดาเลย ก่อนจะเงยหน้ามองมารดาแล้วแล้วร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น “ท่านแม่ วันก่อนมีคนอ้วนๆสวมใส่เครื่องทองเต็มตัวมาหาข้าและท่านพ่อ ขณะที่พวกเราเดินอยู่ในเมือง คนพวกนั้นบอกว่าต้องการซื้อน้องสาวไปเป็นอนุภรรยาของเขา แต่ท่านพ่อปฏิเสธและไม่ยอม พร้อมกับบอกว่าจะไปแจ้งทางการหากเขาทำอะไรร้ายๆ ข้าไม่คิดเลย ไม่คิดเลยว่า...ฮึ่ก”ซ่งเฟิงบอกเล่าทั้งน้ำตา เฟิงลี่ใบหน้าเข้มขรึม นางเปิดแผลที่ท่านหมอทำให้บิดา ก่อนจะลงมือเย็บแผลให้บิดาเงียบๆด้วยเครื่องมือวิเศษ เพียงแค่ใช้เลเซอร์ก็ปิดแผลได้แล้ว จากนั้นนางก็ป้ายยาสมานแผลบางๆ เพราะถึงแผลจะปิดแต่มันยังเป็นรอยแยกเล็กๆแดงๆอยู่ “น้องสาว นั่นคืออะไรกัน” ตอนนี้มีคนยืนมองงงๆอยู่สองอัตรา ตอนแรกซ่งเฟิงยังโวยวายอยู่ แต่เมื่อเห็นความมหัศจรรย์ของสิ่งที่เฟิงลี่ใช้ พวกเขาก็อ้าปากค้างเลยทีเดียว “ท่านเทพให้ลูกมาเจ้าค่ะ ไม่คิดว่าจะได้ใช้” เฟิงลี่เอ่ยยิ้มๆ “น้องสาว สุดยอดไปเลย เจ้ามีเทพคุ้มครองจริงๆใช่มั้ย ข้าอยากเห็นจังเลย” “พี่ใหญ่ท่านอย่าตื่นเต้นเกินไป เรื่องนี้ต้องเก็บเป็นความลับนะเจ้าคะ ท่านเทพไม่อยากให้ใครรู้” เฟิงลี่เอ่ยอย่างใจเย็น “ใช่อาเฟิง เราต้องเก็บเป็นความลับสุดยอด อย่าบอกใครเด็ดขาด!” มารดารีบย้ำ “แน่นอน ข้าจะเก็บเป็นความลับ!” ซ่งเฟิงรีบรับปาก ก่อนที่เขาจะเล่าเรื่องให้ฟังอีกครั้งอย่างละเอียด ว่าเมื่อวานนี้เขาเจอกับอะไรมาบ้าง และบิดารู้สึกสงสัยว่าทำไมคนในเมืองจึงรู้จักกับเฟิงลี่ วันนี้เขาและบิดาจึงแยกย้ายกันไปเดินสอบถาม แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ข่าวว่าบิดาโดนปล้นและถูกแทง เขาจึงรีบวิ่งกลับบ้านมา โดยสวนทางกับเกวียนปู่เจียงเพียงครู่เดียว ซ่งเฟิงเหงื่อโทรมกาย เขาเล่าว่าชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจบ้านซ่ง แต่กลับมีข่าวว่าท่านป้าสะใภ้สามมีคนจากในเมืองมาติดต่อ ส่วนท่านลุงสามก็ออกจากบ้านไปช่วงบ่าย ตอนที่ซ่งเฟิงกำลังจะกลับบ้านยังเห็นลุงสามวิ่งสวนกลับไปยังบ้านใหญ่อยู่เลย คิดแล้วก็แปลก เขาเห็นลุงสามทำท่าทีร้อนรนเหมือนหนีอะไรมา แต่เพราะเขาเร่งรีบจึงไม่ได้เข้าไปทักทาย แต่เมื่อมาคิดดูแล้วเส้นทางทิศใต้ของหมู่บ้านค่อนข้างเปลี่ยว ท่านลุงสามจะไปทำไมกันนะ? หลังจากฟังที่ซ่งเฟิงเล่าให้ฟัง เฟิงลี่ก็พอจะประติดประต่อเรื่องที่เกิดได้ และรู้ว่าลุงสามต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ท่านพ่อบาดเจ็บเป็นแน่ แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ...นี่ก็ไม่เกี่ยวกับคนที่ต้องการจะแต่งนางเป็นอนุภรรยาสิ “รอท่านพ่อพวกเจ้าฟื้นขึ้นมาเถอะ อย่างไรเขาก็เป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์เพียงคนเดียว” นางตี้จิงหรุยสรุปเช่นนั้น ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป โดยทั้งสามวนเวียนกันมาเฝ้าไข้บิดาไว้อย่างดี แต่กลับไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเช่นที่ท่านหมอเตือนไว้ เนื่องจากท่านพ่อได้กินยาเพิ่มพลังกายไปแล้วสองหยดจึงมีความอดทนมากกว่าคนธรรมดาเล็กน้อย นอกจากนี้เขายังดื่มน้ำวิเศษมาตลอดหลายวัน ไม่แปลกที่จะมีร่างกายแข็งแรงและฟื้นตัวได้เร็ว เมื่อเฟิงลี่ว่างและกลับมาที่ห้อง กลับเห็นแจ้งเตือนภารกิจใหม่พอดี นางรีบเปิดขึ้นมาก่อนจะอ้าปากค้าง...ดูเหมือนว่า นางจะไม่จำเป็นต้องคิดมากอีกต่อไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม