(พ่อเดย์คลั่งรักเด็ก)
เรื่องราวได้เริ่มต้นขึ้นที่ต่างจังหวัด
13:25 น.
"ลุงวินป้าจ๋าพี่วายุมาแล้วค่ะ!" เป็นเสียงเด็กสาววัยสิบแปดปีหรือพะพาย เมื่อเห็นรถคันหรูสีดำของคนเป็นพี่ชายที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเธอได้ขับเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้าน เธอจึงตะโกนบอกผู้เป็นลุงแท้ๆกับป้าสะใภ้ที่อยู่หลังบ้านทันที และไม่รอช้าเธอรีบวิ่งไปหาคนเป็นพี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ที่กำลังลงจากรถ
"สวัสดีค่ะพี่วายุ หวัดดี เราชื่อพะพายนะ เป็นน้องพี่วายุ" เมื่อวิ่งมาถึง พะพายจึงเอ่ยสวัสดีพร้อมกับพนมมือน้อยๆไห้วพี่ชาย และหันไปเอ่ยทักทายแฟนสาวของพี่ชาย ซึ่งเธอก็พอรู้มาบ้างจากผู้เป็นลุงว่าแฟนของพี่ชายนั้นอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เธอจึงเลือกที่จะเอ่ยทักทายและแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นกันเอง
"หวัดดีจ่ะ เราชื่อมิรานะ เป็นแฟนพี่วายุ" แฟนของพี่ชายที่มีนามว่ามิราเอ่ยทักทายและแนะนำตัวเองกลับด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นกันเองเช่นกัน
"ไม่ต้องบอกก็รู้แล้วจ้า พี่วายุโทรมาบอกลุงวินแล้ว แต่มิราหน้าตาน่ารักมากเลยนะ พี่ชายพายเนี่ยตาถึงจริงๆ" ประโยคแรกๆพะพายพูดกับมิราอย่างเป็นกันเอง ประโยคหลังหันไปเอ่ยแซวคนเป็นพี่ชายด้วยรอยยิ้มชอบใจ ซึ่งพะพายก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายเป็นลูกคุณหนูที่พี่ชายของเธอนั้นดูแลอยู่ และเธอก็รู้สึกถูกชะตาและชอบในตัวมิราเป็นอย่างมาก เพราะถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นลูกคุณหนูแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีวางตัวหรือท่าทีหยิ่งแต่อย่างใด กลับกันเลยด้วยซ้ำ มิรากลับดูเข้าถึงง่าย พูดจาก็เป็นกันเอง และดูไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย พลางคิดว่าพ่อของมิราสอนลูกสาวได้ดีมาก ไม่เหมือนกับพวกคุณหนูเอาแต่ใจเพราะถูกพ่อแม่ตามใจเหมือนในละครหลังข่าวที่เธอเคยดู
"เข้าไปคุยกันต่อในบ้านดีกว่านะเด็กๆ" คนเป็นพี่ชายหรือวายุที่กำลังฟังสองสาวคุยกัน เขาก็ได้เอ่ยขึ้นมาเพราะตอนนี้บ่ายกว่าแล้ว แดดมันแรงคุยตรงนี้คงไม่สะดวก หลักๆคือเป็นห่วงคนรักที่ตอนนี้แก้มสองข้างแดงก่ำคงจะร้อนเพราะฤทธิ์แดด
"ค่ะ/ค่ะ" สองสาวพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้มพร้อมกันทันที จากนั้นพะพายก็ถือวิสาสะโอบเอวของมิราแล้วพากันเดินเข้าไปในบ้าน พลางพูดคุยกันไปด้วยอย่างสนิทสนม โดยมีวายุเดินถือกระเป๋าสัมภาระของคนรักและของเขาตามหลังเด็กสาวสองคนไปติดๆ วายุยิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดูเด็กสาวทั้งสองคนที่ดูจะสนิทสนมกันเร็วและเข้ากันได้ดี เห็นน้องสาวกับคนรักเข้ากันได้ดีแบบนี้เขาก็มีความสุขไปด้วย
ภายในห้องรับแขก
"ทานข้าวเที่ยงกันมารึยังคะ" เป็นป้าสะใภ้ที่มีนามว่าป้าจ๋าเอ่ยถามคนรักของหลานชายที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกตัวเยื้องกับตัวที่เธอและสามีนั่งอยู่ ทีแรกหลังจากที่เอ่ยทักทายสวัสดีกันเสร็จเธอและสามีตั้งท่าจะนั่งพื้นแล้วด้วยซ้ำเพราะอยากให้เกียรติอีกฝ่าย ถึงแม้ว่าเด็กสาวจะเป็นคนรักของหลานชายแต่ถึงอย่างไรนั้นเธอก็ยังมีศักดิ์เป็นเจ้านายของหลานชายอยู่ดี แต่แล้วไม่ทันที่คนเป็นลุงและป้าจะได้นั่งพื้นก็โดนเด็กสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นคุณหนูห้ามเอาไว้เสียก่อน จึงต้องนั่งโซฟาตามความต้องการของเด็กสาว
"หนูกับพี่วายุเราแวะทานข้าวเที่ยงกันเรียบร้อยแล้วค่ะ" มิราตอบด้วยรอยยิ้มตามปกติ ไม่ได้ดูอึดอัดหรือฝืนแต่อย่างใดที่จะต้องมาสนทนากับผู้ใหญ่ทางฝั่งคนรัก
หลังจากนั้นภายในห้องรับแขกก็เริ่มมีบทสนทนาต่อไปเรื่อยๆพร้อมกับรอยยิ้มและเสียงหัวเราะในบทสนทนานั้นๆ จากนั้นเมื่อต่างคนต่างพูดคุยกันไปได้สักพัก คนเป็นหลานชายที่มักจะไม่ค่อยพูด ได้แต่เป็นผู้ฟังและผู้ตอบ เขาก็ได้เอ่ยกับคนเป็นน้องสาวที่นั่งอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับเขา
"มหาลัยที่เราสมัครเอาไว้ อาทิตย์หน้าจะเปิดสอบเข้าแล้วไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้พี่จะกลับแล้ว งั้นเราก็เข้ากรุงเทพพร้อมพี่เลยแล้วกัน" ที่วายุพูดเหมือนรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับน้องสาว นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นคนส่งเสียเลี้ยงดูค่าเล่าเรียนของน้องสาวมาตลอดตั้งแต่ที่พ่อของเธอเสียโดยอยู่ในความปกครองของผู้เป็นลุงและป้า ซึ่งหลังจากนี้คนเป็นน้องก็ต้องอยู่ในความปกครองของพี่ชายอย่างเขาแบบเต็มตัวเพราะคนเป็นน้องต้องไปเรียนต่อที่มหาลัยในกรุงเทพ ซึ่งวายุก็ได้ปรึกษาหาลือกันแล้วว่าจะให้คนเป็นน้องไปพักอาศัยอยู่ที่คอนโดของเขาในระหว่างที่เรียนมหาลัย ส่วนตัวของเขาก็อยู่บ้านพักบอดี้การ์ดในคฤหาสน์ของพ่อตาเช่นเดิม
"ดีเลย เข้ากรุงเทพพร้อมพี่เค้าลุงจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง" คนเป็นลุงหรือลุงวินที่เป็นคนพูดน้อยเหมือนกัน เขาก็พูดสมทบขึ้นมาทันที เพราะเขาเองก็เป็นห่วงไม่อยากให้หลานสาวต้องเดินทางเข้ากรุงเทพคนเดียวด้วยรถโดยสาร แต่กระนั้นถ้าจะให้เขาไปส่งก็เกรงว่าจะขับรถไม่ไหว กว่าจะไปถึงกรุงเทพโรคเก๊าคงกำเริ่มกันพอดี
"เอางั้นก็ได้ค่ะ" พะพายเธอได้หมด ผู้ใหญ่ว่ายังไงเธอก็ว่าตามนั้น
"งั้นพายไปเก็บกระเป๋าเถอะลูก พรุ่งนี้จะได้เค้ากรุงเทพพร้อมพี่เค้าเลย" คนเป็นป้าเอ่ยเสนอสมทบต่ออีกคน เธอเองก็หายห่วงที่คนเป็นหลานไม่ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพคนเดียวแล้ว
จากนั้นพะพายก็ได้ไปเก็บสัมภาระจำเป็นของตัวเองเพื่อเตรียมตัวเดินทางเข้ากรุงเทพพรุ่งนี้พร้อมกับคนเป็นพี่ชาย
"แล้วพะพายจะสอบเข้ามหาลัยอะไรเหรอคะ" คล้อยหลังพะพาย มิราก็เอ่ยถามขึ้นทันที พลางกวาดสายตามองทุกคนในที่นี้ไม่ได้เจาะจงว่าถามใคร
"มหาลัยเดียวกันกับหนูนั่นแหละครับ แต่คนละคณะ" เป็นวายุที่เอ่ยตอบคำถามของคนรักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางยกมือหนาข้างหนึ่งขึ้นมาลูบศรีษะเล็กเบาๆอย่างรักใคร่ทะนุถนอม จนคนเป็นลุงและป้าที่เห็นแบบนั้นก็ต้องยิ้มตามให้กับความอ่อนโยนของหลานชายที่มีต่อเด็กสาว ซึ่งพวกเขาก็ไม่เคยเห็นหลานชายอ่อนโยนกับใครเช่นนี้มาก่อน
"จริงเหรอคะ แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้สอบเข้าคณะเดียวกัน ว่าแต่พะพายจะสอบเข้าคณะอะไรเหรอคะ" ถึงจะเสียดายที่ไม่ได้สอบเข้าคณะเดียวกัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามในประโยคหลังด้วยความใคร่รู้ ซึ่งตัวเธอนั้นจะสอบเข้าคณะบริหารตามที่ได้ตั้งใจเอาไว้ว่าถ้าเรียนจบแล้วจะได้ช่วยผู้เป็นพ่อบริหารธุรกิจ
"คณะนิเทศศาสตร์ครับ" วายุตอบคำถามของคนรักโดยที่มือหนาก็ยังลูบศรีษะเล็กอยู่อย่างนั้น มองคนรักด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู จนคนเป็นลุงและป้าที่มองทั้งคู่อยู่ก็ยิ้มตามและพลอยมีความสุขไปด้วย